ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 561 ความประหลาดใจ (1)
ตอนที่561 ความประหลาดใจ (1)
ตอนที่561 ความประหลาดใจ (1)
เสียงตบนี้กึกก้องสนั่นหวั่นไหว!
เซียถงรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวแก้มเล็กน้อย
ไม่มีใครกล้าปฏิบัติเฉกเช่นนี้ต่อนางมาก่อน ทันทีที่โดนดังว่า กระทั่งนางยังเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเหลือเชื่อ
สุ้มเสียงกังวานนี้ดึงดูดทั้งสายตาของเย่หลีเทียนและไป๋หลี่หานในบัดดล
เย่หลีเทียนปั้นหน้าฉงนรู้สึกประหลาดใจอยู่หลายส่วน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครกล้าตบหน้าเซียถงจริงๆ และเป็นหญิงชรานางนี้ที่หาญกล้า! สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาดูจะสนอกสนใจมากขึ้นไปใหญ่ อยากรู้เสียเหลือเกินจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะพึงทราบ ถึงแม้จะรู้ดีว่า องค์จักรพรรดินีเหลิ่งเป็นแม่ของไป๋หลี่หาน แต่คนนิสัยแบบเซียถงเองก็ไม่มีทางทนกับเรื่องเช่นนี้ได้เหมือนกัน
การตบหน้าครั้งนี้ทำเอาไป๋หลี่หานชะงักค้างตะลึงงันไม่ต่าง เขามิอาจเข้าใจได้เลยสักนิด แล้วไฉนท่านแม่ถึงต้องปฏบัติเช่นนี้ต่อเซียถงด้วย? และหากไม่ใช่เซียถงที่ออกโรงช่วยเหลือเมื่อครู่ ปานนี้นางก็คงตกหอคอยตายไปแล้วเช่นกัน! ไป๋หลี่หานมุ่งมองเซียถงตัดสลับกับท่านแม่เจือแววงุนงงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลดฝ่ามือคว่ำลง เซียถงค่อยแช่มเงยหน้าขึ้นจับจ้ององค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่จ้องเขม็งอาฆาตใส่ อันเนื่องจากโทสะชั่วขณะ รัศมีไอเย็นทะลักทลายจากในกายเซียถงพุ่งเข้ากดดันครอบทั้งร่างขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งเอาไว้ ทำเอาหญิงชราอดตัวสั่นเทามิได้ แต่นี่ก็ยิ่งทำให้สายตาที่มุ่งมองแกร่งกร้าวอาฆาตยิ่งขึ้น!
ทันใดนั้น องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง แรงลมปะทะจากฝ่ามือหวดเข้าใส่ใบหน้าของเซียงอีกครั้ง แต่คราวนี้นางคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน
เพิ่งตบหน้ากันไปหมาดๆ ยังคิดหาญกล้าตบข้าเป็นคำรบสองติดกัน?
คิดจริงหรือว่า คนอย่างเซียถงจะยอมปล่อยให้เกิดขึ้น?
“พอแล้ว!”
เซียถงแผดเสียงคำรามตะคอกตอกหน้าองค์จักรพรรดินีเหลิ่งอย่างเกรี้ยวกราด หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าไป๋หลี่หาน นางคงฆ่าทิ้งไปนานแล้ว และนางรู้สึกดหงุดหงิดเสียงเหลือเกิน ใครจะคาดคิด ฟันฝ่าความลำบากมาตั้งเนิ่นนาน เพื่อมาให้อีกฝ่ายตบหน้านี่น่ะรึ!?
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งย่อมสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารหนาวเหน็บที่คุกรุ่นในดวงตาของเซียถงได้ชัดเจน พริบตานั้น นางหันศีรษะหาไป๋หลี่หานที่อยู่ด้านบนหอคอย คำรามด้วยโทสะว่า
“เจ้าฆ่านางเสีย!!”
แต่ทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวจบ นางก็เหลือบหางตาไปเห็นกระบี่เล่มหนึ่งที่ตกอยู่ข้างพื้นแถวนั้น นางพุ่งโฉบไปคว้าทันทีและหันเข้าฟันฟาดใส่เซียถงโดยไม่มีลังเล
เซียถงบิดฝ่าเท้าหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย อัดพลังลมปราณควบแน่นบนฝ่ามือและตบใส่ใบกระบี่เล่มนั้นจนแตกเป็นเสี่ยงคามือขององค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ในคราวนี้น้ำเสียงที่เปล่งดังจากปากของนางยิ่งทวีความเยือกเย็นเป็นเท่าตัว ก่นเสียงเคร่งขรึมเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นว่า
“คิดจะทำอะไรอีก?”
“เสด็จแม่!”
ไป๋หลี่หานแทบไม่อยากเชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น
“เสด็จแม่! ท่านคิดจะทำอะไรของท่าน!?”
ก็เห็นอยู่ว่า คนที่ฆ่าหยานหรันและยึดอี้เฉิงก็คือเย่หลีเทียน แต่ไฉนองค์จักรพรรดินีถึงใส่ความสร้างปัญหากับเซียถงแทน? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?
ฉวยโอกาสระหว่างที่ไป๋หลี่หานมุ่งหมายความสนใจไปด้านอื่น เย่หลีเทียนเคลื่อนไหวจู่โจมฉับพลัน แทงคมกระบี่ในมือทะลวงใส่ไป๋หลี่หานจนโซเซหลบเลี่ยงแทบไม่ทัน ทั้งสองเริ่มโรมรันกันอีกครา สองคมกระบี่ปะทะชน ก่อเกิดเป็นประกายไฟกระเซ็นสาดครั้งแล้วเล่า
“หานเอ๋อร์!”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งแผดเสียงตะโกนลั่น
“นังเซียถงเป็นคนฆ่าหยานหรัน!”
ไป๋หลี่หานกับเย่หลีเทียนสัประยุทธ์เดือดต่อเนื่องหลายร้อยเพลงกระบวน กล่าวคือในหนึ่งอึดใจ ทั้งสองฝ่ายต่างออกท่ามากกว่าสิบการเคลื่อนไหว ไป๋หลี่หานยกกระบี่ทองคำขึ้นฟันฟาด ทางด้านเย่หลีเทียนยกกระบี่ขวางตั้งรับอย่างรู้ทัน เสียงโลหะประสานงาบาดแก้วหูดังกึกก้องไพศาล และเป็นฝ่ายเย่หลีเทียนที่คล้ายจะดูเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง เขาระบายยิ้มชั่วร้ายแสยะกว้าง
ไป๋หลี่หานรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เขาค้นพบว่า ระดับพลังลมปราณของเย่หลีเทียนมิเพียงฟื้นตัวกลับมาได้ภายในช่วงเวลาอันสั้นเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ายังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
เสียงสมรภูมิดังอึกทึกครึกโครมแผดไพศาลก้องสารทิศทั่วเบื้องล่าง ขุมกำลังทั้งสองฝ่ายออกโรงประจัญบานปะทะกัน ศึกใหญ่ในอี้เฉิงได้เริ่มต้นขึ้น
โม่ซวนยกนิ้วเป่าเรียกส่งสัญญาณออกมาคำหนึ่ง และขุมกำลังอีกกลุ่มที่ซุกซ่อนไว้ก็โผล่ออกมาช่วยเสริมจากเงามืด
“รีบเข้าไปช่วยคณะขุนนางออกมาก่อน!”
โม่ซวนตะโกนร้องลั่น ซึ่งขุมกำลังที่เพิ่งเผยตัวปรากฏล่าสุดนี้ เป็นกลุ่มที่โม่ซวนเพิ่งช่วยเหลือออกมาจากคุกพระราชวังอีกด้านหนึ่งออกมา ยามนี้เร่งออกคำสั่งต่อเนื่อง เรียกให้พวกเขาแบ่งกำลังเข้าช่วยเหลือคณะขุนนางที่โดนขังอีกที่หนึ่งทันที
“เซียถง เจ้าพาท่านแม่ข้าหนีไปก่อน!”
ไป๋หลี่หานซัดคลื่นคมกระบี่รุนแรงกวาดออกไป เพื่อบีบบังคับให้เย่หลีเทียนล่าถอยจนเปิดโอกาส
เซียถงพยักหน้าตอบหันไปมุ่งมองกระบี่เล่มนั้นที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกุมถืออยู่ในมือ นางตะโกนร้องเรียกทันที
“หลิวซู!”
ปรากฏว่า กระบี่เล่มที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งถืออยู่ มันคือกระบี่ทัณฑ์ฟ้า เมื่อได้ยินคำสั่งการจากปากเซียถง ใบกระบี่สั่นเครือส่งเสียงกังวานรุนแรงโดยพลัน
ขณะเดียวกัน ในส่วนด้ามกระบี่ที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกุมจับไว้อยู่ ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งยืดเหยียดออกมา สักพักก็เป็นส่วนขาและใบหน้าที่จำแลงจากแต่ละส่วนของกระบี่ ภาพฉากนี้เริ่มดูแปลกพิกลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ องค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับตกใจจนแข้งขาอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นไป
หลิวซูระเบิดหัวเราะกึกก้องมองหญิงชราที่ตื่นตระหนกแทบเป็นลมหมดสติตรงหน้า หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าไป๋หลี่หาน
ปานนี้หญิงชราโง่เง่าคงโดนนายท่านของมันจับเชือดทิ้งไปแล้ว แต่อย่างไร ที่โดนตบหน้าเมื่อสักครู่ก็หาใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ทีเดียว อย่างน้อยก็ทำให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง หลงหยิบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมาและหลอกให้นางตกใจมากพอได้
เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว เซียถงไม่รีรออีกต่อไป นางรีบเข้ามาโอบเอวขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งไว้ด้วยสองมือ กระโจนยกคู่เท้าขึ้นย่างเหยียบบนตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้าและเหินฟ้าทะยานออกไป
สายลมกระโชกซัดผ่านสองใบหู สภาพแวดล้อมแถวบริเวณนี้ย่ำแย่เลวร้ายไปเสียหมด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความสูญเสียและการฆ่าฟันทุกหนแห่ง ถึงแม้องค์จักรพรรดินีจะมีประสบการณ์เรื่องจำพวกนองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังเฉียดตายมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แต่นั่นล้วนเป็นศึกสงครามเย็นที่เกิดขึ้นของเหล่าสนมในวังหลัง หาใช่เรื่องศึกสงครามฆ่าฟันกันเช่นนี้
ยิ่งเป็นตอนนี้ด้วยแล้ว องค์จักรพรรดินีเหลิ่งดูอ่อนแอปราศจากเรี่ยวแรงใดๆ อนึ่งเกิดจากที่โดนเย่หลีเทียนจับไปทรมานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ทั้งยังต้องมาเห็นเหลิ่งหยานหรันต้องมาตายต่อหน้าต่อตาอีก ในส่วนของเรี่ยวแรงนางหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว และมีแนวโน้มว่าอาการจากโรคชราภาพยังทำให้สภาพร่างกายของนางทรุดหนักกว่าเดิม
เมื่อปลายเท้าแตะพื้นเท่านั้น องค์จักรพรรดินีเหลิ่งไม่แม้แต่จะยืนหยัดขึ้นได้ คู่เข่าทรุดฮวบกำลังจะร่วงกระแทกพื้น
แต่ทันใดนั้น ร่างอันแรงอ่อนของนางก็ค่อยๆถูกพยุงขึ้นอีกครั้ง และเมื่อกวาดสายตาหันมองก็พานพบเหล่าคณะขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนที่แห่ช่วยประคองด้วยความเป็นห่วง เหมือนกับว่า ไม่มีใครยอมให้องค์จักรพรรดินีแห่งอี้เฉิงต้องมาคุกเข่าต่อหน้าศัตรูโดยง่าย
แต่เสี้ยวพริบตานั้น องค์จักรพรรดินีรู้สึกถึงกลิ่นโลหะหวานคุกรุ่นปะทุขึ้นจากลำคอ เสี้ยวพริบตาความคิดเท่านั้น นางก็กระอักเลือดสดคำโตพ่นออกมาพลัน
เดิมทีเซียถงตั้งใจจะเข้าช่วยเหลือไป๋หลี่หานเป็นกำลังเสริม แต่เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติขององค์จักรพรรดินีเหลิ่ง นางก็เบี่ยงความสนใจหันกลับมาหวังช่วยเหลือ แต่ท้ายที่สุดกลับถูกองค์จักรพรรดินีเหลิ่งผลักไสออกไป
“ไสหัวไปให้พ้น!”
องค์จักรพรรดินีตวาดเสียงด่าเดือดดาลใส่
เซียถงถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ ร่างทั้งร่างพลันชะงักชะงัน ถึงแบบนั้นก็ยังต้องการที่จะช่วยเหลืออยู่ดี
ไป๋หลี่หานโถมซัดคลื่นกระบี่วินาศนำใช้หลายสิบเพลง บีบบังคับให้เย่หลีเทียนล่าถอยห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยกระโดดลงจากหอคอยดาราพิชิตลงมา ระหว่างนั้นเอง ไป๋หลี่หานสังเกตเห็นถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักระหว่างเซียถงกับองค์จักรพรรดินีเหลิ่ง เช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปแทรกกลางและอุ้มร่างของผู้เป็นแม่แบกไว้บนแผ่นหลัง
“ไปเร็ว!”