ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 562 ความประหลาดใจ (2)
ตอนที่562 ความประหลาดใจ (2)
ตอนที่562 ความประหลาดใจ (2)
จุดประสงค์วันนี้ค่อนข้างเด่นชัด ไป๋หลี่หานมาที่นี่เพื่อเข้าช่วยเหลือองค์จักรพรรดินีเหลิ่งและคณะขุนนางคนสำคัญแห่งราชสำนักที่โดนจองจำอยู่ในคุก และในปัจจุบันทุกคนก็ล้วนแต่ได้รับการปล่อยตัวมาแล้วทั้งสิ้น กล่าวคือ ถึงเวลาอันสมควรที่ต้องถอยทัพออกต้องตั้งหลักก่อน เพราะไป๋หลี่หานเชื่อว่า หากใช้เวลาองค์จักรพรรดินีได้สงบสติสงบใจลงกว่านี้หน่อย เขาน่าจะต่อกรกับเย่หลีเทียนได้ดีกว่านี้
ไป๋หลี่หานเป็นผู้เดินนำขบวนหลบหนีโดยมีองค์จักรพรรดินีอยู่บนหลัง แต่ขณะเดียวกัน เย่หลีเทียนก็กระโดดลงมาจากหอคอยดาราพิชิต เฝ้ามองกลุ่มของอีกฝ่ายกำลังล่าถอยจากไป
เฟิงหมิงอี้ทะยานโฉบหาจากเบื้องหลัง คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกล่าวรายงานว่า
“นายท่าน! ข้าน้อยได้ทำตามคำสั่งของท่านเป็นที่เรียบร้อย ปล่อยให้ฝ่ายศัตรูบุกเข้ามาช่วยเชลยศึกในคุกได้สำเร็จ และช่วยคณะขุนนางอี้เฉิงได้ทั้งหมด”
ระหว่างกล่าวรายงาน เจ้าตัวเองก็แอบสงสัยเคลือบแคลงอยู่ไม่น้อย เพราะเหตุใดกัน นายท่านของเขาถึงต้องการปล่อยคณะขุนนางที่เป็นเชลยศึกกลุ่มนี้ออกไป? ทั้งที่ก่อนหน้ายังเพิ่งไล่ล่าจับตัวมายัดกรงขังหมาดๆ?
เย่หลีเทียนกวาดสายตาชำเลืองโดยรอบ ก่นเสียงเย็นคำหนึ่งกล่าวเย้ยเยาะขึ้นว่า
“มีคนจำนวนมากมายปานนี้ ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่า ไป๋หลี่หานจะพาพวกนั้นรอดจากที่นี่ไปได้สักเท่าไหร่! พลธนูยิง!!”
บัญชาคำสั่งเปล่งดังจากปากเย่หลีเทียน พริบตาต่อมา เหล่าพลธนูเรียงรายนับหลายร้อยขนาบสารทิศรอบด้านต่างยกเกาทัณฑ์ขึ้นเล็งโดยพร้อมเพรียง และเสี้ยวพริบตาต่อมา ทั่วทั้งน่านฟ้าก็มีแต่ศรธนูจุดดำนับไม่ถ้วนร่วงกระหน่ำลงมาดุจห่าพิรุณคลั่ง
ไป๋หลี่หานเหลียวหลังกลับบนฟ้า สีหน้าฉายแววสยดสยองทันควัน
“รีบไปเร็ว!”
ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงเตือนดี เสียงทะลุพุ่งเสียบดังสวบก็ดังอึกทึกโครมครามจากแถวขบวนท้ายหลัง ศรธนูเหล่านั้นเสียบปักทะลวงร่างของบรรดาคุณขุนนางอี้เฉิงทั้งหลาย! และพริบต่อมา ตำหนักที่อยู่ข้างเคียงระหว่างทางพลันเกิดระเบิดขึ้นครั้งโอฬาร เศษชิ้นส่วนกำแพงและเศษกระเบื้องแหลมคมน้อยใหญ่มากมายเกินคณานับแตกกระจายตามแรงระเบิด บางส่วนพุ่งเข้าเจาะที่กลางอกของหลายสิบชีวิต พวกเขาเหล่านั้นทรุดร่วงลงกับพื้นและสิ้นใจตายทันที
ไม่มีใครต่างคาดฝันว่า เย่หลีเทียนจะวางกับดักลอบสังหารตลอดทั้งเส้นทางในพระราชวังอี้เฉิงไว้เบ็ดเสร็จขนาดนี้
ไป๋หลี่หานเองก็ไม่สามารถเร่งความเร็วไปได้มากกว่านี้แล้ว เพราะนี่อาจทิ้งระยะห่างกับกลุ่มคนที่อยู่ท้ายหลังมากเกินควร
ทว่าก่อนที่ทุกคนจะฟื้นตัวจากความตกตะลึงต่อภาพฉากที่ตำหนักรอบข้างระเบิดไปเป็นแทบ ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงหอคอยดาราพิชิตที่อยู่ด้านหลังระเบิดกระจุยเป็นฝุ่นผงในพริบตา เศษหินเศษละอองดินฟุ้งตลบปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้นเป็นชั้นหนาทึบ บดบังวิสัยทัศน์สายตาของพวกเขา
ในเวลานี้เอง พระราชวังไม้ที่อยู่เบื้องหน้าบังเกิดไฟลุกโชติช่วง แค่เสี้ยวพริบตาขณะ พระราชวังทั้งหลังก็กลายมาเป็นทะเลเพลิงร้อนระอุ
ขณะนี้ทั้งที่เป็นเวลายามค่ำคืน แต่ด้วยทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำรุกรามไปทั่วพระราชวัง จึงทำให้ที่แห่งนี้สว่างไสวดุจกลางวัน!
“แยกย้ายกันไป! เร็ว!”
ไป๋หลี่หานหันไปตะโกนสั่งการกับกลุ่มคนรอดชีวิตที่วิ่งติดตามอยู่ท้ายหลัง เพราะหากไม่รีบแยกตัวกระจายกันหนี เกรงว่าอาจต้องหมดโอกาสรอดชีวิตออกไปแล้ว
โม่ซวนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ตอบสนองไวที่สุด เขาเร่งนำองครักษ์หน่วยเงาส่วนหนึ่งและคณะขุนนางบางคนวิ่งแยกออกไปทางทิศตะวันออก ทางด้านองครักษ์หน่วยเงาอีกส่วน เร่งนำคณะขุนนางจำนวนหนึ่งฉีกหนีออกไปทางทิศตะวันตก ที่เหลืออยู่ตรงนี้ มีเพียงไป๋หลี่หานที่แบกองค์จักรพรรดินีเหลิ่งอยู่บนหลัง เซียถงและขุนนางคนสำคัญอีกสองสาม มุ่งไปยังทิศเหนือเบื้องหน้า ฝ่าพระราชวังเพลิงที่ถูกแผดผลาญจนย่อยยับ
เฟิงหมิงอี้สั่งการนำกำลังบางส่วนแยกติดตามทั้งสองกลุ่มที่กระจายตัวออกไป แต่โดยส่วนใหญ่ยังคงไล่ตามติดอยู่กับทางไป๋หลี่หาน
“ไป๋หลี่หาน เจ้าจะหนีไปไหน!?”
เพียงสองสามกระบวนขยับเคลื่อนไหว เย่หลีเทียนสามารถพุ่งทะยานข้ามหัวทุกคน และหยุดขวางอยู่ต่อหน้าไป๋หลี่หานและคนอื่นๆได้
เย่หลีเทียนย่างสามขุมก้าวแช่มเข้าใกล้ พร้อมด้วยกระบี่เล่มยาวในมือ สะดุดมองไป๋หลี่หานเขม็งเย็นชา ในสายตาของเขาตอนนี้ ไป๋หลี่หานแทบไม่ต่างอะไรกับเต่าใกล้ลงโลง ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด อีกฝ่ายไม่มีทางรอดจากมือเขาได้!
กล่าวจบไปดังนั้น เซียถงก็หันไปเห็นทหารชุดเกราะหนาสีดำอยู่กลุ่มหนึ่ง เดินทัพตรงเข้ามาสกัดกั้นด้านหลังทั้งหมดเอาไว้ ทหารชุดเกราะดำที่ซึ่งเป็นแนวหนาทุกคนต่างยกโล่ขึ้นกำบังประกอบเรียงรายเป็นปราการป้องกันแกร่ง โดยที่แนวหลังเป็นพลธนูที่กำลังเล็งเกาทัณฑ์มุ่งหาเป็นทางเดียว
อาศัยระยะการยิงที่ใกล้ขนาดนี้ ขอแค่กระหน่ำยิงออกมาชุดเดียว ล้วนโดนเป้าหมายไม่พลาดเป้า!
เซียถงลูกตาดำจัดตีบแคบเท่ารูเข็ม รีบเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมือและฟันใส่ทหารที่ถือโล่หนักตรงหน้าโดยไม่มียั้งอ้อม! แต่นั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่ เย่หลีเทียนยกมือส่งสัญญาณให้ลงมือ ศรธนูจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงกระหน่ำออกมาโดยพร้อมเพรียง!
คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าพลิกมุมหักองศาสาดประกาย เซียถงระดมกระแสลมปราณอัดฉีดลงสู่ตัวกระบี่ ปลุกกระตุ้นพลานุภาพความน่าสะพรึงของมันให้เพิ่มทวี นางยกกระบี่เข้าสกัดศรธนูทั้งหมดเบื้องหน้า เสียงกระทบกระแทกชนโลหะดังติ๊ง ติ๊ง ต่อเนื่องดุจเสียงเม็ดพิรุณโรยรากระหน่ำสู่พื้นดิน เพียงไม่นานนักก็ปรากฏกองศรธนูที่แตกหักเกลื่อนกลาดอยู่ใต้เท้าเบื้องล่างเต็มไปหมด
ในตอนนี้นางยังมิได้รับบาดเจ็บอันใด ส่วนไป๋หลี่หานก็กำลังแบกอุ้มองค์จักรพรรดินีเหลิ่งอยู่บนแผ่นหลัง เช่นนั้นนางจึงอาสารับหน้าที่เป็นเกราะกำบัง สำแดงร่ายคมกระบี่หลายร้อยเพลงต่อเนื่อง เข้าสกัดกั้นมิให้ศรธนูพุ่งลุถึงเบื้องหลังได้ แต่นางก็ทำได้เพียงป้องกันสองคนนี้เท่านั้น เมื่อหันไปมองรอบข้างก็พบว่า คณะขุนนางที่ติดตามกันมาก่อนหน้า ยามนี้ล้มตายหายไปกว่าครึ่งหนึ่งในเสี้ยวพริบตา เหล่านั้นนอนแน่นิ่งเป็นศพกองเกลือนกระจายบนบนพื้น!
เนื่องจากมีจำนวนผู้คนที่ต้องปกป้องมากเกินไป ส่งผลให้องครักษ์หน่วยเงาไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทุกคน
จับโจรต้องหัวหัวโจก! เซียถงใช้ประโยชน์จากช่วงระหว่างรอยต่อที่พลธนูกำลังขึ้นลำศรใหม่เพื่อเปิดฉากยิงระลอกสองต่อ เร่งความเร็วจนถึงขีดสุดและใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าจ้วงแทงใส่หาเย่หลีเทียนโดยตรง!
“เซียถง ระวัง!!”
ไป๋หลี่หานตะโกนลั่นสุดเสียงด้วยความตกใจ เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างที่สู่กับเย่หลีเทียน เขาตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า เย่หลีเทียนน่าจะดูดเลือดมนุษย์เพิ่มพูนไปเยอะมาก จึงส่งผลให้พละกำลังของเขาพัฒนาแข็งแกร่งขึ้นมาก และยังเหนือชั้นกว่าเซียถงอยู่หลายขุม!
เซียถงชี้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าตรงดิ่งพุ่งเข้าหา เย่หลีเทียนแสยะยิ้มกระหยิ่มทันควัน และอันตรธานร่างโผล่ไปอยู่ตลบหลังของนางแทน! นางเห็นดังนั้นพลันประหลาดใจยิ่งยวด แต่กว่าจะกลับลำตั้งรับก็สายเกินไปแล้วเช่นกัน!
นางพยายามหันคมกระบี่เบี่ยงทิศทันควัน แต่กลับถูกเย่หลีเทียนฟันศอกใส่หน้าเต็มแรง ซึ่งเสี้ยวจังหวะระหว่างนั้น ทั้งสองต่างเผชิญหน้าสบสายตากันในระยะใกล้ชิด เย่หลีเทียนระบายยิ้มคลี่กว้างส่งมอบให้ แต่ในสายตาของเซียถง รอยยิ้มนี้กลับน่าขยะแขยงสิ้นดี
เย่หลีเทียนลงมือหนักโจมตีสวนตอบฉับพลัน ถึงขนาดฟันศอกใส่หน้าเซียถงจนหมุนควงหลายตลบ ปลิวกระเด็นไปด้านหนึ่ง ภาพฉากดังกล่าวทำเอาไป๋หลี่หานโกรธจนตัวสั่น สายตาที่มุ่งมองเย่หลีเทียนเปี่ยมล้นไปด้วยแววอาฆาตฉาบเคลือบจิตสังหารคลุ้งคลั่ง โดยเฉพาะกับตอนที่เห็น เย่หลีเทียนเดินตรงเข้าใกล้ และก้มตัวลูบสัมผัสกับผิวแก้มแดงฉานของนาง
เซียถงยกแข้งเหวี่ยงขึ้นตามสัญชาตญาณ เตะใส่เป้ากางเกงของเย่หลีเทียนโดยไร้ปรานีออมแรง!
แต่อย่างไร ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคำนวณของเย่หลีเทียนไว้หมดแล้ว เขาคว้าจับข้อเท้าของนางเอาไว้ได้ทันระหว่างที่เตะไปได้ครึ่งทาง
เย่หลีเทียนแสยะยิ้มเยาะ ทันใดนั้นก็เคลื่อนเรียวมือยาวก็ค่อยๆเลื่อยไล่ต่ำลงมา ไต่ลามจนไปถึงช่วงขาอ่อนของนางอย่างแช้มช้า..
“หลิวซู!!”
เซียถงไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตนเองจะมาพลี่ยงพล้ำเย่หลีเทียนจากศึกต่อสู้ได้ พริบตาต่อมา นางเปล่งเสียงตะโกนเรียกหาคำโต กระบี่ทัณฑ์ฟ้าพลันลอยขึ้นมาจากบนมือและจำแลงกายเป็นหลิวซู มันตบฝ่ามืออัดพลังปราณ ตีใส่กลางอกเย่หลีเทียนโดยตรง