ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 563 ผลักข้าทำไม (1)
ตอนที่563 ผลักข้าทำไม? (1)
ตอนที่563 ผลักข้าทำไม? (1)
หลิวซูปรากฏกายในทันใด ประดุจอัสนีบาตรสะบั้นฟ้าสายหนึ่ง คลื่นอัดลมปราณที่ปลดปล่อยออกจากฝ่ามือของมันรุนแรงเหลือเชื่อ เสียงระเบิดแผดไพศาลสนั่นดุจมังกรคำราม
ประการหนึ่ง ฝ่ามือโจมตีนี้เกิดขึ้นฉับพลันเกินผู้ใดคาดถึง และประการที่สอง มันยังทรงพลังยิ่งยวด
หนึ่งฝ่ามือตบกระแทก ร่างทั้งร่างของเย่หลีเทียนถึงกับล่าถอยหลายสิบก้าวต่อเนื่องพลัน เลือดสดคำโตกระอักพ่นเต็มปากเต็มคำ เปรอะเปื้อนไปทั้งแพรพรรณบนเรือนร่างเซียถง สมดุลเสียศูนย์โซเซแทบมิอาจหยัดยืน คุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น ส่วนอีกข้างพยายามใช้ค้ำให้มั่นคง ก่อนจะค่อยๆจักทรงให้คงที่ดังเดิม
เลือดลมในกายของเขาพลุ่งพล่านปั่นป่วนกว่าหลายส่วน ต้องจำต้องสูดหายใจแช่มลึกปรับสภาพฟื้นฟูอย่างช้าๆ บังคับร่างกายให้กลับมาตั้งตรง และมุ่งมองไปทางเซียถง นางแสยะยิ้มเย้ยหยั่นใส่
ระหว่างเฝ้ามองการต่อสู้อยู่นั้น จู่ๆไป๋หลี่หานก็สัมผัสได้ถึง กระแสความเจ็บปวดรุนแรงที่หัวไหล่ข้างซ้าย และเมื่อเหลียวชำเลือง ก็ค้นพบว่าเป็นเล็บนิ้วทั้งห้าขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่จิกไหล่ของเขาไว้แน่น เล็บแข็งยาวของนางเจาะลึกจนเนื้อผิวหนังบุ่มจม สายตาคู่เหี่ยวชราขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่มีต่อเซียถง หาใช่แววความกังวลเป็นห่วง แต่ล้วนเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ซึ่งนี่ทำให้ไป๋หลี่หานต้องงุนงงอีกครั้ง
ยามนี้เห็นว่าทั้งเซียถงและเย่หลีเทียนต่างเสียเปรียบหนักจนล่าถอยเปิดโอกาสเกิดช่องว่าง ไป๋หลี่หานจึงวางองค์จักรพรรดินีเหลิ่งลง และฝากไว้กับองครักษ์หย่วนเงานายหนึ่งทรี่อยู่ข้างเคียง เพื่อตนเองจะได้ออกโรงไปช่วยเซียถง แขนทั้งสองข้างของหญิงชราถูกองครักษ์หน่วยเงากุมจับอย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่าจะหัก แต่เมื่อนางเห็นไป๋หลี่หานกำลังวิ่งออกไปช่วยเซียถง องครักษ์นายนั้นพลันต้องออกแรงกุมจับไว้แน่นยิ่งขึ้น
“อย่าไปช่วยนาง!”
นางทราบดี ลูกชายคนนี้กำลังจะออกไปช่วยนังคนทรยศ ทว่าอย่างไร ภายใต้ฝ่ามือขององครักษ์หน่วยเงานายนี้ที่กุมจับไว้แน่น องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกลับอยู่ในจุดที่อ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรได้ สิ่งที่นางต้องการจะเห็นที่สุดในตอนนี้คือ เห็นเซียถงและเย่หลีเทียนฆ่ากันเอง! โดยเฉพาะกับเซียถง หากได้เห็นนังคนทรยศตายต่อหน้าต่อตา นั่นจะสาแก่ใจนางยิ่งนัก!
ไป๋หลี่หานยิ่งฉงนใจเข้าไปใหญ่ เขาขมวดคิ้วถักแน่นและขณะที่กำลังจะเอ่ยกล่าวอะไรออกมา
หางตาพลันบังเอิญเหลือบไปเห็นว่า หลิวซูได้จำแลงกายกลับเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอีกครั้งและบินกลับไปขึ้นมือเซียถง นางร่ายระบำเพลงกระบี่หนึ่งกระบวน ท่าเท้าการเคลื่อนไหวเริ่มดูแผลกพิสดารดุจภูตทมิฬ
“ข้าจะหยุดมันเอง ท่านหนีไปเสีย!”
“คิดหยุดข้า? อย่าแม้แต่จะคิด?!”
เย่หลืเทียนแผดเสียงตะโกนเย้ยเยาะ ยกสองฝ่ามือขึ้นควบรวมกระแสลมปราณตลบใหญ่ซัดโจมตีออกไป!
ในเวลาเดียวกัน พลธนูแนวหลังกองทหารชุดเกราะดำก็ขึ้นลำเกาทัณฑ์เตรียมพร้อม ทั้งหมดหันเล็งไปยังฝ่ายไป๋หลี่หานทุกคน
“ระวัง!”
องครักษ์หน่วยเงาที่เห็นว่าศรธนูระลอกใหม่กำลังจะถูกยิงออกมา มีจำนวนหนึ่งยิงใส่คณะขุนนางอี้เฉิงคนสำคัญ ดังนั้นจึงพุ่งโฉบยกกระบี่ขึ้นตวัดปัดป้องอย่างรวดเร็ว คณะขุนนางรอดพ้นอย่างหวุดหวิด แต่เป็นองครักษ์หน่วยเงานายหนึ่งแทนที่โดนศรธนูพุ่งเฉี่ยว ฉีกแขนเสื้อจนขาดรุ่ยเป็นรู
แต่เดิม เขาหาได้สนใจบาดแผลเล็กๆน้อยๆเช่นนี้เลย แต่เมื่ออึดใจหนึ่งผ่านไปเท่านั้น เขาพลันรู้สึกแสบสันเกินพรรณนาบนแผล ก่อนจะเริ่มเกิดอาการชาอย่างรุนแรง! และเมื่อองครักษ์หน่วยเงานายนั้นก้มศีรษะมอง ก็พบว่าธารเลือดแดงฉานที่ไหลซิบออกมาจากปากแผล ตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท!
เขาสะดุ้งเฮือกตื่นตระหนกจัด เร่งตะโกนขึ้นเตือนทุกคนขึ้นลั่นว่า
“ทุกคนระวัง! บนศรธนูมีพิษฉาบอยู่!”
ไป๋หลี่หานเหวี่ยงคมกระบี่ตัดหัวศรเหล็กผ่าครึ่ง ทันใดนั้นมีเสียงลู่ลมเฉียวผ่านข้างหูลุไปด้านหลัง และทันทีที่เหลียวหลังมอง ก็พบว่าเป็นตำแหน่งที่เซียถงกำลังโรมรันกับเย่หลีเทียนอย่างเผ็ดร้อน อย่างไร นางพึงระวังตัวอยู่แล้ว ต่อสู้ท่ามกลางห่าศรธนูกระหน่ำใส่ปานนี้ ย่อมต้องเพิ่มความไวต่อปฏิกิริยารอบข้างเป็นเท่าทวี และเมื่อเห็นศรธนูดอกดังกล่าวพุ่งเฉียดใส่ เซียถงก็สามารถหลบเลี่ยงได้คล่องแคล่ว กระทั่งแตะสัมผัสผิวหนังยังไม่โดน อย่างไร เจ้าสิ่งนี้กลับพุ่งเจาะกลางฝ่ามือของเย่หลีเทียนระหว่างที่กำลังตบคลื่นวินาศอัดใส่ตัวของนางแทน
เย่หลีเทียนมิได้หยุดมือกลางคัน ทั้งยังตบฝ่ามืออัดเฉียดพลังปราณท่วมท้นใส่โดยตรง เสียงกระดูกร้าวแตกลั่นสนั่น เซียถงพลาดท่า กระดูกช่วงไหปลาร้าข้างหนึ่งหักทันที นางกระอักเลือดสดคำโตทะลักอาเจียน ส่งพลังลงไปยังปลายเท้าดีดตัวกระโดดล่าถอยออกมา พร้อมทั้งต้องเลี่ยงหลบห่าศรธนูไปพลาง
ไป๋หลี่หานสายตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาสุดขั้ว กระโจนขึ้นติดตามคว้าเอวของเซียถงเข้ากอดโดยไว ทั้งสองตีลังกาหมุนตลบอยู่กลางอากาศเพื่อหลีกศรธนูที่กระหน่ำยิงใส่ และลงจอดสู่ภาคพื้นอย่างปลอดภัย
“เจ้าไหวหรือไม่?”
ไป๋หลี่หานสีหน้าแตกตื่น เอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลยิ่งยวด
เซียถงส่ายหัวปฏิเสธ นางคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า ภายในช่วงเวลาอันสั้น ระดับพลังลมปราณชองเย่หลีเทียนจะพุ่งสูงขึ้นเร็วขนาดนี้ กล่าวคือ ตัวมันในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในหุบเขาคุนหลุนมาก!
ทางด้าน องค์จักรพรรดินีเหลิ่งนัยน์ตาสั่นสะท้อนตื่นตระหนก นางจับจ้องเซียถงตาเขม็งเปี่ยมล้นความเกลียดชังสุดซึ้ง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่เต็มใจออกไปช่วยเหลือนังคนทรยศนั่นกลับเป็นลูกชายของนางเอง! ไหนเลยลูกชายที่ข้าเคยรู้จักคุ้นเคย? หรือเขาโดนนังทรยศนั่นปลูกฝังทัศนคติผิดๆจนเปลี่ยนไปเสียแล้ว? นางรู้สึกเกลียดเซียถงสุดหัวใจ หากไม่ใช่เพราะนาง ไป๋หลี่หานจะไม่มีวันตกหลุมรักผู้หญิงอื่นใดทั้งนั้น และเขาจะสนใจและรักใคร่แค่นางผู้เป็นแม่แต่เพียงผู้เดียว!
ในตอนแรก เนื่องจากองครักษ์หน่วยเงาต้องออกโรงขึ้นสกัดป้องกันห่าศรธนูที่ยิงมา จึงทำให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งนั่งหลบภัยอยู่บนพื้นด้านหลังขององครักษ์นายนั้นแทน แต่ทันทีที่เห็นไป๋หลี่หานแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแก่เซียถง จู่ๆองค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็พลันลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปทันที!
ไม่มีใครคาดคิด องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจะวิ่งฝ่ากลางดงห่าศรธนูอาบพิษที่สุดแสนอันตรายเช่นนี้!
แต่ทันใดนั้น ห่าศรธนูระลอกที่สามก็หยุดลงพลัน!
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกำลังวิ่งตรงไปหาไป๋หลี่หานโดยหาได้สนใจอันตรายใดรอบข้าง และจู่ๆฝีเท้าของนางก็หยุดลงพร้อมร่างที่ทรุดฮวบลงกับพื้นกลางดงศรธนูเกลื่อนกลาดบนพื้น…
“เสด็จแม่! ระวัง!!”
ไป๋หลี่หานเองยังไม่คาดคิดว่า ท่านแม่ของเขาจู่ๆจะวิ่งมาหาเฉกเช่นนี้ ภาพฉากดังกล่าวที่บังเกิดขึ้น ส่งผลให้เย่หลีเทียนเสาะเห็นโอกาส และตีฝ่าเท้าทะยานเหินเข้าใส่ไป๋หลี่หานประดุจสายฟ้า
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งคว้ากางชายกางเกงของไป๋หลี่หานเอาไว้แน่นเพื่อค้ำยันให้ตนเองลุกขึ้น เวลานี้กลับไม่รู้เลยว่า นางไปเอาเรี่ยวแรงขนาดนี้มาจากไหน แต่นั่นก็ทำให้ไป๋หลี่หานเสียการทรงตัวเซถอยไปด้านหนึ่ง เปิดช่องว่างให้นางวิ่งไปหาเซียถงที่อยู่ด้านข้างได้!
และในมือขององค์จักรพรรดิหนีเหลิ่งตอนนี้ก็กำลังถือศรธนูฉาบพิษอยู่!
เซียถงตื่นตระหนกตกใจกว่าใคร เห็นองค์จักรพรรดินีเหลิ่งกำลังง้างมือแทงศรธนูฉาบพิษใส่ตนเอง
ไป๋หลี่หานทรงตัวกลับมาได้ทันและกำลังพุ่งเข้าขัดขวางการกระทำของท่านแม่ แต่กลับถูกกระบี่ของเย่หลีเทียนโฉบสกัดไว้ได้ แลมองไปทางองค์จักรพรรดินีเหลิ่งอยู่ปราดหนึ่งและกล่าวว่า
“บอกที่ซ่อนของตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรมา! แล้วข้าจะไว้ชีวิตแม่ของเจ้า!”
เซียถงไม่คิดทำร้ายหรือตอบโต้ใดๆ แต่พยายามที่จะช่วยนางแทน จึงยื่นมือขึ้นคว้าแขนของอีกฝ่าย และพึงนึกได้กระดูกไหปลาร้าข้างหนึ่งดันหักส่งผลให้ไม่สามารถยกแขนได้ ด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว จึงยกอีกมือที่ยังใช้ได้ขึ้นป้องกัน จึงเป็นจังหวะให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งแทงศรธนูฉาบพิษทะลุฝ่ามือของเซียถง!
เลือดสีแดงฉานฉูดฉาดพุ่งพรวดกระเซ็นทั่วฝ่ามือ แต่เซียถงหาได้สนใจสิ่งอื่นใด แต่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งสงบลงก่อน จึงกัดฟันฝืนใช้มือข้างที่ได้รับบาดเจ็บพยายามเอื้อมออกไปกุมจับอีกฝ่าย
แต่เสี้ยวจังหวะนั้น นางกลับเห็น…เห็นแววตาและรอยยิ้มที่แสนเกลียดชังขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่มีต่อนาง!
เซียถงตะลึงงันไปชั่วขณะ ยังไม่ทันที่มือไม้ของนางจะอาดเอื้อมแตะถึงตัวองค์จักรพรรดิหนีเหลิ่ง อีกฝ่ายกลับแสร้งดีดตัวล้มถอยหลังออกไปราวกับว่าตนเองกำลังโดนผลัก และสิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ…เบื้องหลังเป็นภาพฉากที่ไป๋หลี่หานกำลังโรมรันกับเย่หลีเทียน และเย่หลีเทียนเองก็กำลังหันคมกระบี่มาทางนี้เช่นกัน!
ภายใต้คมกระบี่ในมือของเย่หลีเทียนที่อยู่ด้านหลังใกล้จะลุถึง หากปล่อยให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งทิ้งตัวโดนเข้าไป นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!
เสียงลมหวนพัดผ่าน องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจงใจหงายหลังทิ้งตัว ส่งร่างทั้งร่างของตัวเองเข้าหาคมกระบี่ของเย่หลี่เทียน
สวบ!!
คมกระบี่เล่มยาวแทงทะลุร่างองค์จักรพรรดินีเหลิ่งโดยตรง กระทั่งเย่หลีเทียนเองยังถอดสีหน้าแปรเปลี่ยน ได้แต่จับจ้องไปยังองค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่โถมตัวเข้าใส่คมกระบี่ในมือตนอย่างเด็ดเดี่ยว กลับเป็นเรื่องคาดไม่ถึง นางถึงกับส่งตัวเองหาที่ตายจริงๆ!
“เสด็จแม่!”
ไป๋หลี่หานแผดตะโกนสุดเสียงใจแทบขาด
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งค่อยๆเหลียวศีรษะมองไป๋หลี่หานเป็นครั้งสุดท้าย และด้วยความคับแค้นอาฆาตสุดหัวใจ ก่อนที่จะสิ้นลม นางยังกัดฟันอย่างอดกลั้นชำเลืองไปที่มองเซียถง ปรากฏว่าคำพูดสุดท้ายของนางหาได้มีแด่ผู้เป็นลูกชาย แต่กลับเป็นเซียถง
“เซียถง เจ้า…เจ้าผลักข้าทำไม?”
สถานการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรในบัดดล ทำให้ทุกคนไม่ว่าฝ่ายใดต่างตะลึงงันจนตั้งตัวกันไม่ทัน!