ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 564 ผลักข้าทำไม (2)
ตอนที่564 ผลักข้าทำไม? (2)
ตอนที่564 ผลักข้าทำไม? (2)
เซียถงตกตะลึงงัน!
ระหว่างนางกับองค์จักรพรรดินีเหลิ่งคล้ายจะมีความสัมพันธ์แบบแปลกๆที่ใครก็ไม่สามารถอธิบายได้ และนั่นออกไปในแง่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่พริบตาเมื่อครู่นี้ เซียถงตั้งใจจะเอื้อมมือไปคว้า แต่นางกลับเลือกที่จะทิ้งตัวถอยออกห่างและผลักไสให้ร่างตัวเองโดนคมกระบี่ของเย่หลีเทียนเสียบทะลุหลัง แต่ภาพฉากที่คนภายนอกเห็นคือ เซียถงเป็นคนผลักองค์จักรพรรดินีเหลิ่ง
โดยเฉพาะกับประโยคสุดท้ายที่องค์จักรพรรดินีเอ่ยทิ้งทวน นี่เป็นดั่งวาจาอาญาสิทธิ์ที่ใช้จองจำเซียถงตกอยู่ในภวังค์ความหายนะไปชั่วนิรันดร์!
ไป๋หลี่หานรู้สึกโกรธอย่างมาก เขาจับจ้องเซียถงตาเขม็ง
เมื่อมุ่งมองเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย แลเห็นแต่ความเกรี้ยวโกรธอยู่เปี่ยมล้น นางรีบแก้ตัวเอ่ยปฏิเสธในทันที
“ไม่ใช่ข้า!”
ด้วยอุปลักษณะนิสัยของนาง มักไม่เคยอธิบายอะไรให้ใครฟังเท่าไหร่นัก แต่เน้นหนักเรื่องการกระทำเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับไม่สามารถแสดงความจริงใจใดๆออกมาได้ นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้เห็นแววความเคลือบแคลงและเกลียดโกรธในแววตาของไป๋หลี่หานด้วยแล้ว
เซียถงตระหนักทราบทันที ความเชื่อใจทั้งหมดของเขาที่มีต่อนางได้พังทลายลงไม่เหลืออีกต่อไป ใจทั้งใจของนางรู้สึกเย็นยะเยือกดุจถูกแช่งแข็งทั้งเป็น! แต่ในขณะเดียวกัน นางเองก็ประหลาดใจไม่น้อย ไฉนองค์จักรพรรดินีเหลิ่งถึงต้องจงใจหว่านเมล็ดสร้างความร้าวฉานด้วย! ถึงขนาดที่ว่าใช้ความชายของตนเป็นเครื่องสังเวย เพื่อตอกลิ่มแห่งความเกลียดชังฝังใส่ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา เพราะอะไรกัน?
การตายขององค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ส่งผลให้ไป๋หลี่หานราวกับถูกปลุกกระตุ้นสัญชาตญาณดิบ เขายกดกระบี่ขึ้นสะบั้นฟาดฟันใส่เย่หลีเทียนอย่างบ้าคลั่งดุจสัตว์ป่า มือข้างหนึ่งกอดร่างไร้ชีวิตขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งเอาไว้ ส่วนอีกข้างหวดคมกระบี่ร่ายซัดไม่หยุดหย่อน
ยามเผชิญหน้ากับการตอบโต้ของไป๋หลี่หานดุจพายุคลั่งไร้กระบวน เย่หลีเทียนเองยังแอบตื่นตระหนกในใจ มุ่งจิตใช้สมาธิในการรับมือเป็นทวี
และในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้นมาจากด้านนอกพระราชวัง
เซียถงเงยหน้าแช่มมองในทันใด ก็แลเห็นคลื่นมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งตรงเข้าหา
มีบัลลังก์มังกรสีทองคำอร่ามที่ถูกบรรดามวลชนเหล่านั้นแบกหามเคลื่อนเข้าใกล้ และผู้ที่นั่งอยู่บนนั้นก็คือ องค์จักรพรรดิตงหลี่!
เขาในเวลานี้สวมชุดคลุมขนสัตว์ชั้นหนาราวกับไม่ค่อยจะคุ้นเคยนักกับสภาพอากาศอันแสนหนาวเหน็บในอี้เฉิง นั่งแผ่แขนพึงพยักทั้งสองข้าง ทั่วทุกทิศบริเวณที่องค์จักรพรรดิตงหลี่กวาดสายตามองออกไป ล้วนแล้วแต่กอปรด้วยความเหยียดหยามอย่างหาที่เปรียบไม่ ก่อนที่ท้ายที่สุด สายตาคู่นั้นจะตกสู่ร่างไร้ชีวิตขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งในอ้อมแขนของไป๋หลี่หาน
“โอ้? มันตายแล้วรึ?”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเจือแววไม่พอใจหนึ่งส่วน ก่อนจะหันไปกล่าวกับเย่หลีเทียนว่า
“ช่างเถอะ ยังไงก็ตายไปแล้ว แต่ตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรอยู่ที่ไหนล่ะ?”
มุมปากเย่หลีเทียนกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาชำเลืองมองเซียถงอยู่หนึ่งปราดและทูลว่า
“โปรดอย่าทรงตกพระทัย องค์ราชินีแห่งอี้เฉิงของเราไม่มีวันทำให้ฝ่าบาทผิดหวังแน่นอน เพิ่งทำภารกิจแทรกซึมเสร็จ ต่อจากนี้นางจะรีบออกตามหาสองสิ่งนั้นต่อทันที”
เซียถงสีหน้ามืดทมิฬตกลง แววตาดูเย็นชาขึ้นถนัดพลันและชูกระบี่ทัณฑ์ฟ้าลุจ่อไปทางเย่หลีเทียน เปล่งเสียงคำรามลั่นว่า
“เจ้าพล่ามไร้สาระอันใด!”
สายตาของเย่หลีเทียนและองค์จักรพรรดิตงหลี่ที่มุ่งตกมายังนางในตอนนี้ กลับชวนให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
“ก็หาใช่รึอย่างไร?”
เย่หลีเทียนคลี่ยิ้มร่าและกล่าวต่ออีกว่า
“เซียถง ภารกิจที่ส่งเจ้าไปอภิเษกกับราชาหมาป่าสวรรค์เพื่อเป็นไส้ศึกในอี้เฉิง ยามนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับความเสียสละของตัวเจ้าในครั้งนี้ ฝ่าบาทจึงให้เกียรติเดินทางมาต้อนรับเจ้าเองเป็นการส่วนตัว”
เย่หลีเทียนสะบัดแขนเสื้อดังพรึบ และล่าถอยเดินกลับไปหาองค์จักรพรรดิตงหลี่พร้อมคุกเข่าคำนับให้
องค์จักรพรรดิตงหลี่ระเบิดเสียงหัวเราะดังร่า
“เซียถง ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก! หลังจากที่เสาะพบตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรแล้ว ข้าผู้นี้จะประทานรางวัลมากมายแด่เจ้า!”
เขาโบกมือส่งสัญญาณขึ้นทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีทหารนายหนึ่งนำตัวฮูหยินหลี่ตรงออกมา ซึ่งฮูหยินหลี่ในเวลานี้สวมชุดคลุมไหมทองตัวใหญ่หรูหรา ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า ไม่เพียงองค์จักรพรรดิตงหลี่จะมิได้จับทรมานใดๆเท่านั้น แต่ยังปฏิบัติดูแลนางเป็นอย่างดี
แต่แน่นอน นี่เป็นเพียงมุมมองของคนภายนอกที่ได้เห็นเท่านั้น
เมื่อเจอหน้าเซียถง ฮูหยินหลี่ร้องตะโกนส่งเสียงเรียกซ้ำๆออกไป
“เซียถง!! เซียถง!!”
ทันทีที่เห็นฮูหยินหลี่ ใจทั้งดวงของเซียถงเปรียบเสมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ และเป็นอันทราบดี แม้โดยผิวเผิน ฮูหยินหลี่จะดูแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่ภายใต้ชุดคลุมหรูหราตัวใหญ่นั่น เต็มไปด้วยบาดแผลเน่าเปื่อยจากพิษละลายเส้นเอ็นนับไม่ถ้วน!
อย่างไรแค่ได้เห็นว่าแม่ตัวเองยังมีชีวิตปลอดภัยดี เท่านี้เซียก็มีความสุขจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว
แต่ในอีกด้าน….เซียถงสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงสายตาคู่หนึ่งที่แผดผลาญจับจ้องอยู่บนแผ่นหลังของนาง เมื่อจำต้องเหลียวหลังหันกลับไปมองด้วยความลำบากใจ ก็เป็นจริงอย่างที่คาดคิด นั่นเป็นสายตาอันแสนผิดหวังและขุ่นแค้นของไป๋หลี่หาน
เย็นชาเหลือเกิน.
องค์จักรพรรดิตงหลี่แสยะยิ้มมุมปาก และสั่งให้ทหารนายนั้นปล่อยตัวฮูหยินหลี่ออกมา นางล้มลุกคลุกคลาน พยายามวิ่งไปหาเซียถงทั้งที่โซเซแบบนั้น ขณะอยู่ห่างจากเซียถงไม่ไกล นางก็สะดุดล้มอีกครั้งเนื่องจากซากศพและซากปรักหักพังที่เกลือนไปทั่วพื้น
เซียถงรีบเข้าช่วยพยุงให้นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
จะยังไงนี่ก็คือแม่ของนาง ไม่ว่านี่จะเป็นแผนการของใครที่ไหน แต่เซียถงยอมต้องช่วยเหลือนางอย่างไร้เงื่อนไข แต่อย่างไร ภาพฉากที่องค์จักรพรรดิตงหลี่ส่งแม่ของนางที่เป็นตัวประกันกลับคืนมาให้ สิ่งนี้ยิ่งทำให้สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่หานทมิฬมืดลงเข้าไปใหญ่
เซียถงสัมผัสได้เลย สายตาที่ไป๋หลี่หานจับจ้องมองมา มันราวกับต้องการจะกลืนกินกันทั้งเป็น!
นางพึงตระหนักดี ในตอนแรกที่อภิเษกสมรสและย้ายเข้ามาอยู่ในอี้เฉิง คณะขุนนางทั้งหมดในพระราชสำนักต่างคัดค้านและไม่สนับสนุนอย่างแรง แต่ก็เป็นไป๋หลี่หานที่เป็นคนยืนกรานต่อสู้เพื่อนาง และยังเป็นคนเดียวที่เชื่อใจในตัวนางโดยปราศจากเงื่อนไขใด!
ซึ่งถึงแม้ว่า องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจะชอบสร้างปัญหาและเขย่าความเชื่อใจของไป๋หลี่หานที่มีต่อนางให้พังทลายลงอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเขาได้ แต่ในคราวนี้ เซียถงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหนัก เพราะตอนที่มองลึกเข้าในแววตาของชายที่ตนรัก กลับไม่เหลือไว้ซึ่งความเชื่อใจใดๆอีกแล้ว!
จนถึงตอนนี้ เซียถงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ไฉนองค์จักรพรรดินีเหลิ่งต้องทำขนาดนี้เพื่อกำจัดนางทิ้ง?
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งเกลียดข้าปานนั้น? แล้วข้าเคยไปทำอะไรให้นางไม่อาฆาตแค้นขนาดนี้กัน?
“ฟังข้าก่อน!”
เซียถงต้องการจะอธิบายอะไรสักอย่างออกไป แต่เมื่อพินิจจากสายตาของอีกฝ่ายที่มีต่อตนเอง ก็พึงทราบทันทีว่าน้ำหนักคำพูดของนางมันดูอ่อนแอเพียงใด! กระทั่งตอนนี้เอง เมื่อนางกวาดสายตาเชยมองเหล่าองครักษ์หน่วยเงาและคณะขุนนางโดยรอบ พวกเขาทุกคนต่างจับจ้องมาที่นางด้วยสายตาเกลียดชังสุดแสน!
ดวงตาคู่นั้นเองของไป๋หลี่หานก็แทบจะลุกเป็นไฟ เขาสบมองเซียถงอยู่สักครู่หนึ่ง เฉพาะเวลานี้เท่านั้นที่เขาพึ่งจะเข้าใจว่า เพราะเหตุใดท่านแม่ของตนถึงต้องตบหน้านางทันทีที่เห็นเจอกัน และปฏิเสธมิให้เขาวิ่งไปช่วยเหลือนาง
ปรากฏว่าความจริงทั้งหมดที่ดำมืดมันเป็นเช่นนี้นี่เอง!
“ทำไมกัน?”
“ข้า…”
“เซียถง ตอบข้าทีเถอะ ทำไมถึงตอบตกลงที่จะอภิเษกกับข้า?”
“ไป๋หลี่หาน ฟังข้า…”