ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 565 พูดไม่ออก (1)
ตอนที่565 พูดไม่ออก (1)
ตอนที่565 พูดไม่ออก (1)
ไป๋หลี่หานสบมองเซียถงไม่กะพริบ แววตาดั่งลูกไฟแผดผลาญนั้นราวกับพยายามค้นให้ลึกลงไปสู่ส่วนลึกในจิตวิญญาณเซียถง เพื่อสอดส่องมองหาความจริงทุกประการที่ต้องการพึงทราบ
อย่างไร สิ่งเดียวที่พบเห็นคือแววความตื่นตระหนกที่เปี่ยมเต็มในดวงตาของนาง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นแววตาเช่นนี้จากอีกฝ่ายมาก่อน และนั่นทำให้หัวใจดวงนี้ของเขาเสมือนถูกค้อนหนักทุบแตกละเอียด
ก่อนที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจะสิ้นพระชนม์ลงไป ประโยคสุดท้ายที่นางเปล่งเสียงตะโกนออกมาคือ คำถามที่เปี่ยมล้นความสงสัยในตัวเซียถง และนี่ยังได้ปลุกกระตุ้น ให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นมาอีกว่า สรุปแล้ว…ความเชื่อที่ผ่านมาของเขาที่มีต่อนางเป็นเพียงเรื่องโง่งม?
เขารู้สึกปวดร้าวหัวใจแนแทบจะฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ!
ยิ่งในตอนนี้ การที่องค์จักรพรรดิตงหลี่เพิ่งจะส่งมอบตัวฮูหยินหลี่ แม่ของนางเซียถงกลับมาให้ในสภาพปลอดภัยสมบูรณ์ดี มันยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่า ไป๋หลี่หานก็แค่คนโง่งมคนหนึ่งที่ถูกเซียถงชักจูงโดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ และเมื่อถึงเวลาอันควร ความจริงที่โหดร้ายก็จะได้รับการเฉลยออกมา เฉกเช่นปัจจุบัน!
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเซียถงทั้งหมด ต่างหลั่งไหลเข้าสู่ห้วงความคิดของไป๋หลี่หานอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่แรกเริ่ม เซียถงคือสาวน้อยหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ก็ยังมีพรสวรรค์ในด้านการบำเพ็ญตบะสูงที่สุดในจักรวรรดิตงหลี่ กล่าวคือ นางถือได้ว่าเป็น ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งจักรวรรดิตงหลี่ก็ว่าได้ ทว่าต่อมา นางกลับไปตกหลุมรักไป๋หลี่เย่อย่างสุดหัวใจ และยอมกระทั่งสละรากฐานพลังบำเพ็ญตบะทั้งหมดไปเพื่อช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้
และในระหว่างนั้นเอง ตอนที่ใครๆต่างก็คิดว่านางต้องตาย จู่ๆเซียถงคนนี้ก็ฟื้นคืนชีพกลับมาอย่างปาฏิหาริย์ และกลับปรากฏกายต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ซึ่งนางก็ดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เส้นทางการผจญภัยครั้งใหม่ของนางก็ได้เริ่มต้นขึ้น ส่งผลให้พลังความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้นเรื่อยมาอย่างก้าวกระโดด
ตลอดที่ผ่านมานั้น ไป๋หลี่หานแทบจะหาได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องภูมิหลังเหล่านี้ของเซียถงเลย แม้สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวไปจะฟังดูน่าอัศจรรย์เกินจริง แต่เขาก็ไม่เคยซักถามเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้นกับนางเลยสักครั้ง และยังเชื่ออยู่เสมอว่า เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีต้นสายปลายเหตุที่เชื่อมโยงกัน เพียงว่านางไม่อยากจะพูดถึงอดีตเท่านั้น และในเมื่อนางไม่อยากเอ่ยถึงกล่าวถึง เขาเองก็ไม่คาดคั้นเช่นกัน หวังเพียงว่าสักวันนางจะเปิดใจและเล่าสู่กันฟังแก่เขา
หลังจากที่ได้อภิเษกสมรสกันและพานางย้ายมาอยู่ที่อี้เฉิง ไป๋หลี่หานก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงความรู้สึกของนางที่มีต่อเขา ดังนั้นแล้ว ต่อให้ไป๋หลี่หานจะพอรู้อยู่เหมือนกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเซียถง เย่หลีเทียนและองค์จักรพรรดิตงหลี่จะมีบางอย่างคลุมเครืออยู่บ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อใจนางตั้งแต่ต้นจนจบและจะไม่มีวันทรยศกันเด็ดขาด
แต่ในวันนี้และบัดนี้เอง ความเชื่อใจทั้งหมดที่ไป๋หลี่หานมีต่อเซียถง ค่อยๆพังทลายลงทีละเล็กละน้อย และยิ่งตอนที่ได้เห็นฮูหยินหลี่ถูกปล่อยตัวออกมา นั่นคือตอนที่ทุกอย่างได้พังทลายลงจนหมดสิ้น!
ไป๋หลี่หานแทบพูดไม่ออก ทำได้เพียงเหม่อมองนางอย่างว่างเปล่า ถึงทราบดี ณ ปัจจุบันตนเองได้ถูกหญิงที่รักสุดหัวใจหักหลังไปแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่หนึ่งคำถามที่คลั่งค้างไม่จางหายไป…ทำไมกัน!
“ไป๋หลี่หาน ฟังข้า…”
ภายในใจของเซียถงมีหลายหลากคำพูดมากมายที่กระจุกแน่น แต่ทันทีที่เปิดปากเอ่ยขึ้นมากลับมิทราบควรเริ่มจากตรงไหนก่อน!
เย่หลีเทียนกับองค์จักรพรรดิตงหลี่ลอบเร้นสบสายตากันหนึ่งปราด
“เซียถง เห็นแก่คุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของเจ้า บัดนี้ข้าอนุญาตให้เจ้ากับแม่ของเจ้ากลับไปก่อนโดยไว”
เป็นองค์จักรพรรดิตงหลี่ที่เอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ประโยคนี้ยิ่งขยี้แผลใจของไป๋หลี่หานให้เจ็บปวดขึ้นไปอีก!
เซียถงหันขวับถลึงตาใส่องค์จักรพรรดิตงหลี่ด้วยความโกรธแค้นอาฆาต เพลิงพิโรธเดือดพล่านสุมทรวงอยู่ภายในใจของนาง เวลานี้นางไม่ต้องการจะอธิบายอันใดอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องการคือ ฆ่าไอ้จักรพรรดิบัดซบตัวนี้! นางกำกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่นหนา และขณะที่กำลังจะลงมือนั้น…
อย่างไรเสีย พริบตาขณะก้าวย่างออกไป จู่ๆนางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะพลัน กระแสความเจ็บปวดโฉบแล่นไปทั่วท่อนแขนลามขึ้นมากัดกินไปกว่าครึ่งซีกร่างกาย ก่อนจะมีอาการชาอย่างรุนแรง มือข้างนั้นที่กุมจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเริ่มสั่นเครือเกินจะควบคุม และท้ายที่สุด กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มหนักก็ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง
เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ ร่องรอยความกังวลท่ามกลางความผิดหวังในแววตาของไป๋หลี่หานพลันส่องสะท้อนตามสัญชาตญาณออกมา แต่เสี้ยวพริบตา ขณะที่กำลังจะยื่นมือออกไปช่วย เขาก็ชะงักนิ่งไปโดยพลัน
ร่างไร้ชีวิตที่เย็นชืดของท่านแม่เขายังคงอยู่ในอ้อมแขน สิ่งนี้ได้เตือนสติเขาว่า เซียถงได้ทรยศเขาไปแล้ว และนี่ยังร้ายแรงเกินกว่าที่จะให้อภัยใดๆได้!
เมื่อเห็นดังนั้น เย่หลีเทียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและตะโกนสั่งการเหล่าทหารให้เดินทัพโจมตีใส่ไป๋หลี่หานทันที ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หลี่หานและเซียถงได้แตกหักโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้อารมณ์ความรู้สึกของไป๋หลี่หานเองก็ยังจมอยู่ในความโศกเศร้า แล้วมีหรือที่จะปล่อยโอกาสทองเช่นนี้ให้หลุดมือ? เย่หลีเทียนไม่มีวันยอมเสียโอกาสหนึ่งเดียวโดยง่าย! ไม่ว่ายังไง วันนี้ไป๋หลี่หานก็ต้องตาย!
องค์จักรพรรดิตงหลี่บัญชาสั่ง กลุ่มองครักษ์ชั้นเอกซึ่งกอปรด้วยเหล่ายอดปรมาจารย์ชำนาญศึกทั้งหมดเข้าเสริมร่วมสมรภูมิอีกแรง กองทหารจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านเซียถงโดยไม่ทำอันตรายใดๆ และโถมพุ่งโจมตีใส่ไป๋หลี่หานเพียงอย่างเดียว
ภาพฉากนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความจริงอันโหดร้ายเข้าไปอีก ไป๋หลี่หานรู้สึกสิ้นหวังโดยสมบูรณ์!
นัยน์ตาของเขาค่อยๆชืดชาจนเปลี่ยนกลายเป็นสีเย็นเยียบ หนึ่งความคิดเคลื่อนขยับ ปรากฏกระบี่คู่สีเงินและสีทองอยู่ในมือทั้งสองข้างของเขาทันที
วิสัยทัศน์การมองเห็นของเซียถงพล่ามัวถึงขีดสุด จะเห็นก็เพียงร่างของฮูหยินหลี่ที่โดนเหล่าทหารผลักชนจนเซล้มไปกับพื้น ในเวลานี้ นางหาได้สนใจภาพรวมของสถานการณ์ตอนนี้อีกต่อไป โดยส่วนใหญ่ม่วนยุ่งอยู่กับการอาการผิดแปลกของร่างกายตัวเอง
เซียถงรู้สึกว่าตนเองกำลังจะเสียหลักและล้มลงในอีกไม่ช้า
แต่ทันใดนั้น เสี่ยวฮั่วก็เปล่งเสียงตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจขึ้นผ่านห้วความคิดของนางว่า
“นายท่าน!”
มันเปล่งลั่นตะโกนสุดเสียงเพื่อปลุกเซียถงมิให้เผลอหลับ อย่างไรตอนนี้ นางเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ถึงสภาพจิตวิญญาณของเสี่ยวฮั่วที่อ่อนแรงลงเช่นกันไม่ต่างกับนาง
“เสี่ยวฮั่ว!”
สถานะในเวลานี้กล่าวได้ว่า ต่างคนต่างต้องพึ่งพากันและกัน
เสี่ยวฮั่วพยายามประคองสติ ส่งเสียงอ่อนเปลี้ยกล่าวขึ้นว่า
“ศรธนูที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งแทงทะลุฝ่ามือของท่าน มันมีพิษร้ายรุนแรงมาก ซึ่งนี่เป็นอันตรายต่อชีวิตของทั้งข้าและท่าน! รีบหาทางออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด การที่พวกมันหยิบใช้พิษเช่นนี้แสดงว่า จักรพรรดิตงหลี่เองก็มีเจตนาฆ่าท่านให้ตายเช่นกัน! รีบไปเร็ว! นายท่าน…”
ยังกล่าวไม่ทันจบดี ระดับเสียงของเสี่ยวฮั่วก็ค่อยๆแผ่วต่ำลงและผลอยหลับสิ้นสติไปในที่สุด
เซียถงจงใชใช้ฟันขบกัดริมฝีปากล่างตัวเองอย่างแรงไปทีหนึ่ง กลิ่นเลือดคาวหวานคลุ้งอบอวลไปทั่วช่องปาก กระแสความเจ็บปวดโฉบแล่นที่พุ่งโดดออกมานั้น ได้ทำให้นางตื่นตัวขึ้นในทันใด
นางกวาดคลำไปทั่วพื้นและคว้าหยิบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่นอนแน่นิ่งขึ้นมาเพื่อใช้มันเป็นไม้ค้ำยันพยุงร่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ หลิวซูยอมผสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับเซียถง จนก่อให้เกิดสายสัมพันธ์เชื่อมต่อระหว่างกันโดยตรง จึงทำให้หลิวซูเองก็โดนพิษร้ายเล่นงานตามไปด้วยอีกคน กล่าวคือ ทั้งมันและเสี่ยวฮั่วต่างตกอยู่ในอาการวิกฤตเช่นกัน
เซียถงพยายามมองย้อนหันไปหาไป๋หลี่หาน ค้นพบว่าเขากำลังสัประยุทธ์โรมรันกับเย่หลีเทียนอย่างบ้าคลั่ง นี่หรือคือชายที่นางเปิดใจด้วยให้? แล้วนี่หรือคือชายที่มักจะเฝ้าบอกกับนางเสมอว่า เขาเชื่อใจในตัวของนาง? แต่เมื่อเผชิญพบกับสิ่งภายนอกกระตุ้นเร้าขึ้นหน่อย ความเชื่อใจที่ดูมั่นคงแข็งแกร่งเหล่านั้นพลันเปราะบางลงทันที?
ก่อนที่จะบุกเข้ามาในอี้เฉิงในวันนี้ เซียถงได้สาบานกับตัวเองในใจอย่างลับๆ ไม่ว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะผันเปลี่ยนเป็นอย่างไร นางก็จะขอยืนหยัดและร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจนสุดทางแม้จะต้องตาย! นางยอมสละชีวิตเพื่อเขา ยอมเต็มใจตายเพื่อเขา!
แต่นี่หรือคือสิ่งที่นางได้รับกลับมา?
ในเวลานี้เอง เซียถงก็รู้สึกผิดหวังในตัวไป๋หลี่หานไม่แพ้กัน!
เย่หลีเทียนในปัจจุบันทรงพลังกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งยังมีกองหนุนจากองค์จักรพรรดิตงหลี่ที่ล้วนแต่เป็นทหารชั้นเอก ซึ่งนี่ตรงกันข้ามกับไป๋หลี่หาน เขาในตอนนี้ได้รับผลกระทบต่อจิตใจรุนแรง ทั้งในเรื่องการตายขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งและเรื่องการทรยศของเซียถง และข้อพึงระวังสำคัญสำหรับยอดฝีมือ กล่าวคือ ห้ามสูญเสียความสงบนิ่งไปโดยเด็ดขาดในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งไป๋หลี่หานในตอนนี้เสมือนถูกคลื่นอารมณ์เข้าครอบงำ ทุกกระบวนการเคลื่อนไหวของเขามีแต่ความบ้าคลั่งไร้แบบแผน และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงกล่าวได้ว่ารอเวลาพ่ายแพ้ได้เลย