ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 568 ลาก่อน! ไป๋หลี่หาน (2)
ตอนที่ 568 ลาก่อน! ไป๋หลี่หาน (2)
ตอนที่ 568 ลาก่อน! ไป๋หลี่หาน (2)
หนึ่งปราดพริบตาที่สบมอง จักรพรรดิตงหลี่ใจสั่นสะท้านเริ่มตื่นตระหนกพลัน เจ้าเย่หลีเทียนนี่…ดูท่าจะมิได้ล้อเล่น! แต่มันคิดจะลงมือจริง! ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น แข้งขาของเขาก็อ่อนแรงทรุดฮวบ ร่างค่อยๆเลื่อนไหลลงมาจากบัลลังก์ที่นั่งทองคำสูง สีหน้าการแสดงออกจากหยิ่งผยองจองเดชกลับอันตรธานหายไร้ร่องรอย เหลือเพียงรอยยิ้มประจบสอพอแสนประหม่าบนใบหน้า
“เทียนเอ๋อร์ อย่าทำเช่นนี้! หากต้องการสิ่งใด…ขอ…ขอเพียงบอกข้ามาเถิด!!”
เสียงตะโกนเปล่งร้องคำว่า เทียนเอ๋อร์ ถ้อยวาจานี้กลับดึงกึกก้องสะกดเย่หลีเทียนอยู่ในใจ อึดใจขณะขนลุกซู่วเสียวสันหลัง ก่อนจะเผยรอยยิ้มแสยะแสนน่าขันยิ่งกว่าออกมา
เย่หลีเทียนกระชับกำด้ามกระบี่แน่นหนา คมแสงประกายเยียบเย็นทาบจ่อตรงเส้นเลือดแดงใหญ่บนลำคอขององค์จักรพรรดิตงหลี่
“เทียนเอ๋อร์งั้นรึ? นามขานนี้ช่างคุ้นเคยเสียกระไร? แต่แปลกนักที่ได้ยินจากปากของเจ้า?”
เขายังสลักจำได้แม่น ตอนที่เป็นเด็กน้อยก็มีเพียงท่านแม่ที่เอ่ยขานเรียกชื่อ เทียนเอ๋อร์ กับตนเอง แต่หลังจากท่านแม่เสียไป นี่จึงกล่าวได้ว่า เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ได้ยินใครบางคนเรียกตัวเองด้วยชื่อนี้ เว้นเสียแต่ผู้เป็นแม่ที่มีสายเลือดเดียวกัน แล้วยังมีใครอีกเล่าที่รู้จักนามขานเก่าเฉกเช่นนี้? ภายในใจของเขาบังเกิดระลอกคลื่นอารมณ์หลายหลากถาโถมเต็มไปหมด
เย่หลีเทียนขมวดคิ้วถักแน่นโดยมิรู้ตัว
เมื่อองค์จักรพรรดิตงหลีเห็นดังนั้น เขาเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ไม่คิดอยากจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้มากนัก แต่อย่างไร ชีวิตของตนเองยามนี้อยู่ในกำมืออีกฝ่าย อย่างไรจำต้องรีบพูดเอาใจโดยไว
“เทียนเอ๋อร์ อันที่จริงแล้ว…ข้า…ข้าเป็นพ่อของเจ้า! เจ้าฟังพ่อคนนี้ก่อน! มีดดาบไม่มีหูตา จะยังไงก็รีบวางมันลงก่อน! ฟังสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ให้ดี เจ้า…ไม่ว่าเจ้าจะปรารถนาในสิ่งใด พะ-พ่อ…พ่อคนนี้ย่อมมอบให้ทุกอย่าง! อันที่จริงแล้ว เจ้าถือเป็นบุตรชายของข้าคนหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง หลังกลับไปยังเมืองเฟิงหลี่ ข้าจะถอดทอนตำแหน่งองค์รัชทายาทของไป๋หลี่เย่ แล้วมอบให้แก่เจ้าแทนดี! จากนี้ต่อไปเจ้าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ตงหลี่ต่อจากข้า! เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร?”
ใครหรือจะคาดคิด ยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเป็นตาย องค์จักรพรรดิตงหลี่ผู้หยิ่งยโสจะเอ่ยกล่าววาจาขี้แพ้อะไรเช่นนี้ออกมา นี่ทำเอาเย่หลีเทียนรู้สึกขำขันพลัน
“จะว่าไปแล้ว ท่านแม่ของข้าก็ยังเคยกล่าวว่า ตัวตนที่แท้จริงของข้านั้นคือบุตรชายคนโตแห่งองค์จักรพรรดิตงหลี่ แต่อย่างไร หากตอนนั้นข้ามีโอกาสได้เสวยสุขอยู่ในวัง ปานนี้ข้าคงเป็นเพียงองค์รัชทายาทเศษสวะคนหนึ่งที่ทั้งขี้เกียจและไร้น้ำยาเฉกเช่นไป๋หลี่เย่ ต้องขอบคุณอย่างแท้จริงที่ตอนนั้น เจ้าขับไล่ข้ากับท่านแม่ออกจากวังหลวง! ปล่อยให้ท่านแม่ต้องอุ้มท้องระหกระเหินอยู่ตามลำพังแสนนาน! ขอบคุณจริงๆที่ทำกับพวกเราได้ลงคอ! แล้วเคยรู้หรือไม่ว่า ข้ากับนางต้องใช้ชีวิตอย่างแสนรำเข็นเพียงใด!”
ในความทรงจำที่แสนเลือนรางขององค์จักรพรรดิตงหลี่แทบจะจำเรื่องของแม่เย่หลีเทียนไม่ได้เลย แต่ใครจะไปคาดคิด เรื่องราวเล็กน้อยในวันนั้นที่ไม่มีใครสักคนจำได้ เย่หลีเทียนจะเก็บมาคิดแค้นอาฆาตจนกลายมาเป็นแผนการชั่วร้ายใหญ่โตอย่างในปัจจุบันเช่นนี้! หนึ่งเสี้ยวความคิด เขาหวนนึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ตอนนั้นตัดสินใจขับไล่เย่หลีเทียนกับแม่ของเขาออกจากวังหลวง หากตอนนั้นเขามีสติคิดให้รอบคอบกว่านี้เล็กน้อย บางทีเรื่องทั้งหมดทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นเลย! เขารู้สึกขมขื่นใจเกินพรรณนา แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับไม่กล้าแสดงออกมา ทำได้แค่กล่าวประจบสอพลอต่อไปว่า
“พ่อไม่คิดเลยว่า แม่ของเจ้าจะต้องประสบพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น พ่อคนนี้รู้สึกเสียใจเหลือเกิน แต่ตอนนี้พวกเราสองพ่อลูกก็ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งแล้ว จากนี้ไป…”
แต่ยังไม่ทันที่องค์จักรพรรดิตงหลี่จะกล่าวจบ เขาพลันรู้สึกถึงกระแสเย็นวาบที่เฉียวปาดผ่านลำคอของตน ดวงตากลมโตทั้งสองเบิกกว้าง จับจ้องหาเย่หลีเทียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เสี้ยวอึดใจ เห็นเพียงธารเลือดแดงฉานสาดกระเซ็นอาบย้อมไปทั่วใบหน้าและเนื้อตัวของเย่หลีเทียนเท่านั้น
ต่อมาองค์จักรพรรดิตงหลี่สัมผัสได้ถึงของเหลวกระแสอุ่นที่กระฉูดพุ่งออกมาจากลำคอของตน ปฏิกิริยาแรกตอบสนองของเขาคือ พยายามยกสองมือขึ้นป้องปิดบริเวณคอของตน แต่พลันต้องตกใจเมื่อเสาะพบว่า เส้นเลือดแดงใหญ่บนคอของตนได้ถูกตัดสะบั้นไปเสียแล้ว และไม่ว่าจะพยายามกดบาดแผลห้ามเลือดยังไงก็ไม่สามารถหยุดมิให้ไหลได้!
“สุนัขอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มากล่าวถึงท่านแม่ข้า! นางอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆมานานนับหลายปี ในขณะที่เจ้าเอาแต่เสพสุขอยู่บนบัลลังก์! นี่กลับไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ดังนั้นนี่คงถึงเวลาแล้ว….ที่เจ้าจะได้ลงนรกไปพบกับท่านแม่! แต่ก่อนหน้านั้น ท่านจำต้องชดใช้ในสิ่งที่เคยก่อขึ้นก่อน…ท่านพ่อ!”
ในเวลานี้องค์จักรพรรดืตงหลี่ยังไม่สิ้นใจ เขาได้ยินทุกถ้อยประโยคคำกล่าวของเย่หลีเทียนชัดแจ้ง แต่ทันทีที่มาถึงคำว่า ท่านพ่อ ที่อีกฝ่ายเรียกเขาเช่นนี้เป็นครั้งแรก นี่ทำให้องค์จักรพรรดิตงหลี่รู้สึกหวาดวิตกยิ่งยวด
เย่หลีเทียนยืนจ้ององค์จักรพรรดิที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตอยู่บนพื้นในเวลานี้ มุมปากของเขาพลันกระตุกยิ้มเย้ยเยาะปนถากถางอยู่หนึ่งส่วน เขาย่างเท้าก้าวคร่อมร่างขององค์จักรพรรดิตงหลี่ จากนั้นค่อยยกคมกระบี่ชูขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมทิ้งดิ่งแทงลงใส่โดยไม่มีลังเล คมกระบี่เล่มยาวปักทะลุร่างอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ล่างทั้งรุนแรงและไร้ปรานี อย่างไร เขาจงใจเลี่ยงมิให้โดนจุดสำคัญ ดังนั้นองค์จักรพรรดิตงหลี่จึงมิได้ถูกฆ่าหรือสิ้นใจตายในทันที
เขาบ้วนเลือดสดพ่นออกมาเต็มปากเต็มคำ อย่างไรก็ยังไม่ตาย และประสาทการรับรู้ก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี โดยไม่มีรีรอปล่อยให้หยุดพัก เย่หลีเทียนลงกระบี่เสียบทะลุร่างของอีกฝ่ายเป็นคำรบสอง และเริ่มเพิ่มความเร็วกระหน่ำแทงรัวตั้งแต่ช่วยหน้าท้องไล่ลงไปยันต้นขา คมกระบี่ฉาบลมปราณพุ่งตัดเอ็นร้อยหวายหลังเท้าขององค์จักรพรรดิตงหลี่…
เย่หลีเทียนจงใจทรมานอีกฝ่ายด้วยวิธีการเฉกเช่นนี้ เพื่อต้องการให้มันได้ชดใช้ในความผิดบาปที่ก่อขึ้นในอดีตกับแม่ของเขา ความอาฆาตแค้นทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ ยามนี้เย่หลีเทียนได้ระบายมันทั้งหมดออกมาให้แก่องค์จักรพรรดิตงหลี่ผู้นี้!
วิธีการทรมานเช่นนี้ของเขาโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ กล่าวคือ เย่หลีเทียนกระหน่ำแทงไปกว่าร้อยแผลแล้ว แต่องค์จักรพรรดิตงหลี่ก็ยังไม่ตาย!
ร่างทั้งร่างขององค์จักรพรรดิตงหลี่ฉาบย้อมไปด้วยเลือดแดงฉาน ส่วนพื้นเบื้องล่างอาบนองเป็นบ่อเลือดแอ่งหนึ่ง เส้นเอ็นทั่วกายาถูกตัดสะบั้นขาด องค์จักรพรรดิตงหลี่นอนแน่นิ่งเป็นผักโดยสมบูรณ์ พร้อมกับเสียงก่นร้องครวญทรมานในลำคอ กล่าวคือถึงแม้ร่างกายจะกลายเป็นอัมพาตขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดที่ได้รับยังคงรู้สึกครบถ้วน!
ทุกคนโดยรอบต่างเฝ้ามองเย่หลีเทียนระบายแค้นใส่องค์จักรพรรดิตงหลี่อย่างบ้าคลั่ง หลายต่อหลายคนถึงกับทนไม่ไหว คลื่นไส้อาเจียนออกมาทั้งแบบนั้น พอยิ่งได้สัมผัสถึงรังสีสังหารที่แผ่ปะทุจากในกายของเย่หลีเทียนด้วยแล้ว พวกเขาถึงกับขวัญอ่อนตัวสั่นเกินจะควบคุม
และก็เป็นเฟิงหมิงอี้ที่เดินตรงออกมาหา เขายกมือขึ้นตบไหล่เย่หลีเทียนอย่างแผ่วเบา
เย่หลีเทียนสะดุ้งเฮือกตกใจฉับพลัน เร่งหมุนตัวขวับเหวี่ยงคมกระบี่เข้าฟาดฟันใส่โดยไว แต่โชคยังดีที่เฟิงหมิงอี้มีปฏิกิริยาว่องไวไม่เป็นสอง หลบเลี่ยงออกมาได้ทันท่วงที
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเฟิงหมิงอี้ สีหน้าแค้นอาฆาตจนบิดเบี้ยวน่ากลัวของเย่หลีเทียนก็คล้ายจะอ่อนลงหลายส่วน
“นายท่าน เขาตายแล้ว!”
ได้ยินดังนั้นจึงหันย้อนเข้าจับจ้อง ก่อนจะพบว่าเสียงร้องครวญทรมานที่ก่นแผ่วในลำคอขององค์จักรพรรดิตงหลี่ยามนี้ได้เงียบหายไปแล้ว เหลือเพียงร่างศพที่โดนกระหน่ำสับแทงจนเปื่อยเละ ทั้งที่เย่หลีเทียนพยายามหลบเลี่ยงมิให้โดนจุดสำคัญแล้วแท้ๆ แต่องค์จักรพรรดิตงหลี่กลับไม่สามารถทนพิษบาดแผลเหล่านี้ได้ไหว และขาดใจตายในท้ายที่สุด!
องค์จักรพรรดิตงหลี่ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว และบนผืนพิภพแห่งนี้มีคำกล่าวดังว่า แค้นต้องล้างด้วยแค้น แต่อย่างไร ความขุ่นแค้นนี้ภายในใจของเย่หลีเทียนกลับไม่ลดลงเลยสักนิด!
เมื่อกลับมายังค่ายพัก เย่หลีเทียนพลันรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณท่อนแขนข้างหนึ่ง และเมื่อถกแขนเสื้อออกมาดูก็พบว่า มีแสงสะท้อนประกายเงินสีจางฝังอยู่ในแขนของเขา
เขาถึงกับร้องอุทานคำหนึ่งเจือแววประหลาดใจหลายส่วน นี่คืออาวุธลับที่เซียถงยิงใส่เขาก่อนหน้านี้เพื่อเบี่ยงทิศทางกระบี่
เย่หลีเทียนดึงเข็มเงินเล่มนั้นที่ฝังอยู่บนแขนออกมา ยกมันขึ้นมาพินิจมองอย่างระมัดระวัง