ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 569 ความคิดอ่านของทุกคน (1)
ตอนที่569 ความคิดอ่านของทุกคน (1)
ตอนที่569 ความคิดอ่านของทุกคน (1)
จับจ้องอาวุธลับชิ้นนั้นที่ปักคาอยู่บนท่อนแขนตาเขม็ง เย่หลีเทียนจึงค่อยดึงถอนออกมา คมเข็มสีเงินเปล่งประกายระยิบระยับเจือผสมเลือดสีแดงย้อมฉาบ เมื่อเขาลองเพ่งพินิจให้จงดีกับสิ่งที่อยู่บนฝ่ามือของเขา มองเข้าไปใกล้ๆ พึงต้องประหลาดใจ ปรากฏว่ามันไม่ใช่อาวุธลับเข็มเงิน แต่แท้ที่จริงเป็นต่างหูของเซียถงข้างหนึ่ง
สิ่งนี้เป็นต่างหูเงินที่ถูกตีสร้างด้วยลวดลายเรียบง่ายเป็นแท่งตรง ส่วนปลายออกไปทางแหลมเล็กน้อยคล้ายเข็มเงิน จะเห็นได้ชัดเจนว่า การโจมตีนี้ของเซียถงเป็นไปด้วยความรีบร้อนจัด
เย่หลีเทียนเฝ้ามองต่างหูชิ้นนี้อยู่เป็นเวลานานบนฝ่ามือ กลับหาได้สนใจแยแสอาการเจ็บปวดใดๆ บนร่างกาย สักครู่หนึ่งเขาก็เดินย้อนกลับไปนั่งบนโต๊ะ พยายามหาเครื่องไม้เครื่องมือรอบข้างเพื่อซ่อนมัน หลังจากทำเสร็จไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอก จนท้ายสุดหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูพร้อมเสียงผลักเปิดเข้ามา
ร่างอรชรสีขาวย่างเท้าก้าวเข้ามาอย่างนุ่มนวล เรียวมือยาวระหงสีขาวประดุจหิมะยกขึ้นสัมผัสไหล่ของเย่หลีเทียนแสนแผ่วเบา มือไม้คู่นี้นิ่มนุ่มราวกับไม่มีกระดูก สักครู่หนึ่งจึงค่อยออกแรงบีบคลึงนวดให้อีกฝ่ายหวังให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า
น้ำเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า
“สมุนไพรแช่ตัวในอ่างพร้อมแล้ว ภายในนั้นใส่ส่วนผสมโอสถไปตั้งมากมายหลายชนิด ท่านรีบไปอาบน้ำเถิด ข้ารอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านอยู่”
เย่หลีเทียนเหลียวศีรษะชำเลืองมองหญิงสาวนางนั้นที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่ง ใบหน้าประทินแต่งสวยสดดุจนางสวรรค์ แต่อย่างไร สิ่งเหล่านี้กลับไม่สามารถปลุกกระตุ้นความสนใจใดๆ จากเขาได้ เย่หลีเทียนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นว่า
“เจ้าควรทราบกฎระหว่างเราดี ห้ามแตะต้องตัวโดยมิได้รับอนุญาต!”
“เจ้าค่ะ..”
หญิงสาวนางนั้นเอ่ยตอบกลับพลัน แต่ภายในเนื้อเสียงเจือผสมแววความไม่เต็มใจอยู่หลายส่วน ขณะที่กำลังจะผลักมือไม้ยกออกห่างตัวเย่หลีเทียน ก็บังเอิญเหลือบหางตาไปเห็นแสงสะท้อนสีเงินระยิบระยับบนมือของอีกฝ่าย เพียงเท่านั้น นางถึงกับอ้าปากค้าง
“นี่มัน…ได้ยังไงกัน?”
หญิงสาวนางนั้นรีบยกมือขึ้นแตะสัมผัสต่างหูอีกอันที่กำลังสวมใส่ เพราะตนเองก็มีห่างหูแบบเดียวกันอยู่คู่หนึ่ง เว้นเสียแต่ต่างหูคู่ของนางหาใช่โลหะเงินล้วน แต่ยังมีลวยหยกสีเขียวบริสุทธิ์ประกอบติดเพิ่มความหรูหรากว่า
นางรีบเอื้อมมือถอดมันออกและนำมาวางไว้บนโต๊ะทันที และกล่าวว่า
“พ่อของข้าเป็นคนมอบเจ้าสิ่งนี้ให้ข้าในตอนยังเด็ก ฟังว่าเซียถงเองก็มีอยู่คู่หนึ่ง เพียงว่าไม่มีลายหยกเขียวประดับติด”
หญิงสาวนางนี้หาใช่ใครอื่นใดนอกจากเซี่ยเสวี่ยเหลียน แววความฉงนงุนงงอัดแน่นอยู่ในดวงตาของนาง กลอกสายตาเลื่อนมองเย่หลีเทียนอยู่ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอธิบายต่ออีกว่า
“เซียถงคลอดก่อนข้าเพียงไม่นานเท่าไหร่ ข้ายังจำได้ตอนที่ฉลองวันเกิด พ่อ…”
กล่าวถึงจุดนี้ เซี่ยเสวี่ยเหลียนหยุดไปชั่วขณะ คำว่า ‘พ่อ’ ที่เอ่ยเรียกออกมานั่นกลับไม่สมควร เพราะนางยังจำจดได้แม่นยำ ตัวเองหาใช่ลูกสาวของเซี่ยอี้เฉิง ไม่มีกระทั่งเศษเสี้ยวหนึ่งของสายเลือด! สักครู่ต่อมา นางปั้นหน้าลำบากใจเล็กน้อย พอหันจะไปเล่าต่อให้เย่หลีเทียนได้ฟัง กลับพบว่าอีกฝ่ายหาได้สนใจฟังนางเลย
อย่างไร เซี่ยเสวี่ยเหลียนเองก็ชินชากับนิสัยของชายคนนี้แล้วเช่นกัน จึงเอ่ยปากเล่าต่ออย่างไม่แสแยว่า
“เซี่ยอี้เฉิงมอบต่างหูคู่นี้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ข้า และตอนที่ข้าสวมประดับมัน เซียถงก็เอาแต่จ้องมาที่ข้าไม่หยุดจนเขาสังเกตเห็นและพลันคิดไปว่า ลูกสาวอีกคนเองก็คงอยากได้เช่นกัน ต่อมาจึงซื้อให้เป็นของขวัญอีกคู่หนึ่งแก่เซียถง ทีแรกนั้นข้าเองก็ไม่พอใจอย่างมาก แต่พอเห็นว่าของนางไม่มีลายหยกเขียว ข้าเองก็ได้เข้าใจและหาได้แยแสอันใดอีก”
เย่หลีเทียนสะดุดมองต่างหูเงินลายหยกของเซี่ยเสวี่ยเหลียนอยู่เป็นเวลานาน เขาพึงทราบดีว่า แต่ก่อนนั้นเซียถงมีชีวิตที่ยากลำบากปานใด กระทั่งของขวัญสักชิ้น คนเป็นพ่อยังลำเอียงให้ไม่เหมือนกัน
“เอาล่ะ วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว เจ้าออกไปก่อน แล้วฝากไปตามพ่อบ้านหมิงอี้ให้ข้าด้วย”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนมุ่นคิ้วขมวด จับจ้องแผ่นหลังของเย่หลีเทียนด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ลึกๆ ในใจหวังว่าเขาจะหันกลับมาสนใจกันบ้างสักนิด แต่ท้ายที่สุดจำต้องผิดหวังและหมุนตัวจากออกไปอย่างขมขื่นตามลำพัง
ขณะที่นางแง้มบานประตูจากออกไป พลันปราณร่องรอยจิตสังหารขุ้นแค้นสาดสะท้อนอยู่ในดวงตาของเซี่ยเสวี่ยเหลียน เซียถง…ไฉนผู้ชายทุกคนอยู่รอบตัวข้าถึงสนใจแต่เจ้า นางไม่เคยลืมเลือนแม้สักครา ถึงแววความอ่อนโยนที่เย่หลีเทียนมอบให้ ถึงแม้จะเป็นแค่ครั้งเดียวที่ได้สัมผัส แต่นั่นก็ยังติดตราตรึงอยู่ในใจดวงนี้ไม่มีเลือนหาย แต่เขาในเวลานี้…กลับสนใจแต่เรื่องเซียถง!
“นายท่าน เรียกหาข้อน้อยมีเรื่องอันใดรึ?”
เฟิงหมิงอี้ชะโงกหน้าขึ้นจากบานประตูและกล่าวทักทาย
“สถานการณ์ในเมืองเฟิงหลี่เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”
“ข่าวการสวรรคตอย่างกะทันหันขององค์จักรพรรดิตงหลี่ ประชาชนทั่วทั้งเมืองต่างรับรู้กันหมดแล้ว องค์รัชทายาทไป๋หลี่เย่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เข้าพิธีขึ้นครองราชย์! ฟังว่าถึงขั้นตาสว่างจนไม่หลับไม่นอน ส่วนทางด้านไป๋หลี่หาน…”
“ถึงแม้พวกนั้นจะหลบหนีออกจากอี้เฉิงไปได้ แต่ก็ยังมีเบาะแสมากมายถูกทิ้งเอาไว้ระหว่างทาง สามารถติดตามตัวได้ไม่ยากนัก ซึ่งทางข้อน้อยเองก็ได้ส่งหน่วยทหารออกไปตามล่าแล้ว”
เฟิงหมิงอี้ดูจะมั่นใจเป็นพิเศษ ถึงขนาดส่งกองทหารนับหลายร้อยนายเคลื่อนพลเข้าติดตามไล่ล่าไป๋หลี่หานไม่ห่าง เพราะถึงแม้ไป๋หลี่หานจะเก่งกาจปานใด แต่เขายังต้องมีคนที่ต้องดูแลตลอดเวลาอย่างพวกคณขุนนางอี้เฉิงที่ช่วยชีวิตมาจากคุก ดังนั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะทราบถึงกลอุบายกับดักดีปานใด ทว่ากลับไม่สามารถหนีไปไหนได้ไกลนัก คณะขุนนางอี้เฉิงพวกนั้นหาได้เชี่ยวชำนาญด้านการต่อสู้ กล่าวคือตัวภาระดีๆ นี่เอง
ตามแผนการที่วางเอาไว้ คงใช้เวลาไม่นานเกินรอ ก็สามารถไล่ตามพวกไป๋หลี่หานได้ทัน และนั่นจะเป็นจุดจบของราชาหมาป่าสวรรค์อย่างแน่นอน!
แต่ใครจะไปคาดคิด เย่หลีเทียนกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน!
“นำกำลังคนของเราทั้งหมดถอนตัวกลับมา”
“อะไรนะขอรับ?!”
“กระจายข่าวไปแทนว่า ไป๋หลี่หานคือผู้ลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิตงหลี่ ไป๋หลี่เย่ตอนนี้ถึงจะมีตำแหน่งองค์รัชทายาทค้ำคออยู่ก็จริง แต่กลับไม่ได้รับความนิยมจากเหล่าคณะขุนนางตงหลี่เท่าไหร่นัก บางทีตำแหน่งจักรพรรดิองค์ต่อไปอาจหลุดไปอยู่ในมือของไป๋หลี่หานได้ ดังนั้นเราต้องป้องกันไว้ก่อน ตัดทุกคนที่มีความเป็นไปได้ที่จะสืบทอดบัลลังก์ทิ้งไปให้หมด และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไป๋หลี่เย่ได้คุมบังเหียน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้จักรวรรดิตงหลี่อ่อนแอถึงขีดสุด และนี่ยังทำให้ไป๋หลี่เย่เป็นศัตรูกับไป๋หลี่หานได้ด้วย เพราะคนอย่างมันย่อมต้องหาทางแก้แค้นให้แก่ผู้เป็นพ่อแน่นอน”
กล่าวจบ เย่หลีเทียนก็พลางคิดกับตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่างเซียถงกับไป๋หลี่หานคงมาถึงจุดจบแล้วจริงๆ และมิอาจคืนกลับมาเป็นดังเดิมได้ แต่ถึงกระนั้น คนนิสัยอย่างเซียถง ถึงแม้จะตระหนักทราบถึงเรื่องเหล่านี้ดี แต่นางไม่มีทางปล่อยให้ไป๋หลี่หานตายแน่นอน นี่แหละจึงทำให้เขาอยากรู้เสียเหลือเกิน หลังจากนี้นางจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป?
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากปากเย่หลีเทียน เฟิงหมิงอี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที! เขาลืมไปเสียสนิทว่า นายท่านเย่หลีเทียนของเขาเคยแฝงตัวอยู่ในตงหลี่ภายใต้นามอัครมหาเสนาบดี จึงย่อมทราบถึงทัศนคติของเหล่าคณะขุนนางตงหลี่ที่มีต่อไป๋หลี่เย่ดีว่าคิดเยี่ยงไร
นี่เป็นแผนโยนหินก้อนเดียวฆ่านกได้ถึงสองตัวอย่างแท้จริง!
เย่หลีเทียนหัวร่อคำหนึ่ง
“พรุ่งนี้เจ้าเดินทางกลับไปที่ดินแดนต้าซิ่งก่อน ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการที่วางเอาไว้”
“ขอรับ!”
เฟิงหมิงอี้ขานตอบเสียงดังฟังชัด แต่ขณะที่กำลังจะหมุนตัวจากออกไป พลันถูกเย่หลีเทียนยกมือขึ้นหยุดเอาไว้
“นายท่าน ยังมีเรื่องอันใดให้ข้าน้อยรับสั่ง?”
เย่หลีเทียนโยนกระดาษม้วนหนึ่งให้ และเมื่อเฟิงหมิงอี้ลองคลี่เปิดมันดูก็พบว่าเป็น แบบภาพของต่างหูคู่หนึ่งที่ถูกวาดเขียนขึ้นอย่างประณีตบรรจง เก็บทุกรายละเอียดได้เรียบเนียนสวยงาม เขาพินิจจับจ้องอยู่สักพักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นี่หมายความว่าอย่างไร?
“จงไปเสาะหาช่างฝีมือเครื่องประดับที่เก่งที่สุดมา เพื่อสร้างต่างหูเงินลายหยกเขียวดังรูปนี้”
อีกด้านหนึ่ง ไป๋หลี่หานยังคงอยู่ในอาการเศร้าโศกจากทั้งเรื่องการตายของผู้เป็นแม่และโดนเซียถงทรยศหักหลัง หัวใจดวงนี้ราวกับแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ไปนานแล้ว ตลอดทางหนีลี้ภัยออกมา เขากลายเป็นคนไร้ความรู้สึกปราศจากคลื่นอารมณ์ใดๆ บนสีหน้า
และในปัจจุบัน พวกเขากำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง