ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 570 ความคิดอ่านของทุกคน (2)
ตอนที่570 ความคิดอ่านของทุกคน (2)
ตอนที่570 ความคิดอ่านของทุกคน (2)
อี้เฉิงดินแดนหนาวเหน็บที่มีพายุหิมะโหมกระหน่ำปกคลุมตลอดทั้งปี ภายในซอกหลืบหุบเขาที่ทุกอย่างถูกย้อมเป็นสีขาวโพลน ถือเป็นหนึ่งในที่ซ่อนตัวให้ปลอดภัยได้แม้จะเพียงชั่วคราว นอกจากเหล่าทหารอี้เฉิงที่กระจุกรวมกันอยู่ภายในนี้แล้ว ก็ยังมีคณะขุนนางอี้เฉิงอีกจำนวนมากที่โม่ซวนและพวกช่วยเหลือจากคุกในพระราชวังอี้เฉิงออกมา คนพวกนี้น่าห่วงเป็นพิเศษ เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางจึงทำงานอยู่แต่ในพระราชสำนัก ได้รับการปรนเปรอดูแลแทบทุกอย่าง ดังนั้นสภาพร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแอเป็นพิเศษ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาลี้ภัยหลบซ่อนตัวในหุบเขาหิมะ ส่งผลให้โดยส่วนใหญ่ป่วยหนักและเกิดโรคภัยต่างๆ ขึ้นมา เหล่านี้ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ไป๋หลี่หานและคนอื่นๆ เป็นเท่าตัว
โม่ซวนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นเวลาสามวันติด ดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมด เนื่องจากต้องฝ่าพายุหิมะออกไปเพื่อเสาะหาสมุนไพรมาบรรเทาอาการป่วยของเหล่าคณะขุนนาง
ในเวลานี้เขาเดินตรงมาหาไป๋หลี่หาน พร้อมกับส่ายหัวให้อย่างสิ้นหวัง
“นายท่าน”
โม่ซวนรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกินและหาได้สนใจเรื่องมารยาทที่พึงอยู่ต่อหน้าผู้เป็นนายหรือเหล่าขุนนางใดๆ อีก และทรุดตัวนั่งลงอยู่ข้างไป๋หลี่หาน
“สถานการณ์เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”
จวบจนตอนนี้ไป๋หลี่หานยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง อาการบอบช้ำบาดเจ็บภายในค่อนข้างหนักหนา แค่จะทำให้อาการทรงตัวยังไม่มีปัญญา นับวันมีแต่จะทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้สภาพร่างกายของเขาก็เลวร้ายลงมากถึงขั้นน้ำเสียงแหบแห้งเจียนจะไม่เหลือเนื้อเสียงแล้ว
“เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดพายุหิมะตกหนัก แทบจะไม่มีสมุนไพรเจริญเติบโตเลย อาการป่วยของคณะขุนนางอี้เฉิงแต่ละคนก็ทรุดหนัก ข้อน้อยเกรงว่า พวกเขาไม่น่าจะประคองชีวิตอยู่ต่อไปได้นานกว่านี้แล้ว ทั้งนี้เองยังมีกองทหารที่เย่หลีเทียนส่งมาไล่ล่าตามติด สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดแล้ว หากองค์ราชินียังอยู่…”
แน่นอน หากองค์ราชินียังอยู่ที่นี่ ด้วยความสามารถระดับชั้นเซียนโอสถของนาง โรคไข้หิมะที่เหล่าคณะขุนนางประสบอยู่นั้นย่อมสามารถรักษาให้หายขาดได้แน่นอน
แต่ทันทีที่เผลอไผลปล่อยปากไปตามใจว่าถึงจุดนี้ โม่ซวนพลันตระหนักฉับพลัน ตนเองพูดมากเกินไปแล้วจึงรีบหยุดทันควัน แต่อย่างไร สำหรับเรื่องนี้เอง เขาก็อัดอั้นอยู่ในใจนานหลายวันแล้ว จนแล้วจนรอดก็อดเอ่ยขึ้นเชิงให้คิดว่า
“นายท่าน ข้าน้อยไม่เข้าใจ ขณะนั้นนางเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้ท่าน ซ้ำร้ายยังโดนทหารม้าตงหลี่ไล่ล่า แต่นางกลับเลือกที่จะใช้พลุสัญญาส่งให้ข้าย้อนกลับมา และขอให้รีบไปเสริมทีพช่วยเหลือท่านอีกแรง จนเป็นผลให้หนีตายรอดออกมาได้อย่างทุกวันนี้ นายท่าน บางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอาจเป็นความเข้าใจผิด…”
มีหรือที่ไป๋หลี่หานจะไม่ทราบว่าโม่ซวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่กลับมีบางสิ่งที่เขามิอาจลืมเลือนไปจากหัวใจ นึกถึงภาพฉากการตายของท่านแม่ ก็ถึงกับกำไม้ฝืนก้านหนึ่งในมือแน่นและบดขยี้เป็นผุยผงในเวลาต่อมา
โม่ซวนเห็นปฏิกิริยาดังนั้นก็พึงเข้าใจ เขาตระหนักดี ไป๋หลี่หานกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์มิค่อยดีนัก จึงขอตัวออกไปก่อนดีกว่า
จู่ๆ ไป๋หลี่หานลุกขึ้นยืนพลัน เสื้อคลุมที่คลุมห่มบนร่างพลันไหลตกลงพื้น เขาสะดุดมองมันเจือแววตกใจอยู่หนึ่งส่วน เขายังจำได้แม่น ก่อนหน้านี้ที่เขาบุกเข้าไปในพระราชวังอี้เฉิงพร้อมกับเซียถงเพื่อช่วยชีวิตผู้คน นางในเวลานั้นสวมเสื้อคลุมแค่ตัวเดียวเท่านั้น แล้วตอนนี้ล่ะ? นางจะเป็นยังไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้นระหว่างทางเขากลับไม่ทราบแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้แบบนั้น แววตาคู่นั้นของไป๋หลี่หานก็เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดสุดพรรณนา จริงอยู่ที่ไป๋หลี่หานไม่สามารถหยุดความคิดมิให้อาฆาตแค้นในเรื่องที่เซียถงทรยศหักหลัง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็มิสามารถหยุดไม่ให้คิดถึงนางได้เช่นกัน…
หลายหลากความรู้สึกประเดประดังโถมเข้าใส่จิตใจของเขา ก่อเกิดเป็นความเจ็บปวดทรมานที่มิสามารถอธิบายได้ ไป๋หลี่หานทำได้เพียงส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอย่างลับๆ ภายในใจดวงนี้ อย่างไร เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แสนอ่อนแอเหล่านี้ออกมาได้ ณ ปัจจุบัน เขาเปรียบเสมือนเสาหลักแห่งความหวังของทุกคน หากเขาดิ่งและสิ้นหวัง ทุกคนที่เหลือก็พร้อมใจตกนรกไปตาม
ท้ายที่สุดนี้ ทุกคลื่นอารมณ์ผันผวนที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจได้ถุกรวบรวมเอาไว้ในหนึ่งฝ่ามือ จากนั้นไป๋หลี่หานก็โหมซัดใส่ต้นไม้ต้นหนึ่งสุดแรงเกิด หิมะที่คลุมเกาะด้านบนกระจายโปรยปราย ลำต้นถูกสะบั้นตัดครึ่งและโค่นลงมาในพริบตา ก่อเกิดเป็นเสียงถล่มทลายดังสนั่น
เจ็บปวดเหลือเกิน! มิเพียงความทุกข์ทรมานที่สุมทรวงอยู่ในใจระบายไม่ออก แต่นั่นยังรวมไปถึงความเย็นของสภาพอากาศอันเลวร้ายที่ได้กัดกินตัวเขาไปถึงขั้วกระดูก! ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือสภาพร่างกายของเขาที่ชักจำย้ำแย่ลงทุกวัน ไป๋หลี่หานอยากจะหลุดพ้นจากช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดนี้เหลือเกิน! แต่กลับมิอาจรู้ได้ จะมีวันใดหรือไม่ที่สามารถหลุดพ้น!
ไป๋หลี่หานบีบกำปั้นแน่นและกระหน่ำชกก้อนหิมะชั้นหนาบนพื้นอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ พร้อมกันความขื่นขมในหัวใจที่กำลังจะปะทุออกมา…
หลังจากที่เดินทางบนเส้นทางหิมะมาเนิ่นนานหลายวัน เซียถงยังอยู่ในอาการเลื่อนลอย ทั้งสติและความคิดอ่านราวกับดูพร่ามัวมึนงงไปเสียหมด จนมีบางครั้งบางคราวนางเกือบจะควบม้าไปชนต้นไม้ก้อนหินผาระหว่างทาง ด้วยความสิ้นหวังปราศจากทางเลือกอื่นใด จึงขอให้ฮูหยินหลี่ช่วยกัดแขนนางแรงสักทีหนึ่งเพื่อดึงสติกลับมา แต่นานเข้าการกัดกลับใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป จนท้ายที่สุดต้องเลือกใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้ กล่าวคือโขกศีรษะกระแทกก้อนหินแทน
เซียถงไม่มีลังเล ภายใต้สติสัมปชัญญะที่เลื่อนลอยหายไปทุกขณะ นางยกศีรษะขึ้นฟาดกับหินก้อนหนึ่งจะแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆ
แม้ว่าเสียงทุบกระแทกกับของแข็งเหล่านี้จะเสียดแทงหัวใจของฮูหยินหลี่ปาดใด แต่นางก็ยังพอรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนนี้ยังสบายดี
หลังจากโขกศีรษะกระแทกหิน สิ่งนี้ทำให้เซียถงได้สติตื่นขึ้นบ้างแล้ว นางอ้าปากขึ้นกว้างและพยายามใช้นิ้วเข้าล้วงคอตัวเอง ทันใดนั้นพลันอาเจียนเป็นลิ่มเลือดสีดำก้อนหนึ่งออกมา จากนั้นก็ตัดสลับมองดูฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเส้นพิษสีม่วงคล้ำที่แตกแขนงกระจายไปทั่วดุจรากฝอย ในระยะแรกเส้นพิษยังอยู่แค่ช่วงฝ่ามือเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับลามมาถึงข้อศอกของนางแล้ว
นางตระหนักดี หากยังไม่รีบชับพิษทั้งหมดที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย มีหวังแขนทั้งข้างคงไม่สามารถขยับได้อีกตลอดชีวิต
แล้วตอนนี้นางก็ยังมีแม่ที่ต้องดูแล
คิดได้ดังนั้น เซียถงจึงเร่งหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อหยุดแวะพัก นางนั่งไขว่ห้างทำสมาธิและเริ่มเดินลมปราณเพื่อขับพิษทั้งหมดออกไป
แต่เนื่องด้วยนางโดนพิษร้ายชนิดนี้เล่นนางเข้าอย่างจัง ผนวกกับสภาพร่างกายอ่อนแอจากอาการบาดเจ็บภายในสาหัส จึงทำให้การขับพิษครั้งนี้มิค่อยมีประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร กล่าวคือ นางจำต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งก้านธูปเพื่อกลั่นพิษสีดำขับออกมาสักหยด หลังจากผ่านไปนาน อย่างดีที่สุดนางก็แค่สร่างจากอาการพร่ามัวและสติเลื่อนลอยเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือ การเสาะหาสมุนไพรบางอย่างเพื่อล้างพิษ
ตอนนี้ม้าที่เดินทางก็โดนพายุหิมะเล่นงานจนสิ้นใจตายไปแล้ว เซียถงเงยหน้ามองม่านฟ้าขาวโพลนอยู่สักครู่ ปล่อยความคิดให้โบยบินอิสระไปไกล ตอนนี้ไป๋หลี่หานกับพวกโม่ซวนจะสามารถหนีจากอี้เฉิงออกมาได้แล้วรึยัง?
สักครู่หนึ่ง เซียถงอดยิ้มขื่นส่ายหัวมิได้ และเหลียวศีรษะชำเลืองหาฮูหยินหลี่ที่ยืนมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างเคียง
“ท่านแม่ ตอนนี้ข้าต้องการสมุนไพรเพื่อล้างพิษ ช่วยออกไปตามหาแถวนี้หน่อยได้หรือไม่?”
แม้ภายนอกอาจจะเห็นว่า ฮูหยินหลี่ดูดีกว่าเซียถงอยู่หลายส่วน แต่ในความเป็นจริง นางเองก็กำลังสู้กับโรคร้ายและความเสื่อมโทรมที่กัดกินร่างกายของตนเองไม่ต่าง อย่างไร หากไม่รีบทำอะไรสักอย่างเลยตอนนี้ มีหวังพวกนางทั้งคู่ได้ตายกลายเป็นศพอยู่ตรงนี้แน่นอน
“ได้เลย! แม่จะรีบไปหาให้เดี๋ยวนี้แหละ! บอกมาก็พอว่าสมุนไพรที่ต้องการมีลักษณ์อย่างไรบ้าง! ไม่ต้องห่วงนะลูกแม่ แม่จะไม่ปล่อยให้เจ้าเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว!”
เซียถงระบายยิ้มอย่างอ่อนแรง กุมมือฮูหยินหลี่เอาไว้แน่นและเอ่ยน้ำเสียงแผ่วพรายขึ้นว่า
“จำเห็ดหลินจือมรกตในตอนนั้นได้หรือไม่? มันเป็นสมุนไพรที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศหนาวจัดเช่นกัน และมีฤทธิ์ในการล้างพิษเป็นอย่างดี อาจจะยุ่งยากไปบ้างในการเสาะหามันท่ามกลางพายุหิมะเช่นนี้ แต่เราไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว…”