ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 571 ประเคนให้ถึงที่ (1)
ตอนที่571 ประเคนให้ถึงที่ (1)
ตอนที่571 ประเคนให้ถึงที่ (1)
เป็นเวลาสักครู่ใหญ่ ฮูหยินหลี่เหนื่อยหอบแทบลมจับ แต่นางก็ยังกัดฟันเสาะหาเห็ดหลินจือมรกตต่อไปเพื่อช่วยเซียถง
ทางด้านเซียถงเองก็นั่งพึงพักอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แหงนหน้ามองฟ้าสีเหมันต์ขาวหนาทึบจากพายุหิมะโหมกระหน่ำ ชั่วแวบความคิด นางหวนนึกถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของไป๋หลี่หานที่มีแก่นางในค่ำคืนไม่กี่วันก่อน นั่นเป็นความรักที่สวยงามบนต้นไม้ใหญ่
แต่ใครจะไปคาดคิด วันเวลาผ่านไปไม่นานจากนั้น ทุกอย่างจะตาลปัตรผันเปลี่ยนไปมากถึงปานนี้
เซียถงรู้สึกสับสนจนพรรณนาไม่ถูกแล้ว เสมือนสรรพสิ่งคือฝันไป และนางในเวลานี้คือคนที่ถูกปลุกขึ้นจากความฝันที่สวยงามสู่ความจริงที่แสนเจ็บปวด…
เหนือศีรษะของนาง มีเกล็ดหิมะขาวนวลโปรยปรายลงมา ละอองไอเย็นหยดกระทบใบหน้าที่ซีดเซียว
เกล็ดละอองหนึ่งหลุดร่วงกระทบลงบนเปลือกตาของเซียถง อันเนื่องด้วยความเย็นจัด นางสะดุ้งเฮือกตกใจพลัน ลืมตาตื่นขึ้นกะทันหัน ก่อนจะรู้สึกฟื้นตัวเต็มที่ดี ก็มีสุ้มเสียงขู่ฟ่อชวนขกลุกดังขึ้น…
“ซู่วว ซู่ววว!…”
เสียงร้องนี้เซียถงได้ฟังพลันรู้สึกคุ้นเคยขึ้นถนัดหู ตอนนี้อยากจะลืมตาขึ้นมอง ทว่าเปลือกตาช่างหนักอึ้งฝืนเปิดแทบไม่ขึ้น เนื่องจากพิษรุนแรงเหลือร้ายที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของนางที่เริ่มกำเริบหนักขึ้น ส่งผลให้ปฏิกิริยาตอบสนองของนางช้ากว่าปกติมาก
นางฝืนกัดปลายลิ้นอย่างแรงคำโต กระแสความเจ็บปวดช่วยฉุดรั้งสติที่จมหายให้ตื่นรู้ขึ้นอีกครั้ง ทำให้เซียถงสามารถลืมตามได้ในที่สุด และพอได้เห็นว่าสิ่งใดกำลังคืบคลานอยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งทำให้นางเหงื่อตกหนัก
มันเป็นงูเหลือมสีขาวกลืนไปกับหิมะตนหนึ่ง มันเลื่อยหางเคลื่อนลำตัวปล้องของมันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังพ่นเสียงขู่ดังฟ่อๆ ฟังชัดเจนออกมา มันพยายามจะอ้าปากเปิดบ่อโลหิตยักษ์ให้ได้กว้างที่สุด เพื่อหวังที่จะกลืนเขมือบร่างทั้งร่างของนางลงไปในคำเดียว แต่เสี้ยวพริบตาระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นตา ก็มีร่างสุนัขจิ้งจอกขนปุกปุยกระโจนขึ้นเกาะบนหัวไหล่เซียถง และเปล่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูออกมา
“จี้จี้!!”
จิ้งจอกเพลิงตัวน้อยนามจี้จี้ปรากฏกาย! ครั้งสุดท้ายที่ได้พานพบเจอกันมันช่างเว้นว่างยาวนาน คงเป็นช่วงระหว่างทางไปจักรพรรดิซีฉินเห็นเสียได้กระมัง ตอนนั้นเป็นมันที่หนีหายไปไหนเองก็มิทราบ และไม่คิดไม่ฝันเลยว่า จะได้พบเจอมันอีกครั้งในที่แห่งนี้ ซึ่งก็ยังเหมือนเดิม มันตัวนี้มักจะปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือชีวิตนางท่ามกลางวิกฤต
งูเหลือมหิมะตนนั้นโดนคลื่นเสียงสูงของจี้จี้อัดกระแทก แต่สิ่งนี้กลับเป็นการกระตุ้นโทสะแทน มันฉีกปากแสยะคมเขี้ยวคู่ยาวพุ่งฉกโจมตีใส่เซียถงโดยตรง!
เซียถงเห็นดังนั้น กัดฟันฮึดโยกตัวเบี่ยงหลบโดยสัญชาตญาณ งูเหมือนหิมะโถมน้ำหนักพุ่งฉกสุดตัว แต่สุดท้ายพลาดเป้า คมเขี้ยวยาวของมันดันไปพุ่งเฉาะใส่กลางลำต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังแทน กลืนหิมะขาวโพลนก้อนใหญ่นับไม่ถ้วนเข้าท้องไป
การเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ยิ่งกระตุ้นพิษกำเริบหนัก เซียถงรู้สึกวิงเวียนศีรษะฉับพลัน ถึงขนาดคลื่นไส้อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดคำหนึ่ง
เมื่อจี้จี้เห็นดังนั้น มันพยายามกระโดดลงมาหวังช่วยประคองร่างที่กำลังจะเอียงล้ม แต่เนื่องด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วเกินไปของมัน จึงทำได้เพียงกระโดดไปเกาะผิวแก้มข้างหนึ่งของนางและแลบลิ้นสีชมพูขึ้นเลียแพลบ
ผลการที่โจมตีพลาดเป้าเมื่อสักครู่ ทำเอางูเหลือมหิมะอยู่ในอาการมึนงงเล็กน้อย จากนั้นค่อยยกศีรษะตั้งชูชัน กวาดมองไปทางเซียถงอีกครั้งและเตรียมที่จะเปิดฉากโจมตีเป็นคำรบสอง!
เห็นเข้าดังนั้น จี้จี้รีบกระโดดเข้าขัดขวาง เปล่งเสียงสูงปะทะใส่งูเหลือมหิมะตนนั้นอีกคราว ยกอุ้งเท้าเล็กจิ๋วของมันย่างสามขุมตรงออกไปเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
เสียงโรมรันวุ่นวายดังขึ้นไม่ห่าง เซียถงพยายามมุ่งสมาธิจดจ่อหางูเหลือมหิมะตนนั้น
นางรีดเค้นปลดปล่อยรัศมีของนักอัญเชิญอสูรจากในกายปะทุออกมา และเหมือนกับว่า จู่ๆ งูเหลือมหิมะตนนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งตราผนึกจักรพรรดิเทวะที่ซ่อนแฝงอยู่ในตัวของเซียถง ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด มันก็เกิดอาการวิตกหวาดกลัวขึ้นเฉียบพลัน และไม่คิดต้องการกลืนเชมือบนางเพื่อกำจัดความหิวโหยอีกต่อไป! ทันทีที่ตั้งหลักทิ้งระยะพ้นจากจี้จี้ได้ มันก็รีบเลื่อยหนีปรี่ออกไปอีกทางโดยเร็วที่สุด!
เซียถงเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอัญเชิญออกมาขึ้นมือ แต่เนื่องด้วยนางถูกวางยาพิษ จึงส่งผลให้ตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในปัจจุบันปราศจากความแวววาวน่าเกรงขาม ทั้งยังสูญเสียรัศมีกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์จนแทบหมดสิ้น กล่าวคือมันไม่ต่างอะไรจากกระบี่โลหะสัมฤทธิ์ทั่วไปเลย
เซียถงยกกระชับจับให้ถนัดมือ และใช้พลังมือที่ยังพอหลงเหลือขว้างปาออกไปสุดแรงเกิด พุ่งฉีกอากาศทะลวงเข้าใส่งูเหลือมหิมะที่กำลังเลื้อยหนี!
ทว่ามันกลับตวัดหางเก็บหลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียด ลำตัวปล้องยาวของมัดขดเล็กน้อยเป็นการระวังตัว ก่อนจะเริ่มเลื้อยหนีออกไปอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน จี้จี้กระโดดขึ้นเหยียบบย่างบนหัวไหล่ของนางอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้หวังใช้ประโยชน์จากหัวไหล่ทำหน้าที่เป็นแท่นกระโดดใช้ดีดตัวเพื่อเสริมแรง และมันก็ยิงร่างตัวเองส่งออกไป พุ่งใส่ทางงูเหลือมหิมะด้วยความเร็วดุจศรธนูทะยานฟ้า
งูเหลือมหิมะประหลาดชำเลืองเห็นดังนั้นถึงกับตื่นตระหนกเป็นเท่าตัว แม้ว่าความเร็วของมันจะหาได้เชื่องช้าไม่ แต่ด้วยขนาดตัวของจี้จี้ที่ทั้งเล็กและคล่องแคล่ว กลับไม่สามาถเลื้อยหนี้ให้พ้นระยะออกไปได้เลย จี้จี้พุ่งปรี่หามันอย่างรวดเร็ว และทันทีทันใด มันก็เปิดปากกว้าง เผยให้เห็นฟันซี่น้อยๆ ของมันทั้งสี่แต่ช่างคมแหลม…
พริบตาขณะ งูเหลือมหิมะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวพลัน ทั้งที่จี้จี้มีขนาดตัวเล็กจิ๋วขนาดนี้ ทว่ากลับกัดได้เจ็บจนน่าเหลือเชื่อ ซึ่งคมเขี้ยวที่ขบกัดคำนี้ของมันก็เกือบทำให้งูเหลือมหิมะเจ็บใจจะขาดถึงตาย ลำตัวปล้องยาวเป็นเกล็ดมันวาวเกิดการชักกระตุกอย่างแรง และด้วยสัญชาตญาณของงูเหลือมหิมะ มันเริ่มขดตัวบีบร่างเล็กจิ๋วของจี้จี้ไว้แน่นราวกับต้องการบดขยี้กระดูกทั่วร่างให้แหลกละเอียด
แต่อย่างไร เป็นอีกครั้งที่ขนาดเล็กจิ๋วของจี้จี้ได้เปรียบ ไม่ว่างูเหลือมหิมะจะพยายามขดตัวบีบรัดมันอย่างไร ช่องว่างรูตรงกลางยังคงกรวงหลวมเกินไปสำหรับร่างของมันจึงหลุดรอดได้โดยง่าย ด้วยปฏิกิริยาว่องไวของมันจึงโพล่งตัวกระโจนไปยืนบนศีรษะงูเหลือมหิมะทรงสามเหลี่ยม เพราะพึงทราบ บริเวณศีรษะคือจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตโดยส่วนใหญ่
งูเหลือมหิมะตนนี้ย่อมรู้สึกไม่เต็มใจโดยธรรมชาติที่ปล่อยให้สุนัขจิ้งจอกตัวจิ๋วเช่นนี้เหยียบย้ำหัวของมันตามใจนึก จึงพยายามออกแรงสะบัดไม่คิดชีวิต แต่นั่นกลับสายเกินไปแล้ว คมเขี้ยวจิ๋วทั้งสี่ซี่ของจี้จี้เจาะฝังอยู่คาศีรษะงูเหลือม ซึ่งบนเนื้อเขี้ยวฟันของมันยังมียาชาแขนงอ่อนฉาบคลุมไว้อยู่ เมื่อยาชาแขนงอ่อนถูกฉีดลงสู่สมองของงูเหลือมหิมะโดยตรง เสี้ยวพริบตาต่อมา มันก็แน่นิ่งไปในทันที แต่ก็ยังไม่ตายสนิท
จี้จี้กระโดดลงมายืนตรงหน้าเซียถง และชูหางนุ่มฟูขึ้นโบกสะบัดไปมาให้นางด้วยความดีใจ
ราวกับต้องการจะสื่อว่า นายท่านดูนี่สิ! ข้านั้นทรงพลังเหลือเกิน! เอ่ยปากชมกันหน่อย!
เซียถงทำได้เพียงส่งยิ้มบางอย่างอ่อนแรงมอบให้ พยายามพยุงร่างขึ้นนั่งขัดสมาธิโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังพึงพักพยุงไว้มิให้ล้ม และพริบตาต่อมา ก็ปรากฏเปลวเพลิงสีทองอร่ามขนาดเล็กกลุ่มหนึ่งเต้นระบำอยู่บนฝ่ามือของนาง และนี่ก็คือ เพลิงพิภพเก้าดุษณีนั่นเอง!
เนื่องจากสภาพร่างกายของเซียถงในปัจจุบันมีฤทธิ์เป็นพิษสูง จึงส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงพิภพเก้าดุษณีได้ดั่งใจนึกเท่าที่ควร เปลวเพลิงสีทองสั่นไสวติดๆ ดับๆ ไร้ความเสถียร มีอยู่คราวหนึ่งไฟเกิดพยศเกรี้ยวกราด เกือบเผาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังจนไหม้เป็นผุยผงในพริบตา และยังมีอีกคราวที่สะเก็ดเพลิงกระเด็นไปติดปลายหางปุกปุยของเจ้าจี้จี้ โชคยังดีที่มันรีบกระโดดลงไปคลุกกับหิมะบนพื้นดับได้ทัน
มันส่งเสียงร้องตกใจลั่น ขณะกลิ้งตัวคลุกหิมะตามพื้นเพื่อดับไฟ มันก็แลเห็นสายตาของงูเหลือมหิมะที่ยังไม่ตายสิ้นมองมาอย่างเอือมระอา จี้จี้เห็นดังนั้นเป็นโมโหขึ้นทันควัน ชี้หน้าร้องเสียงสูงครวญด่าไม่หยุดหย่อน ประหนึ่งกำลังสื่อว่า อย่าคิดมาแหยมกับข้า มิฉะนั้น จี้จี้ผู้นี้จะไม่ปล่อยให้เจ้าไปตายสบาย!
เซียถงยิ้มแห้งพลางมองมันเจือรู้สึกผิดอยู่หนึ่งส่วน ก่อนจะกลับมามีสมาธิจดจ่ออีกครั้ง และเปลวเพลิงกลุ่มน้อยบนฝ่ามือของนางก็เริ่มกระจายตัวระเบิดออก ก่อตัวขึ้นกลายเป็นวงแหวนไฟโอบล้อมห่อหุ้มร่างของงูเหลือมหิมะตนนั้นเอาไว้
ไม่นานเกินรอ งูเหลือมหิมะตนดังกลาวก็ถูกเพลิงพิภพเก้าดุษณีแผดพลาญจนกลายเป็นผงเถ้าถ่านสีดำอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างนั้น เซียถงเองเกือบทำเพลิงพิภพเก้าดุษณีไหม้ใส่มือตัวเองเช่นกัน