ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 574 จักรพรรดิโอสถวัยเยาว์ (2)
ตอนที่574 จักรพรรดิโอสถวัยเยาว์ (2)
ตอนที่574 จักรพรรดิโอสถวัยเยาว์ (2)
จี้จี้ยังไม่ทันวิ่งถึงตัว ร่างทั้งร่างของเซียถงพลันอันตรธานหายไปเสียแล้ว เสี่ยวฮั่วได้แต่เหม่อมองด้วยความตกตะลึง จากจิตสัมผัสที่รับรู้ได้ผ่านจิตวิญญาณ มันตระหนักในทันทีว่า อาการบาดเจ็บภายในทั้งหมดที่นางได้รับล้วนหายดีเป็นปกติแล้ว ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า สรรพคุณของโอสปราณสวรรค์ถระดับเก้าขั้นสูงสุดจะน่าอัศจรรย์มากขนาดนี้!
เสี่ยวฮั่วยิ้มแย้มมีความสุขยิ่ง จี้จี้เองก็เช่นกัน ทันใดนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปเกาะเซียถงที่อยู่บนต้นไม้ ร่างขนฟูแสนปุกปุยของมันเข้าซบไซร้พลางเลียไม่หยุด
แต่ทันใดที่เสี่ยวฮั่วเห็นภาพฉากนี้ พลันเกิดอาการส่งกลิ่นเปรี้ยวหึงหวงมาแต่ไกล มันทะยานพุ่งขึ้นมาจับหางของจี้จี้และลากมันลงพื้นโดยตรง แล้วพยายามจะวิ่งเข้าไปสวมกอดกับเซียถงแทน เห็นดังนั้นหลิวซูชักอยากแกล้งขึ้นมาจึงใช้วิชาข้ามมิติ ส่งร่างตัวเองเข้าแทรกขวางหน้าอีกฝ่าย แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์กล่าวว่า
“แล้วจะบอกมาได้รึยังว่าไปเจอใครเข้า?”
เสี่ยวฮั่วปั้นหน้าบูดบึ้งหงุดหงิดอยู่หลายส่วนเมื่อโดนขัดจังหวะ แต่เห็นว่าเซียถงเองก็มุ่งสายตามาทางนี้เช่นกัน จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากกล่าวไปตามตรงว่า
“ปรากฏว่าเป็นไอ้สวะไป๋หลี่เย่!”
เซียถงตะลึงงันไปเล็กน้อย นางหรือจะไปคาดคิด ไป๋หลี่เย่จะมาร่วมวงด้วยในคราวนี้?
“แต่มีเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้น! จักรพรรดิตงหลี่สิ้นพระชนม์แล้ว! ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเฟิงหลี่ว่า เป็นฝีมือของไป๋หลี่หานที่ฆ่าอีกฝ่าย ดังนั้นด้วยพิษแค้น ไป๋หลี่เย่จึงนำทัพยกกำลังพลจำนวนหนึ่งแสนนาย เข้าปิดล้อมและปราบปรามไป๋หลี่หาน!”
ทั้งที่นายท่านของมันหวังดีต่อไป๋หลี่หานเสมอมา แต่อีกฝ่ายกลับหูเบาฟังคนอื่นใส่ความจนเกิดความเข้าใจผิด! ดังนั้น เสี่ยวฮั่วจึงไม่ค่อยรู้สึกอยากจะเคารพอีกฝ่ายเท่าไหร่แล้ว เป็นผลให้เรียกชื่ออีกฝ่ายห้วนๆ ด้วยชื่อจริง
“กำลังพลหนึ่งแสนนาย?”
เสี่ยวฮั่วพยักหน้า
“ถูกต้องแล้วนายท่าน! สิ่งที่เราเห็นตอนนี้คือ ทหารโล่แนวหน้าจำนวนสามหมื่นนาย ส่วนนี้นำโดยแม่ทัพจางเจิ่งกั๋ว และมีอีกเจ็ดหมื่นนายที่ติดตามอยู่ท้ายหลัง! ดูเหมือนว่าแผนการในคราวนี้ของไป๋หลี่เย่คือ ตั้งใจจะถอนรากถอนโคนอี้เฉิงให้สิ้นซาก!”
เสี่ยวฮั่วรู้สึกได้ชัดแจ้ง ถึงรัศมีไอเย็นที่แผ่ซ่านทะลักล้นจากในกายของเซียถง มันขมวดคิ้วกล่าวต่อว่า
“นายท่าน จะอย่างไร พวกเขาก็ปฏิบัติต่อท่านขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะไปช่วยอีกหรือไม่?”
“เรื่องความเข้าใจผิดนั้น แต่เดิมควรจะเป็นแผนการเย่หลีเทียน กระนั้น ข้าก็รู้สึกโกรธมากจริงๆ ที่ไป๋หลี่หานไม่คิดจะฟังเหตุผลอะไรเลย และผิดหวังนักที่ความเชื่อใจที่อีกฝ่ายมีต่อข้าแท้จริงช่างเปราะบางมาก อย่างไรเสีย หากพวกศัตรูมากันแค่หลักหมื่นนาย ข้าเองก็ไม่คิดสนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงกองทัพใหญ่จำนวนหลักแสนที่นำโดยไป๋หลี่เย่ ลำพังแค่ไป๋หลี่หานกับพวกโม่ซวนไม่มีทางสู้รบอะไรด้วยได้เลย ศึกนี้ไม่ต่างอะไรกับนำไข่ไปโขกหิน! ข้าปล่อยไปคงไม่ได้…”
“ท่านเองก็เพิ่งกล่าว ศึกนี้ไม่ต่างอะไรกับนำไข่ไปโขกหิน! พวกมันมีเป็นแสนแล้วท่านคนเดียวจะไปทำอะไรได้!?”
เสี่ยวฮั่วได้ยินเช่นนั้นก็ชักรู้สึกไม่พอใจเลยจริงๆ! และผิดหวังอย่างมากกับนาง!
แต่ครั้งนี้หลิวซูกลับสงบนิ่งกว่าปกติ มันยืนครุ่นพินิจอยู่สักครู่ใหญ่ เมื่อเห็นเสี่ยวฮั่วยังไม่ยอมแพ้และพยายามสรรหาวิธีเพื่อพูดเกลี้ยกล่อมให้เซียถงเปลี่ยนใจ มันก็ส่งสายตาชำเลืองหาเสี่ยวฮั่วอย่างลับๆ ทีหนึ่ง เนื่องด้วยพวกมันทั้งคู่ต่างมีเซียถงเป็นเจ้านายคนเดียวกัน ดังนั้นจึงมีความสามารถพิเศษ ส่งจิตสื่อสารหากันได้โดยไม่อนุญาตให้เซียถงได้ยิน
‘อย่าได้พยายามเกลี้ยกล่อมนางเลย! เจ้าไม่เข้าใจเลยรึยังไง อีกฝ่ายคือไป๋หลี่หาน!’
‘ไป๋หลี่หานแล้วยังไงล่ะ! ชายคนนี้มันไม่ไว้ใจนาง ความเชื่อใจย้ำนักย้ำหนาแท้จริงก็ช่างเปรอะบางเหลือเกิน! แล้วจำเป็นรึไงที่ต้องไปให้ความช่วยเหลือคนแบบนี้? มันคุ้มค่าแล้วรึ? นอกจากนี้เอง ไอ้สวะไป๋หลี่เย่ยกทัพมาตั้งแสนนาย ทั้งข้าทั้งจี้จี้ล้วนเห็นสองตาประจักษ์ชัด! แล้วอีกอย่าง ข้ามั่นใจได้เลยว่า ภายในกลุ่มคนของไป๋หลี่หานจะต้องมีหนอนบ่อนไส้แน่นอน! มิฉะเช่นนั้นไอ้สวะไป๋หลี่เย่จะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้พวกไป๋หลี่หานหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน จริงหรือไม่? นี่คงเป็นกรรมของพวกมันแล้วที่ตัดสินไม่เชื่อใจนายท่านของเรา!’
หลิวซูถึงกับผงะเมื่อได้ยิน ปรากฏว่าเสี่ยวฮั่วรู้ข้อมูลอะไรมากกว่านั้น แต่กลับเลือกที่จะไม่บอกแก่เซียถง!
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักกับการตัดสินใจเช่นนี้ของเสี่ยวฮั่ว เพราะเดิมทีมันก็ไม่ต้องการให้นางอาสาออกไปช่วยไป๋หลี่หานอยู่แล้ว ดังนั้น หากบอกเรื่องไส้ศึกไป เกรงว่านางคงยิ่งต้องออกไปช่วยโดยไม่มีเงื่อนไข
‘เจ้ามันบ้าไปแล้ว! หากไม่บอกไป มีหวังเจอเซียถงบีบคอเจ้าตายแน่!’
หลิวซูถึงกับยกมือทาบแตะคอตัวเองอย่างอดมิได้ แต่โชคยังดีที่เรื่องราวในคราวนี้หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตัวมัน
“ให้นางบีบคอข้าดีกว่าส่งนางไปตาย!”
เสี่ยวฮั่วเปล่งวาจาน้ำเสียงหนักแน่นผิดวิสัย!
หลิวซูได้แต่มองเสี่ยวฮั่วตาละห้อย ส่ายหน้าเบือนหนีเล็กน้อยอย่างหน่ายใจ แต่ทั้งสีหน้าและปฏิกิริยาทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลับไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของเซียถงได้
เพียงว่านางยังเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง โม่ซวนกำลังควบม้าอยู่ในระหว่างลาดตระเวน ทว่าไม่คิดคิดฝัน จะมีศรธนูเหล็กเย็นนับหลายสิบดอกกระหน่ำยิงเข้าใส่จากบนต้นไม้ที่มีหิมะปกคลุมหนาทึบโดยรอบ อย่างไร รากฐานพลังลมปราณของโม่ซวนหาใช่ชนชั้นกินเจ ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาช่างว่องไวนัก เสี้ยวพริบตายกคมกระบี่ตัดผ่านศรธนูเหล่านั้นได้กลางอากาศ ตวัดเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงสุด
ทุกอย่างกลับเริ่มโกลาหลชุลมุน มีหลายคนที่โดนศรธนูเหล็กเย็นยิงใส่ และหัวศรเหล็กเย็นทั้งหมดพวกนั้นล้วนถูกฉาบด้วยพิษร้ายแรงทั้งหมด
ม้าตนนั้นที่โม่ซวนกำลังควบขับเกิดอาการตื่นตระหนกหนักต่อห่าฝนศรธนูที่พุ่งโจมตีฉับพลัน คู่กีบเท้าหน้าอาชาผงะยกชูขึ้นสูงลิ่ว หากไม่ใช่เพราะทักษะการควบขี่ม้าของโม่ซวนที่ยอดเยี่ยม ปานนี้เขาคงตกจากหลังของมันไปนานแล้ว!
โม่ซวนเร่งควบคุมม้าจากความตื่นตูม ทรงตัวกลับเป็นดังเดิมได้ จากนั้นก็เปล่งเสียงตะโกนใส่เหล่าทหารที่นำมา
“รีบหนีเร็ว! พวกเราโดนดักซุ่มโจมตี!”
ทันทีที่กล่าวจบ ทั้งหมดก็รีบกระโดดขึ้นม้าเคลื่อนหน้าหนีออกไปโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน บนต้นไม้สูงรอบทิศเหนืศีรษะของทุกคน ทันใดนั้นกองหิมะขาวโพลนชั้นหนาทึบสั่นกระเพื่อมรุนแรงพลัง พริบตาก่อนที่ใครจะทันตอบสนอง ก็มีคมกระบี่สีเย็นทอแสงสาดลงมา พุ่งเสียบสังหารใส่ทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง!
โม่ซวนและกลุ่มทหารทั้งหลายตื่นตระหนกยิ่งยวด เร่งเร้าถอยออกห่าง แต่เนื่องด้วยยังมีหลายคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่า จึงมิอาจหลบเลี่ยงได้พ้น ร่างทั้งร่างร่วงตกจากหลังม้าทันที พร้อมโดนคมกระบี่เสียบทะลุร่างตายคาที่ในพริบตา
โม่ซวนเพิ่งจะล่าถอยออกมาได้หมาดๆ แต่คาดไม่ถึงเป็นคำรบสอง ยังจะมีศัตรูดักซุ่มตามพุ่มหิมะรอบข้างอีกมากโข ปราฏคมกระบี่พุ่งเข้ามาปราดฟันใส่โดยตรง เขายามนี้มิอาจต้านรับได้ทันท่วงที จึงพลาดท่าโดนเข้าอย่างจัง
โม่ซวนหน้าถอดสีซีดเซียวลงในทันใด หยิบใช้กระบี่ในมือทิ่มแทงสวนตอบ ธารเลือดแดงฉานกระเซ็นสาดพื้นหิมะสีขาวโพลนบริสุทธิ์ แต่นี่กลับไม่รู้เลยว่าเลือดใครเป็นเลือดใคร
กลุ่มทหารที่นำมาก็ล้วนแต่บาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งถูกลอบโจมตีฉับพลันเช่นนี้อีก กล่าวคือ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเป็นเท่าตัว!
โม่ซวนและองครักษ์หน่วยเงานายหนึ่งที่มาด้วย ต่างเหลียวมองจ้องหน้ากัน เพียงสบสายตาปราดเดียวเท่านั้น พวกเขาล้วนเห็นพ้องต้องกันทันที!