ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 576 ซุ่มโจมตีจากทุกสารทิศ (2)
ตอนที่ 576 ซุ่มโจมตีจากทุกสารทิศ (2)
ตอนที่ 576 ซุ่มโจมตีจากทุกสารทิศ (2)
เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูดแล้ว คอแห้งผากดุจเม็ดทราย ดวงตาพร่ามัวปราศจากแววแห่งชีวิตดั่งมีหมอกควันปกคลุม
วิสัยทัศน์ที่มองเห็นแทบจะไม่หลงเหลือ เนื่องจากอาการเสียเลือดมากเกินไป กล่าวคือ เหตุผลสำคัญที่สามารถทำให้เขาฝืนตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งหมดคือแรงใจล้วนๆ หากมิใช่เพราะการเสียสละชีวิตขององครักษ์หน่วยเงาและกองทหารอีกไม่กี่สิบชีวิตเพื่อช่วยโม่ซวนตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกมา ปานนี้เขาเองก็คงสิ้นใจตายไปนานแล้วในระหว่างที่โดนซุ่มโจมตี
“โม่ซวน เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะถ่ายทอดพลังลมปราณให้เดี๋ยวนี้แหละ!”
ไป๋หลี่หานเอ่ยกล่าวไปพลาง ระดมกระแสลมปราณระลอกหนึ่งกรอกเทสู่ร่างกายของโม่ซวน แต่อย่างไร โม่ซวนก็ยังกัดฟันฝืนกล่าวต่อว่า
“เร็ว! รีบหนีไป! พวกมันซุ่มโจมตีเรา…หนีไป…มีคนทรยศ…”
ทันทีที่เอ่ยกล่าวข้อความสำคัญครบถ้วนออกไป โม่ซวนพลันรู้สึกโล่งใจเสียเหลือเกิน และเขาก็หมดสติไปทั้งแบบนั้น
“โม่ซวน!!”
โม่หยานอีกหนึ่งผู้ใต้บัญชาคนสำคัญเปล่งเสียงตะโกนร้องเรียก เขาหันไปมองไป๋หลี่หานเจือแววตื่นตูมอยู่หลายส่วน เร่งกล่าวขึ้นอย่างเหลือเชื่อขึ้นว่า
“นายท่าน เมื่อครู่โม่ซวนว่าเยี่ยงไร? จะมีการดักซุ่มโจมตีที่นี่งั้นรึ? แต่เส้นทางแห่งนี้ถือเป็นความลับสุดยอด มีเพียงนายทหารชั้นสูงเท่านั้นที่รับทราบ แล้วจะเป็นไปได้ยังไง!”
โม่หยานเขย่าร่างพยายามปลุกโม่ซวนอยู่หลายที ปรารถนายิ่งยวดให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาชี้แจงเบาะแสที่ทิ้งไว้ให้ชัด
“โม่ซวน! เจ้าได้ยินหรือไม่?! ใครกันที่เป็นคนทรนยศ!? โม่ซวน!”
แต่ทันใดนั้นเอง เม็ดทรายละอองฝุ่นทั่วผืนดินพลันเกิดสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเฉียบพลัน โม่หยานหน้าถอดสีแปรเปลี่ยนโดยพลัน!
ทุกคนต่างหันขวับจับจ้องไปยังเนินเขาอีกฟากฝั่ง แทบจะในทันใดล้วนต้องอ้าปากค้างเติ่ง ทอดมองออกไปสุดเส้นสายตา ครึ่งฟ้าวิปลาสมืดทมิฬ เหล่านี้คือมวลมหากองทัพที่กอปรไปด้วยทหารจำนวนนับไม่ถ้วน!
ปริมาณคนหลักแสนนายที่กำลังทะลักทลายไหลบ่าเข้ามา!
“นายท่าน!!”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนของผู้ใต้บัญชาอีกนายก็ดังขึ้น
ไป๋หลี่หานลุกขึ้นยืนในบัดดล มุ่งมองส่งสายตาเย็นชาไกลโพ้นออกไป ก่อนจะค้นพบว่า ในส่วนเนินเขาอีกฝ่ายถูกถมดำปกคลุมเกือบทั้งลูก เหล่านั้นคือศีรษะของมวลมหากองทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังยกทัพเคลื่อนพลเข้ามาใกล้ กลิ่นอายดุร้ายป่าเถื่อนฟุ้งตลบมาแต่ไกล!
ร่องรอยจิตสังหารฉายปรากฏขึ้นบนสายตาของไป๋หลี่หานในทันที ก่อนจะเหลียวหลังไปมองกลุ่มคนที่อยู่รอบข้างตัวเอง ค้นพบว่า กำลังทหารของตนมีประมาณหนึ่งพันเศษเท่านั้น และต่อให้ทหารพวกนี้จะเก่งกาจชนิดหนึ่งต่อร้อยก็ไม่หวั่น แต่รอบข้างของทหารแต่ละนายยังต้องมีคนที่ต้องปกป้อง อย่างเหล่าคณะขุนนางอี้เฉิงจำนวนหลายร้อยที่ไม่มีทั้งอาวุธและพลังต่อสู้ใดๆ!
ด้วยจำนวนของศัตรูที่เป็นต่อมากกว่าไม่รู้กี่สิบร้อยทวีเท่า ลำพังทหารเหล่านี้ยังเอาตัวรอดก็ว่าหืดขึ้นคอแล้ว ดังนั้นจะนับประสาอะไรกับคณะขุนนางที่สู้ไม่เป็นพวกนี้!
ในขณะนั้นเอง กลันบังเกิดความเคลือบแคลงขึ้นภายในใจของไป๋หลี่หานเช่นกัน!
และเรื่องนี้ทำให้เขาสืบคิดต่อเนื่องไปอีกว่า การลอบโจมตีนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง! ที่นี่เป็นเส้นทางลับนำไปสู่ฐานซ่องสุมสำหรับเกิดเหตุภัยร้ายฉุกเฉินเท่านั้น นอกจากโม่ซวนแล้ว คนที่ทราบก็มีแค่ห้าองครักษ์หน่วยเงาซึ่งล้มหายตายจากไปเกือบครึ่งต่อครึ่ง และทหารชั้นสูงอีกแค่ไม่กี่คน แล้วใครกันล่ะที่โม่ซวนบอกว่าเป็นคนทรยศ! มันคนนั้นคือใคร!?
หากให้เปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เหล่าข้าศึกบุกประชิดล้อมกรอบเอาไว้ เรื่องมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มตอนนี้กลับทำให้เขามีโทสะเดือดดาลเสียยิ่งกว่า!
บนเนินเขาสูง เหล่าทหารทัพใหญ่เร่งฉีกแยกเป็นสองฝั่งโดยพลัน เปิดเป็นช่องว่างทางเดินโล่งตรงตำแหน่งกลาง และทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มร่างสูโปร่งย่างเท้าตรงออกมา
มันผู้นั้นคือไป๋หลี่เย่ที่เชิดหน้าชูตาอย่างหยิ่งผยอง เหลือบชำเลืองหาไป๋หลี่หานด้วยสายตาประมาทดูแคลนสุดแสน สถบเย้ยหยั่นขึ้นคำโต
“ไป๋หลี่หาน!”
เขาอ้าปากตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยตรง เนื้อในน้ำเสียเปี่ยมล้นแววความหยิ่งยโสจองหอง และปราศจากความเกรงกลัวใดๆ อีกต่อไป
“เสด็จอาที่รักของข้า! ไม่คิดไม่ฝันเลย ไป๋หลี่หาน ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้น่าเกรงขามคนนั้นที่ใครๆ ต่างต้องหวาดกลัว แท้จริงแล้วตอนนี้ก็แค่สุนัขจนตรอกตัวหนึ่ง!!”
ไป๋หลี่หานยืดเหยียดแผ่นหลังตั้งตรงตระหง่าน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเสียเปรียบทุกช่องทาง แต่ก็ยังสามารถคงรักษาภาพลักษณ์อันงามสง่าและทรงบารมีสูงส่งได้ไม่แปรเปลี่ยน ราวกับว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามเสียเองที่กำลังพ่ายแพ้แก่เขา!
สองมือยืนไพล่หลังอย่างเย่อหยิ่ง เขามุ่งสายตาเฝ้ามองไป๋หลี่เย่ประดุจว่ากำลังดูเด็กน้อยเล่นตลก!
เมื่อเห็นสายตาที่ไป๋หลี่หานมองสบประมาทสวนคืนเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับเลยสักนิด แต่กลับปฏิเสธมิได้เลยว่า เบื้องลึกภายในใจของไป๋หลี่เย่กลับรู้สึกถึงความด้อยค่าของตัวเอง ราวกับว่าตนเองหาได้คู่ควรหรือแม้กระทั่งจะมีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ ซึ่งมวลความรู้สึกเหล่านี้เองที่ทำให้ไป๋หลี่เย่ในตอนนี้หงุดหงิดอย่างยิ่ง!
ต่อสิ่งเร้าเหล่านี้ เขาไม่สามารถอดกลั้นได้ไหวอีกต่อไป จึงเปล่งเสียงตะคอกใส่ไป๋หลี่หานลั่นว่า
“เจ้าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักหนารึไงไอ้สวะ! ถึงได้กล้ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น! ข้าผู้นี้ยกทัพทหารจำนวนหนึ่งแสนนาย กับแค่เศษชีวิตพันคนคิดหรือจะต่อกรได้? วันนี้คือวันตายของเจ้าไป๋หลี่หาน?!”
“หื้ม? เจ้าว่าอันใดรึ?”
ไป๋หลี่หานเพียงเปล่งเสียงแผ่วบางตอบกลับอย่างใจเย็น ทำตัวเสมือนกำลังยืนเชยชมจันทร์เจ้าในยามค่ำคืน
เมื่อเปรียบกับปฏิกิริยาการวางตัวอันแสนลึกล้ำและใจเย็นของไป๋หลี่หานแล้ว ไป๋หลี่เย่ในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับตัวตลกขี้โวยวายคนหนึ่งเลย ทุกอากัปกิริยาของเขาที่แสดงออกมาด้วยดูน่าขำขันไปเสียหมด
“หึ! ยังปากดีได้ก็จงทำไป! เพราอีกสักเดี๋ยวเจ้าก็จะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว! และอีกอย่างหนึ่ง ข้าผู้นี้จำต้องขอบใจเจ้าเสียจริง ที่ช่วยให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์ได้ง่ายขึ้นเยอะ! สมฉายาแล้วกับไอ้คำว่าเลือดเย็น กระทั่งญาติผู้พี่สายที่มีเลือดเดียวกันยังฆ่าทิ้งไม่เว้น! แต่วันนี้แหละ ข้าจะแก้แค้นแทนเสด็จพ่อเอง!!”
ได้ฟังดังนั้น ไป๋หลี่หานดวงตาเบิกกว้างสั่นไสวพลัน! ได้ยินเพียงเท่านั้นก็พึงทราบดี อีกฝ่ายกำลังหมายความว่าเยี่ยงไร แต่…เขาไปฆ่าจักรพรรดิตงหลี่ตอนไหนกัน?! ไม่สิต้องกล่าวว่า เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ! แต่ไป๋หลี่เย่คนนี้ช่างหน้าด้านยิ่งนัก พูดจาเช่นนี้ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ จะเห็นได้ชัดแจ้งเลยว่า อีกฝ่ายจงใจใส่ร้ายป้ายสีเขาอยู่!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าองค์จักรพรรดิตงหลี่จะตายเพราะสาเหตุอันใด หรือใครจะพยายามโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ตัวเขา ไป๋หลี่หานยังคงปั้นหน้านิ่งไม่แยแสใดๆ
เมื่อเห็นว่าคำกล่าวเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับไป๋หลี่หานเลย นี่จึงยิ่งทำให้ไป๋หลี่เย่หรู้สึกหงุดหงิดหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่อึดใจนั้นเอง จู่ๆ ก็มีทหารนายหนึ่งตรงเข้ามากระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูของเขา และเมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่เย่ก็ยิ้มร่าระเบิดหัวเราะลั่นในทันใด
“เสด็จอาหน่อเสด็จอาของข้า ทั้งที่ท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดมามาโดยตลอด แต่กลับถูกอิสตรีบังตาจนโง่งมจนน่าเหลือเชื่อ อยากรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าถึงทราบเส้นทางลับแห่งนี้ได้?”
ไป๋หลี่หานเบิกตาโพล่งกว้างขึ้นในทันใด! ขณะเดียวกัน เสมือนกับหัวใจดวงนี้แทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ!
เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบสนองพลันเช่นนั้น ไป๋หลี่เย่ก็เริ่มได้ใจปั้นหน้าหยิ่งผยองหนักข้อ!
ถึงแม้ว่าไป๋หลี่เย่จะมิได้เอ่ยขานชื่อว่าเป็นใคร แต่พอได้ยินคำว่าถูกอิสตรีบังตา ปฏิกิริยาร่างกายของไป๋หลี่หานกลับตอบสนองโดยมิตั้งใจ และเบื้องลึกภายในใจได้แต่หวังว่า จะไม่ใช่อย่างที่ตนคิด…
แต่สายตาเย้ยเยาะของไป๋หลี่เย่ที่มองมาตอนนี้ กลับทำให้ชื่อขึ้นดังก้องกังวานชัดเจนยิ่งขึ้นภายในใจของเขา!
“ข้าผู้นี้ควรต้องขอบคุณพระชายาเอกของท่าน! โอ้! ไม่สิ! ควรเรียกนางว่า พระชายาเอกของข้าผู้นี้! ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ายังจำวันวานระหว่างเราได้เป็นอย่างดี นางแอบรักข้าสุดหัวใจตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถึงขนาดยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องข้าจากภัยอันตราย เซียถง ข้าต้องขอบใจในความรักที่ดีระหว่างเราจริงๆ! นางยอมทำทุกอย่างเพื่อข้า ถึงขั้นเล่นละครตบตา จำใจอภิเษกสมรสกับเสด็จอา ไป๋หลี่หาน ถึงเจ้าจะได้ร่างกายของนางไปครอง แต่ใจของนางยังคงอยู่กับข้าเสมอมา! ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ไป๋หลี่หานยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้นราวกับถูกแช่แข็งทั้งเป็น ดวงตาสงบเงียบไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ทว่าภายในใจดุจมีคลื่นยักษ์กำลังถาโถมกวาดล้างสรรพสิ่ง!
“ไอ้ด้วน! เจ้ากำลังพล่ามไร้สาระอันใด!”
เมื่อเห็นว่าไป๋หลี่หานไม่ตอบสนองเคลื่อนไหวใดๆ โม่หยานผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโม่ซวนอย่างลึกซึ้งที่สุด ย่อมต้องออกโรงเผชิญหน้าขึ้นแทน เพราะเขาเองก็มักจะได้ยินโม่ซวนพูดถึงเซียถงอยู่เป็นประจำ ดังนั้นแล้ว เขาย่อมหาได้กังขาสงสัยในตัวเซียถงโดยธรรมชาติ แตกต่างจากเหล่าคณะขุนนางอี้เฉิงคนอื่นๆ ที่มักจะมองเซียถงว่าเป็นตัวหมากสำคัญที่องค์จักรพรรดิตงหลี่ใช้เพื่อบุกยึดอี้เฉิงจากภายใน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนรอบข้างจะมีทัศนคติต่อนางในแง่ลบปานใด ก็มักจะมีอยู่คนหนึ่งที่เชื่อใจในตัวนางอยู่เสมอโดยหาได้สนใจคำครหาใดๆ นั่นก็คือไป๋หลี่หาน นายท่านที่โม่ซวนและโม่หยานจงรักภักดีด้วยที่สุด!
แต่โม่หยานกลับไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากได้ยินวาจาใส่ร้ายป้ายสีอันแสนไร้เหตุผลของไป๋หลี่เย่เไป กลับเป็นนายท่านของเขาเองที่ไร้ซึ่งทีท่างตอบสนองเคลื่อนไหวใดๆ เห็นดังนั้น จึงอดส่งเสียงกระตุ้นหาไป๋หลี่หานมิได้คำหนึ่งคำว่า
“นายท่าน!”