ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 577 ความลับภายในวัง (1)
ตอนที่ 577 ความลับภายในวัง (1)
ตอนที่ 577 ความลับภายในวัง (1)
“นายท่าน!”
โม่หยานแผดเสียงตะโกนปลุกกระตุ้นอีกหนึ่งครา ทว่าไป๋หลี่หานก็ยังปราศจากท่าทีตอบสนองใดๆ ภาพฉากตรงนี้ไม่มีใครสักคนคาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะคนที่เชื่อใจในตัวเซียถงที่สุดก็คือเขา!
เมื่อเหล่าคณะขุนนางได้ยินชื่ดเซียถงถูกเอ่ยออกมา ความลำบากลำเค็ญที่ผ่านมาตลอดหลายวันที่พวกเขาได้พบเจอมาทั้งหมด ก็ดูเหมือนว่าในที่สุด ก็ค้นพบเป้าหมายที่จะสามารถระบายออกไปได้สักที!
“ปรากฏว่าเป็นนางจริงๆ! ข้าก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่า อย่าไปอภิเษกสมรสกับนาง!!”
“คนทรยศ! นางนี่เองที่เป็นคนทรยศ!!”
“ต้นเหตุความสูญเสียทั้งหมดที่พวกเราพบเจอเป็นเพราะนังบัดซบเซียถง!”
ทันใดนั้นเอง เหล่าคุณขุนนางอี้เฉิงทุกคนก็เริ่มส่งเสียงด่าประณามเซียถง เรื่องที่เกิดขึ้นในพระราชวังอี้เฉิง รวมไปถึงเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ทั้งหมดหาใช่ว่าพวกเขามิทราบ เพียงเพราะที่ผ่านมา เห็นแก่หน้าไป๋หลี่หาน ทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบ และเก็บซ่อนความขุ่นแค้นไว้ในใจเท่านั้น
แต่หลังจากที่ได้ยินไป๋หลี่เย่กล่าวเช่นนี้ออกมา ผนวกกับไป๋หลี่หานมิได้แสดงทีท่าเคลื่อนไหวใดๆ อีกต่อไป ในที่สุด ความคับแค้นใจทั้งหมดของพวกเขาก็ได้ระเบิดออกมา!
“ฝ่าบาท! หากมิใช่เพราะนังเซียถง ดินแดนอี้เฉิงหรือจะถูกทำลายย่อยยับเช่นนี้! องค์จักรพรรดินีเหลิ่งสิ้นพระชนม์ก็เป็นเพราะนาง! นังบัดซบเซียถงมันคือฆาตกร!”
ทันทีที่วาจาคำกล่าวเช่นนี้ดังออกมา ก็เหมือนการโยนหินก้อนเดียวสร้างระลอกคลื่นนับพัน!
ทันใดนั้นเอง โม่หยานพลันนึกถึงสิ่งที่โม่ซวนกล่าวกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติลงไป ในกลุ่มของพวกเขามีคนทรยศ! ส่วนที่ว่าคนๆนั้นคือใคร? ก็ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้คำตอบแล้ว!
ไป๋หลี่เย่จับจ้องใบหน้ามิดทมิฬของไป๋หลี่หานพลางหัวร่อขำขัน รอยยิ้มอันพึงพอใจสุดแสนแสยะกว้างบนมุมปาก! ดูเหมือนว่าสิ่งที่เย่หลีเทียเคยพูดกับเขาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งถูกต้อง! เซียถงนี่แหละคือจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงที่สุดของไป๋หลี่หาน!
ในตอนนี้ไม่เพียงแค่ผู้คนทั่วทั้งอี้เฉิง แม้แต่ไป๋หลี่หานเองก็ไร้ซึ่งความเชื่อใจในตัวนางโดยสมบูรณ์! จะไม่มีใครค่อยออกหน้าค่อยช่วยเหลือนางอีกต่อไป! คิดมาถึงจุดนี้ ไป๋หลี่เย่ก็พลางยกมือขึ้นจับอีกแขนที่กุดด้วนหายไปโดยมิตั้งใจ
‘เซียถงหน่อเซียถง นี่ยังไม่สายเกินไปที่ข้าผู้นี้จะได้แก้แค้น! ยามนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว และข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างสาสมด้วยทุกอย่างที่มี!’
ไป๋หลี่เย่สบถด่ากับตัวเองภายในใจ สักครู่ต่อมา ก็หวนย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวก่อนจะนำทัพมาที่นี่ ตอนที่เขากับเย่หลีเทียนได้มีโอกาสพุดคุยสนทนากัน
“หากมีโอกาสได้ล้างแค้นเซียถง ท่านจะทำหรือไม่?’
“เซียถงงั้นรึ? ไอ้สารเลวนั่น! มันตัดแขนข้าจนกลายเป็นคนพิการจวบจนวันนี้! หากมีโอกาส ข้านี่แหละจะเป็นคนฆ่ามันทิ้งสีย!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ท่านนี่ช่างเมตตานัก แค่ฆ่าทิ้งเองรึนี่! การฆ่าใครสักคนกลับหาใช่หนทางระบายความคับแค้นใจ! ไฉนท่านถึงไม่ปล่อยให้เซียถงมีชีวิตอยู่ เพื่อเฝ้าดูคนรอบข้างของนางแปรเปลี่ยนไปแทนล่ะ? ทำให้ทุกคนที่รักนาง เปลี่ยนกลายเป็นเกลียดนางแทนล่ะ? เช่นนี้แล้ว นางคงยิ่งทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย!”
“เช่นนั้นจงบอกมา ข้าควรทำเยี่ยงไร?”
“ช่างง่ายดายนัก ก็ทำให้คนที่นางรักที่สุด กลายมาเป็นเกลียดนางที่สุดยังไงล่ะ! ลองนึกดูสิ จะเป็นยังไงเมื่อได้เห็นคนที่นางรักที่สุดอย่างไป๋หลี่หานหันคมอาวุธใส่ตน? ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่มันฆ่านางเสร็จ เราค่อยไปเฉลยเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ในตอนนั้น…คงเป็นภาพฉากที่สนุกสุดยอดน่าดู!”
“ฮ่าฮ่! สมกับเป็นอัครมหาเสนาบดีเย่! ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมยิ่งแล้ว!”
ไป๋หลี่เย่ดูเหมือนจะชื่นชอบความคิดนี้มาก ถึงขนาดลุกขึ้นมาปรบมือที่เหลือข้างเดียวให้แก่เย่หลีเทียน เพราะคิดไปคิดมาแล้ว แค่ฆ่าเซียถงทิ้งมันจะไปสนุกอะไรล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังได้แก้แค้นไป๋หลี่หานแทนเสด็จพ่อของตนไปด้วย!
สรุปสุดท้ายนี้ แผนการที่เย่หลีเทียนคิดขึ้นล้วนแต่เหมาะสมและดีที่สุดแล้ว
แน่นอนว่าในทีแรก ไป๋หลี่เย่มิได้ไปมีส่วนรู้เห็นกับเรื่ององค์จักรพรรดินีเหลิ่งเลย แต่หลังจากที่ได้ยินจากปากของเย่หลีเทียนที่กล่าวเล่า เขาก็อดหัวเราะลั่นมิได้และเอ่ยว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจะมีส่วนช่วยพวกเรามากถึงปานนี้! ไอ้แก่นั่นช่างหัวอ่อนนัก!”
“ก็ไม่น่าแปลกใจ! ที่ไฉนคณะขุนนางทั้งหลายในอี้เฉิงถึงได้วิจารณ์เซียถงในด้านเสียๆ หายๆ มากมาย ทั้งหมดล้วนมาจากหญิงชราโง่นางนั้นทั้งสิ้นที่เป็นคนปล่อยข่าว!”
พอนึกถึงความโง่งมขององค์จักรพรรดินีดเหลิ่ง ที่ทำให้แผนการทุกอย่างของเย่หลีเทียนเข้ารูปเข้ารอยได้สมบูรณ์ปานนี้ เขาเองก็อดส่ายหัวมิได้ อีกหนึ่งจุดอ่อนสำคัญของไป๋หลี่หานก็คงเป็นแม่ตัวเองอย่างแท้จริง!
ไป๋หลี่เย่ร่วนหัวเราะขำขันกับอีกฝ่ายอยู่สักระยะ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกคราด้วยความสงสัยว่า
“หากข้าต้องมีแม่โง่ขนาดนั้น ก็ยอมอกตัญญูฆ่าทิ้งเสียดีกว่า! แต่จะว่าไปแล้ว เจ้ารู้ตำแหน่งที่ตั้งเส้นทางลับของไป๋หลี่หานได้เยี่ยงไรรึ?”
แม้เขาจะบรรลุข้อตกลงกับเย่หลีเทียนแล้วในขั้นต้น แต่อย่างไร พอตนเองกำลังจะได้ขึ้นกลายเป็นองค์จักรพรรดิ ก็เหมือนว่ามันสมองในหัวของเขาก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นหน่อยแล้วเช่นกัน จนเกิดคำถามข้อหนึ่งผุดขึ้นในใจ
ในเมื่อเจ้าเย่หลีเทียนมันรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดแล้ว แล้วไฉนถึงไม่บุกเดี่ยวลุกคนเดียวล่ะ? ไฉนถึงต้องบอกกล่าวเรื่องพวกนี้แก่ตนด้วย? นึกมาถึงจุดนี้ ไป๋หลี่เย่เริ่มหรี่ตาคับแคบลง จ้องมองเย่หลีเทียนเจือแววฉงนสงสัย
ไม่ว่าลับหลังอีกฝ่ายจะมีแผนการอันใดซ่อนอยู่ ไป๋หลี่เย่ก็หาได้กลัวเย่หลีเทียนเลย เพราะเบื้องหลังของตนยังมีกองทัพทหารและยุทโธปกรณ์ทำศึกอักจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ที่เตรียมมาสำหรับใช้ถล่มดินแดนอี้เฉิง! ดังนั้นแล้ว ต่อให้เย่หลีเทียนมีแผนอื่นลับหลัง ก็ไม่มีทางสังหารตัวเขาลงได้ เพราะเช่นนี้เอง ไป๋หลี่เย่จึงมิได้คิดกังวลนักกับเรื่องที่ว่าเย่หลีเทียนกำลังซุ้มวางแผนอะไรอยู่ เพียงต้องการเอ่ยถามในบางเรื่องที่ตนสงสัยเท่านั้น
เมื่อเรื่องราวทุกอย่างมาถึงจุดนี้ จู่ๆ เย่หลีเทียนก็ปั้นสีหน้าจริงจังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า ไป๋หลี่เย่ในเวลานี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาเปิดอกกล่าวกับไป๋หลี่เย่ทันทีว่า
“คงถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับเจ้าแล้ว ข้าคือพี่ชายของเจ้า แต่ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่คิดจะทำร้ายเจ้า ยิ่งเรื่องแย่งชิงบัลลังก์อะไรเทือกนั้นยิ่งหาได้อยู่ในสายตาของข้าไม่เลย ตอนนี้เจ้าก็เหมือนขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ไปแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือ ชำระบัญชีแค้นกับไป๋หลี่หาน และปล่อยให้ข้าได้ดูแลดินแดนอี้เฉิงแห่งนี้ต่อเท่านั้น!”
เรื่องตัวตนที่แท้จริงของเย่หลีเทียน ที่ผ่านมาล้วนเป็นความลับสุดยอดที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้ ทว่าตอนนี้เขากลับเลือกที่จะเปิดเผยออกมาตามตรง
ไป๋หลี่เย่ได้ยินดังนั้นพลันตกตะลึงยิ่งยวด! อันที่จริงแล้ว เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูมิหลังความเป็นมาของเย่หลีเทียนมาเนิ่นนานแล้ว แต่กลับไม่มีหลักฐานใดเลยที่สามารถยืนยันได้ว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ จนท้ายที่สุด เรื่องราวนี้ก็ถูกทิ้งร้างปัดตกไปภายใต้คำว่า ‘ข่าวลือ’
แต่กลับไม่คิดฝัน เรื่องนี้จะเป็นความจริง!!
และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ หากเย่หลีเทียนเป็นพี่ชายของเขาจริงๆ ก็แสดงว่า องค์รัชทายาทที่แท้จริงและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะขึ้นครองบัลลังก์ก็คืออีกฝ่าย! เรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิตงหลี่นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันมาก และคณะขุนนางหลายคนในตงหลี่เองต่างก็ไม่ค่อยชอบไป๋หลี่เย่มากนัก กล่าวได้ว่าผิดหวังเลยก็คงจะไม่เกินจริง ซึ่งในช่วงหลังมานี้เอง แม้แต่คนเป็นพ่ออย่างองค์จักรพรรดิตงหลี่เอง ก็อดผิดหวังกับบุตรชายไร้น้ำยาคนนี้มาก ถึงขนาดกราดด่าเขาขึ้นกลางท้องพระโรง ทั้งยังทิ้งท้ายอีกว่า หลังจากเสร็จกิจเรื่องลอบสังหารไป๋หลี่หานกับเซียถงในอี้เฉิงเมื่อใด เขาจะกลับมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการถอดถอนตำแหน่งองค์รัชทายาทของลูกชายคนนี้อีกครั้งหนึ่ง
ทว่ากลับไม่มีใครคาดถึง องค์จักรพรรดิตงหลี่จะด่วนสิ้นพระชนม์กะทันหันในอี้เฉิงไปทั้งแบบนี้!
ฟังว่าในทีแรก มีการปรึกษาหารือระหว่างคณะขุนนางอย่างลับๆ อาจจะให้บุคคลที่มีญาติผู้น้อยที่สืบสายพระโลหิตจากอดีตจักรพรรดิตงหลี่พระองค์ก่อนโดนตรงอย่าง ไป๋หลี่หานขึ้นครองราชย์ต่อไป แต่ต่อมา ก็มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่า องค์จักรพรรดิตงหลี่ถูกลอบปลงพระชนม์โดยไป๋หลี่หานเสียเอง สุดท้ายนี้ คณะขุนนางจึงต้องจำใจตั้งไป๋หลี่เย่ขึ้นครองบัลลังก์แทน
ถึงทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ไป๋หลี่เย่ปรารถนาไปเสียหมดแล้ว แต่ลึกๆ ภายในใจของเขากลับหาได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด เพราะนี่ถือเป็นการขึ้นครองคราชอย่างไม่เป็นทางการ เพราะตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พระราชกฤษฎีกาหงสาของเสด็จพ่อถูกนำไปเก็บไว้แห่งหนใด? และนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรเลย!
ยิ่งมาได้ยินความจริงของเย่หลีเทียนในตอนนี้ ไป๋หลี่เย่ยิ่งอกสั่นขวัญเสียหนัก หากเรื่องนี้เป็นความจริง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าคณะขุนนางทั้งหลายเปลี่ยนใจและถอดถอนเขาออกจากบัลลังก์!
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นกะทันหันโดยทั้งสิ้นชนิดที่ว่าไป๋หลี่เย่ไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน ต่อให้เย่หลีเทียนจะเอ่ยปากแสดงเจตจำนงของตัวเองออกมาแล้วก็ตาม แต่นี่ก็ยังทำให้เขาอดสงสัยเคลือบแคลงมิได้อยู่ดี
“ในเมื่อเจ้ามีคุณสมบัติแย่งชิงบัลลังก์จากข้าไปได้แท้ๆ แต่เหตุใดถึง…”
“แล้วเจ้าทราบหรือไม่ว่า ไฉนถึงไม่มีใครรู้เรื่องตัวตนของข้าเลย?”
เย่หลีเทียนเอ่ยแทรกขึ้นฉับพลัน ทางฝั่งไป๋หลี่เย่ได้แต่ตีหน้างุนงง เพราะกล่าวกันตามตรง นี่แหละคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากที่สุด!
ทำไมเรื่องของเย่หลีเทียนถึงไม่เคยถูกปิดเผยออกมาเลยในตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา?