ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 579 ไปตาย (1)
ตอนที่579 ไปตาย (1)
ตอนที่579 ไปตาย (1)
อาจกล่าวได้ว่า การที่เย่หลีเทียนยังมีชีวิตรอดจวบจนทุกวันนี้ สามารถฟันฝ่าเรื่องราวที่ยากลำบากสุดแสนเกินกว่าคนทั่วไปจะแบกรับได้ไหว ทั้งหมดเป็นเพราะนางสนมฮุ่ยที่ยอมสละชีพเพื่อช่วยเขา…
และนี่ยังเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่จนปัจจุบัน!
ด้วยเหตุนี้เอง อาจกล่าวได้ว่า เพราะการที่ทุกคนต่างตีตราว่าเย่หลีเทียนเป็นตัวกาลกิณีจนทำให้ทั่วทั้งจักรวรรดิตงหลี่ต้องเกิดอาเพศ รวมไปถึงข่าวการสิ้นพระชนม์ของเขาตั้งแต่แรกคลอด จึงทำให้ไม่สามารถเผยตัวขึ้นมาอ้างสิทธิ์เพื่อทวงคืนศักดินาได้ ยิ่งไปต้องกล่าวถึงเรื่อง ตำแหน่งองค์รัชทายาทเลย ไป๋หลี่เย่ได้ฟังเช่นนั้นก็สบายใจอยู่หลายเปาะ และกล่าวถามต่ออีกว่า
“สรุปแล้ว เจ้ารู้เรื่องเส้นทางลับแหล่งกบดานของไป๋หลี่หานได้เยี่ยงไร?”
เหตุผลที่ไป๋หลี่หานได้รับการขานนามว่าเป็น ราชาหมาป่าสวรรค์ หนึ่งในนั้นคือเรื่องภูมิหลังของเขาที่ไม่ธรรมดา รวมไปถึงความลับอีกหลายอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของเขาอีกเต็มคลัง จึงยากเกินกว่าจะต่อกรด้วยได้ มิฉะนั้นแล้ว เสด็จพ่อของเขาคงไม่เลือกที่จะก่อสงครามเย็น ลอบต่อสู้ต่อกรกับอีกฝ่ายอย่างลับๆตลอดมาเช่นนี้ กระทั่งใบหน้าที่แท้จริงยังไม่ทราบ!
เย่หลีเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ระเบิดหัวเราะคิกคัก
“อย่าได้กังวลไปน้องข้า พี่ชายคนนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่คิดลอบแทงข้างหลังเจ้าแน่นอน ส่วนในเรื่องเส้นทางลับแหล่งกบดานทั้งหมดของไป๋หลี่หาน ล้วนได้มาจากความพยายามอุตสาหะมาตลอดหลายปีของข้าเอง และข้อมูลที่ตกผลึกเหล่านี้ล้วนแม่นยำถูกต้อง! นอกจากนี้เอง ไป๋หลี่หานในปัจจุบันเพิ่งจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งใดด้านกำลังคนและความแข็งแกร่งของตัวมันเอง หากใช้กำลังทหารกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นนายในมือของเจ้า…”
จนแล้วจนรอด หลังจากที่ไป๋หลี่เย่ลังเลอยู่สักครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเชื่อใจเย่หลีเทียน แต่ก็ยังตั้งมาตรการระวังตัวไว้ระดับหนึ่ง โดยการนำกองทหารจำนวนหนึ่งแสนนายบุกเข้าประชุดเส้นทางลับแหล่งกบดานของไป๋หลี่หาน ส่วนกำลังคนอีกสามหมื่นนายให้ประจำการอยู่นอกเมืองอี้เฉิงห่างออกไปสามสิบลี้ เผื่อว่าเกิดปัญหาฉุกเฉินใดๆ ไม่ว่าจะมาจากไป๋หลี่หาน หรือเย่หลีเทียนที่คิดหักหลัง จะได้ส่งกองกำลังนี้เข้าสบทนสนับสนุนเพิ่ม!
แต่ใครจะไปคาดคิด เมื่อมาถึงตำแหน่งพิกัดที่เย่หลีเทียนระบุไว้ให้ จะได้มาเจอตัวไป๋หลี่หานจริงๆ!
ปรากฏว่า เย่หลีเทียนไม่ได้หลอกเขา!
ไป๋หลี่เย่เชิดคางสูงส่งหางตาชำเลืองมองไป๋หลี่หานอย่างดูแคลนหนึ่งปราด ในปัจจุบัน สถานการณ์ล้วนถูกควบคุมไว้เบ็ดเสร็จหมดแล้วภายใต้คำชี้แนะของเย่หลีเทียน ในที่สุดตัวเขาก็สามารถแสยะยิ้มออกมาได้อย่างเต็มที่ ขอดูหน่อยเสียว่า ไป๋หลี่หาน ไอ้เจ้าคนทรยศผู้นี้จะมีปัญญาหนีรอดไปจากวงล้อมของเหล่าทหารนับแสนไปได้หรือไม่!
บีบให้มันสิ้นหวังอย่างช้าๆ ทำให้มันทรมานราวกับหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ นี่แหละคือหนทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับแก้แค้นไป๋หลี่หาน!
สายตาของไป๋หลี่หานนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา กับเรื่องที่เซียถงทรยศตนเอง เขาแทบเชื่อไม่ลง แต่ด้วยหลักฐานตรงหน้าทั้งหน้าที่บ่งชี้ทั้งหมด ทำให้หัวใจดวงนี้ของเขาเสมือนถูกแช่แข็งทั้งเป็น!
ไป๋หลี่หานกวาดสายตามองไปยังกองทหารจำนวนหนึ่งแสนนายที่ไป๋หลี่เย่นำทัพมา เขาหันไปกระซิบซาบกับโม่หยานที่อยู่ข้างเคียงว่า
“บอกให้ทหารของเรารีบพาพวกคุณขุนนางหนีไป! ไม่ว่าเราจะสู้ยังไง แต่ด้วยจำนวนที่เสียเปรียบปานนี้ ไม่มีวันต่อกรได้ด้วยเลย! จงวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าได้หันหลังกลับมา!”
ไป๋หลี่เย่ยืนกอดอกเฝ้ามองไป๋หลี่หานสั่งการกับเหล่าผู้ใต้บัญชา ภายในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เพราะยังมีเรื่องเหนือความคาดหมายอีกมากมายนักที่รอไป๋หลี่หานอยู่ และเขาแทบทนไม่ไหวแล้วที่จะได้บอกกล่าวกับอีกฝ่าย!
ไป๋หลี่เย่แสยะยิ้มกล่าวว่า
“คิดจะหนีไปไหนรึ? ฐานกบดานลับในซอกหุบเหวหิมะกระมัง?”
แทบจะมาพร้อมกับสุ้มเสียงของไป๋หลี่เย่ก็ว่าได้ ทันใดนั้นก็มีห่าศรธนูจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าไกลโพ้น และเมื่อไป๋หลี่หานเคลื่อนสายตามองติดตามไปก็พลันตื่นตระหนกยิ่งยวด ไม่นานนัก เสียงระเบิดก็ดังขึ้นสนั่นเวหา ท้องนภากว่าครึ่งซีกแทบนั้นถูกหยาดย้อมกลายเป็นสีเพลิงแดง!
ไป๋หลี่หานใบหน้าถอดสีแปรเปลี่ยนฉับพลัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!
ตรงนั้นมันฐานกบดานลับ! มันคือฐานกบดานลับแห่งสุดท้ายของพวกเขา! แต่ตอนนี้สถานที่แห่งนั้นได้กลายมาเป็นทะเลเพลิงโหมไปเสียแล้ว! ไป๋หลี่เย่เพิ่งจะทำลายฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายไป!
กล่าวคือ พวกเขาไม่หลงเหลือที่ใดให้ถอยกลับอีกแล้ว นอกจากสู้ที่นี่จนตัวตาย?
โม่หยานถึงกับหน้าซีดเผือด หันศีรษะขวับกล่าวกับไป๋หลี่หานด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“นายท่าน! หรือ…หรือว่านายหญิงจะหักหลังพวกเราแล้วจริงๆ?”
เขาไม่อยากกล้าแม้แต่จะคิดหรือจินตนาการใดๆ ไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงด้วยซ้ำ
“นายท่าน ข้าจะนำกำลังทหารที่เหลืออยู่ไปฆ่าพวกมันเสีย!”
ทันทีที่กล่าวจบ โม่หยานก็เหลียวหลังหันไปหาบรรดากำลังทหารหลักพันชีวิตที่เหลืออยู่ และเปล่งเสียงคำรามลั่นสั่งการออกไป ซึ่งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขากล้าขัดคำสั่งของไป๋หลี่หาน
“พี่น้องของข้าทั้งหลาย เราชาวอี้เฉิง มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน! ไปฆ่าพวกมันให้หมด!”
อารมณ์ความรู้สึกของโม่ซวนเป็นอย่างไร อารมณ์ความรู้สึกของเหล่าทหารทั้งหลายล้วนเป็นแบบเดียวกัน สิ้นเสียงปลุกใจนี้เท่านั้น ดุจดั่งเสียงลั่นกลองศึกเปิดฉากสมรภูมิรบอย่างสมภาคภูมิ เหล่าทหารทั้งหลายรวมไปถึงองครักษ์หน่วยเงาที่เหลือ ต่างกระชับจับอาวุธขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง!
ทางด้านไป๋หลี่เย่ ยามนี้ไม่มีอันใดต้องพูดต้องจากกันอีกแล้ว เขาใช้มือเพียงข้างเดียวที่เหลืออยู่ชักกระบี่เล่มยาวจากฝักข้างเอว ชูคมกระบี่สาดแสงระยับเปล่งประกายเยียบเย็น ก่อนเหวี่ยงกระบี่ฟันฉับสะบัดลงมา กู่คำรามสุดเสียงเปิดม่านโรมโรงดังสนั่น
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ!!”
พริบตานั้น กองทัพตงหลี่ชุดแรกซึ่งเป็นทหารม้าเคลื่อนทัพบุกฮือขนาบข้างจากรอบเนินเขาลงมา!
เสียงกีบม้าควบทะยานดังสนั่นชัดเจน แผ่นดินทั่วทั้งผืนสั่นสะเทือนอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
“ฆ่ามัน!!”
เสี้ยวพริบตาต่อมา เสียงรบราฆ่าฟันสนั่นกึกก้องทั่วสารทิศ!
ท้องนภาทรุดถล่ม ผืนปฐพีสั่นสะท้าน!
ดวงตาคู่นั้นของไป๋หลี่หานกลายมาเป็นสีโลหิตฉาน กระโดดเข้าสู่สมรภูมิรบอย่างเต็มรูปแบบ และไม่ว่าพลังความแข็งแกร่งของเขาจะสูงส่งปานใด แต่ก็มิสามารถช่วยให้สถานการณ์พลิกกลับมาได้เปรียบนัก ขณะนี้ต้องเรียกใช้กระบี่คู่สีเงินและทองกระชับมั่นบนสองมือ กลิ่นอายล่าสังหารปะทุอบอวลไปทั่วกายา คลื่นรัศมีลมปราณสีเงินประกายแผดกว้างขยับขยาง วงข้างเปิดกว้างพร้อมแขนเสื้อยาวใหญ่ที่ปลิดปลิวไสว กระแสลมปราณระลอกเหล่านี้ที่ปลดปล่อยออกมา ล้วนกอปรไปด้วยความเข้มข้นสูง จนบางที่ดูหนืดเหนียวราวกับโลหิตเดือดสีเงิน โดยไม่คาดคิด สายคาดผมสีน้ำตาลผืนหนึ่งพลันหลุดร่วง ปล่อยผมสีขลับดำยาวสยายอย่างอิสระ ทำให้เขาดูสยดสยองน่ากลัวเป็นทวีดุจปีศาจกระบี่คู่
พริบตาที่สายคาดผมตกกระทบสู่พื้นดิน เขาก็กลายร่างเป็นเงาพิสดารดุจสายฟ้า พุ่งถลาปะทะชนกับทุกสรรพสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่มีลดละ ล่าเสียบสังหารต่อสรรพชีวิตด้วยจิตวิญญาณโกลาหลบ้าคลั่ง เหลือทิ้งไว้เพียงประกายเงาสีเงินสลัว และสายคาดผมสีน้ำตาลผืนนั้นบนพื้น…
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่าให้หมด!!”