ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 582 กองทัพสัตว์อสูร (2)
ตอนที่582 กองทัพสัตว์อสูร (2)
ตอนที่582 กองทัพสัตว์อสูร (2)
เสี่ยวฮั่วพยักหน้ารับคำ
“พวกเรานั่นถูกพวกมันกดขี่ข่มเหงมาเสียนาน ยามนี้ถึงเวลาอันควรแล้วที่จะชำระบัญชีแค้น!”
คล้อยหลังกล่าวจบ มันก็หมุนตัววนรอบตัวเองคราหนึ่ง จำกายเป็นกิเลนศักดิ์สิทธิ์ในทันใด ตัวมันในเวลานี้ไม่คิดหลบซ่อนหรือพรางตัวอันใดอีกต่อไป แต่เลือกที่จะขยายร่างกลายเป็นเทพอสูรกิเลนศักดิ์สิทธิ์ยักษ์
เสี่ยวฮั่วก้มศีรษะลดคอลงเล็กน้อย เขากิเลนแหลมคมคู่นั้นโค้งแตะบนภาคพื้น เซียถงกระโจนตัวขึ้นไปยืนบนเขากิเลนคู่ดังกล่าว ตำแหน่งยืนระหว่างเขาทั้งสองข้าง
ยามที่ยืดเหยียดมือขึ้นจับพยุงเขากิเลนทั้งสองให้ร่างกายตั้งตรงตระหง่าน ช่างเป็นภาพฉากที่ดูมีสง่าราศีเสียเหลือเกิน!
ทันใดนั้น เทพอสูรกิเลนศักดิ์สิทธิ์ก็ฉีกปากอ้ากว้าง แผดเสียงคำรามมากโทสะ พ่นสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากปากคล้ายสำรอกออกมาไม่หยุดหย่อน
ขณะเดียวกัน บรรดาสัตว์อสูรนับหมื่นตนต่างตระหง่านตรงอยู่ล้อมรอบเบื้องหน้าหนาแน่น ทั้งหมดทั้งมวลต่างส่งสายตามองไปที่กิเลนศักดิ์สิทธิ์เป็นทางเดียว
เสี่ยวฮั่วแหงนหน้ากล่าวกับเซียถงว่า
“นายท่าน ดูข้าให้จงดี!”
กล่าวจบเท่านั้น มันก็เปล่งเสียงคำรามดังชัดแจ้งขึ้นอีกหนึ่งคำรบ คลื่นเสียงมหาวินาศกวาดล้างไปทั่วสารทิศกว่าพันร้อยลี้ในพริบตา!
ทันทีที่เสียงคำรามนี้ดังขึ้น เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในป่าต่างตื่นตระหนกตกใจกันยิ่งยวด
แม้แต่ม้าอาชาศึกที่อยู่ใต้เป้ากางเกงของไป๋หลี่เย่ยังเริ่มเกิดอาการกระสับกระส่าย
เนื่องด้วยความเสียขวัญหนัก มันเกือบสะบัดร่างไป๋หลี่เย่โยนทิ้งไปจากหลังของมัน และแทบจะในอึดใจต่อมา ไป๋หลี่เย่ก็รีบม้วนหลังหันกลับมามองยังต้นเสียงที่ดังขึ้นมา
ตึง! ตึง! ตึง!!
ทั่วผืนพิภพสั่นสะเทือนรุนแรงต่อเนื่อง กระทั่งหัวใจดวงนี้ยังสั่นสะท้านตามเสียงสะเทือนกึกก้องดุดันเหล่านี้
ไป๋หลี่หานพลางกดท่าถูกคมกระบี่เสียบทะลุบริเวณข้อเท้า ร่างทรุดฮวบอยู่ในท่าคุกเข่าข้างหนึ่งโดยมีกระบี่เล่มสีเงินค่อยค้ำยันเอาไว้อยู่ แลเห็นคมอาวุธของฝ่ายศัตรูพุ่งโจมตีเข้าใส่อีกครา ช่วงเวลาคับขันนี้มิสามารถเลี่ยงหลบได้อีกต่อไป จะมีก็เพียงองครักษ์หน่วยเงาผู้บาดเจ็บสาหัสนายหนึ่งกระโดดเข้ามาขวางคมอาวุธเอาไว้ พริบตาต่อมา ร่างของเขาคนนั้นโดนเสียบทะลุสิ้นใจคาที่ในทันใด
แต่ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงเห่าหอนและเสียงร้องคำรามของเหล่าสรรพสัตว์นับไม่ถ้วนโหมกระพือเดินทัพพุ่งเข้ามา
เหล่านั้นบุกตะลุยมาจากทั้งภาคพื้นและภาคอากาศสูง
พริบตานั้น ประดุจคลื่นมหาสมุทรฝุ่นตลบขนาดมหึมาถาโถมเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพินิจมองให้จงดีจะพบว่า เหล่านั้นล้วนกอปรด้วยสัตว์อสูรนานาชนิดจำนวนเกินคณานับได้!
ทุกคนต่างหยุดมือและหันหลังมองกันเป็นทางเดียว
ต้นไม้พฤกษด้านหลังเนินเขาทั้งหมดเริ่มสั่นไหวขึ้นต่อเนื่อง ตามมาด้วยเสียงต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนหักโค่นดังระนาวราวกับถูกคลื่นมหาวินาศกวาดล้างทำลาย ทุกคนเหล่านั้นไม่ว่าฝ่ายใดล้วนรู้สึกตื่นตระหนกตกใจกันอย่างหนัก
สักครู่ต่อมา ทั้งหมดต่างเห็นร่างอสูรขนาดมหึมา มีเปลวไฟสีม่วงลุกโชติช่วงอยู่บนกีบเท้าทั้งสี่ข้าง ทะยานเหยียบย่างบนนภากาศดุจพาหนะศักดิ์สิทธิ์ของเทพเซียน
เซียถงสวมชุดแพรพรรณสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะยาวสลวย ยืนตระหง่านอยู่บนระหว่างเขากิเลนแหลมคมทั้งสองข้าง เบื้องหลังของนางตามติดมาด้วยมวลมหาสรรพสัตว์จำนวนเกินคณานับที่ทะลักทลายกรีธาทัพเข้ามา
ทุกคนล้วนแต่อ้าปากตกใจค้างเติ่ง จับจ้องภาพฉากตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ!
“นะ-นาง…นางคือเซียถง!!”
ปรากฏว่า นางเองก็ยังเป็นถึงนักอัญเชิญอสูร! ใครหรือจะคิดฝัน นางจะเร้นประกายซ่อนคมไว้ลึกล้ำปานนี้!!
เซียถงกู่ร้องคำรามสั้นกระชับเพียงว่า
“ฆ่าให้หมด!”
ไป๋หลี่เย่หางตากระตุกอย่างแรงตั้งหลายที ตัวเขาในวันนี้นำกำลังทหารมาจำนวนหนึ่งแสนนาย ทั้งหมดก็เพื่อใช้สังหารไป๋หลี่หานแค่คนเดียว ซึ่งเป้าหมายเพียงเท่านี้ก็ทำเอาเขาหืดขึ้นคอแล้ว แต่เขากลับคาดไม่ถึงเลยว่า วันดีคืนดีจู่ๆเซียถงจะปรากฏกายขึ้นกะทันหันเช่นนี้ได้? ทั้งนี้ยังพ้วงมาด้วยกองทัพสัตว์อสูรอีกนับหมื่นตนอยู่ท้ายหลัง!
ทันใดนั้นเอง เมื่อเทพอสูรกิเลนร่างมหึมาที่อยู่ใต้บาทาของนางอ้าปาก เสียงคำรามแห่งอาญาสิทธิ์กู้ร้องก็ดังสนั่นแผดไพศาลออกมา เหล่านี้มีอำนาจทำให้สรรพสิ่งทั้งหมดต้องยอมสิโรราบคุกเข่าต่อหน้ามัน กระทั่งม้าอาชาศึกอยู่ใต้หว่างขาของไป๋หลี่เย่เองก็มิเว้น ม้าตนนั้นถึงกับรีบย่อมตัวก้มศีรษะจรดพื้นดินอย่างรวดเร็ว
และการเคลื่อนไหวฉับพลันคราวนี้ของมัน ทำให้ไป๋หลี่เย่ไม่สามารถทรงตัวได้อยู่อีกต่อไป จึงทำให้กลิ้งตกจากหลังม้าก้นจ้ำเบ้ากับพื้นอย่างแรง
เหล่าทหารที่อยู่รอบข้างเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งมาช่วยพยุงโดยไว คราวนี้ไป๋หลี่เย่เนื้อตัวสั่นสะท้านเกินจะควบคุม เขานี่แหละรู้จักเซียถงดีกว่าใครๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแววตาอาฆาตคู่นั้นของนาง ยามใดที่ได้เห็นล้วนแต่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาฉับพลันบริเวณแขนที่โดนตัดโดยสัญชาตญาณ เวลานี้เองก็ไม่เว้น สักครู่ต่อมา จู่ๆเขาก็มีเหงื่อเย็นแตกพลั่กเปียกชุ่มไปทั่วทั้งหน้าผากและแผ่นหลัง
“ฝ่าบาท…”
“ฝ่าบาท รีบหนีกันก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะที่กองทัพสัตว์อสูรอันบ้าคลั่งของเซียถงตีโต้ทะลวงฝ่าเข้ามา ท้ายที่สุดนี้ ไป๋หลี่เย่ได้ทำการตัดสินใจครั้งเด็ดขาด ยกมือขึ้นผลักนายทหารเหล่านั้นที่อยู่รอบข้างจนล้มพับ ส่วนตนเองนั้นก็รีบสับเท้าวิ่งหนีสุดชีวิต!
ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่า เหตุไฉนเซียถงถึงมีทรงพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ และไม่สนเช่นกันว่า ไป๋หลี่หานในสภาพล่อแล่จะอยู่หรือตายจากศึกคราวนี้ เพราะสิ่งเดียวที่เขาปรารถนาอย่างที่สุดในเวลานี้คือ การวิ่งหนี! วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด!
ยิ่งเป็นตอนนี้ที่ไม่มีตัวประกันไว้ต่อรองด้วยแล้ว ไป๋หลี่เย่ไม่มีทุนรอนอะไรเลยที่จะไปรับมือกับเซียถงได้!
ระหว่างสับตีนแตกวิ่งเตลิดออกไปนั้น ไป๋หลี่เย่ก็ยังสั่งให้ทหารทุกนายนำใช้กำลังทั้งหมดที่มีและจงสละชีวิตเพื่อถ่วงเวลาเซียถงให้ได้นานที่สุด ส่วนเขาจะได้หนีรอดออกไปแด่เพียงผู้เดียว
กองทัพสัตว์อสูรของเซียถงกรีธาทัพเข้าโจมตีภายใต้คำสั่งการ เนินเขาหิมะสีขาวโพลนทั้งหมดกลายมาเป็นทะเลเลือดเดือดในพริบตาต่อมา ยิ่งสัตว์อสูรเหล่านี้ลงมือสังหารทหารตงหลี่มากเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งกระหายดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าฝ่ายทหารตงหลี่จะทรงพลังปานใด แต่ต่อหน้าบรรดาสัตว์อสูรเหล่านี้แล้ว คนพวกนั้นกลับไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะรับมือ!
เซียถงกระโดดลงมาจากหลังกิเลนศักดิ์สิทธิ์ นางตั้งใจจะลงมาสำรวจอาการบาดเจ็บของไป๋หลี่หาน แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือ จู่ๆโม่หยานก็ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้า เนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยธารเลือดแดงฉานบาดแผลสาหัส อย่างไร เขาก็ยังกัดฟันชูกระบี่ขึ้นใส่นาง พยายามหยุดมิให้เข้าใกล้นายท่านของตนเอง
“อย่าแตะต้องนายท่านของข้า!”
“นี่เจ้า…”
หลิวซูจำแลงกายเป็นร่างมนุษย์ แปดเสียงตะคอกใส่โม่หยานด้วยความโมโหทันที
“นี่เจ้ากำลังพล่ามไร้สาระอันใด! เซียถงกำลังจะช่วย…”
“ช่วยงั้นรึ?”
โม่หยานเค้นเสียงหัวเราะเยาะ
“หากไม่ใช่เพราะนาง อี้เฉิงจะเป็นอย่างทุกวันนี้หรือไม่? หาไม่ใช่เพราะนางทรยศต่อพวกเรา นายท่านหรือจะถูกทำร้ายจนสาหัสปานนี้?!”
โม่หยานกล่าว มีเหล่าทหารและคณะขุนนางมากมายที่ต้องหนีตายเอาชีวิตรอดออกจากอี้เฉิง จวบจนบัดนี้มีทั้งถูกลอบสังหารและป่วยตายไปมากกว่าครึ่ง เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เหล่าคณะขุนนางกับพวกทหารที่เหลือรอดอยู่ยิ่งเกลียดชังเซียถงจนถึงขั้นฝังกระดูกดำแล้ว พวกเขาต่างคิดว่า นางได้ทรยศต่ออี้เฉิงและราชาหมาป่าสวรรค์ จึงขอเอ่ยสัตย์สาบาน สักวันจักต้องฆ่าเซียถงให้จงได้!
ทว่าเซียถงหาได้สนใจคนพวกนี้เลย สายตาของนางยังคงกวาดมองไปทั่วร่างกายของไป๋หลี่หานเพื่อวินิจฉัย ในขณะนี้อีกฝ่ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนหมดสติไปแล้ว สีหน้าซีดเผือดอาบชุ่มไปด้วยเลือด มีปลอยผมบางจุดแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวปนเงิน ได้เห็นเพียงเท่านี้ เซียถงก็รู้สึกปวดร้าวจิตใจแทรกซึมกระจายไปทั่วกายา
“เขาอาการสาหัสมาก ข้ามีโอสถรักษาชีวิตเขาได้!”