ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 585 เซี่ยเสวี่ยเหลียนผู้ชั่วร้าย (1)
ตอนที่585 เซี่ยเสวี่ยเหลียนผู้ชั่วร้าย (1)
ตอนที่585 เซี่ยเสวี่ยเหลียนผู้ชั่วร้าย (1)
หลิวซูเคลื่อนไหวเร็วมากเสียจนไม่มีใครสามารถตอบสนองใดๆได้ทันท่วงที พวกเขาทั้งหมดทำได้เพียงเฝ้าดูมันตบโอสถทั้งสองเม็ดนั้นเข้าปากของไป๋หลี่หานไปทั้งแบบนั้น
ทันทีที่โอสถไหลเข้าสู่ลำคอก็ละลายกลายเป็นของเหลวทันที!
เมื่อทุกคนพบเห็นภาพฉากดังกล่าว ล้วนแต่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง พอกวาดสายตาพินิจมองให้จงดีก็พบว่า ลักษณะของเด็กหนุ่มคนนี้ดูแปลกประหลาดมิใช่น้อยเลย ทั้งผมยาวสลวยสีเงินเป็นประกายนั่น และชุดแพรพรรณสีแดงเพลิงที่ดูสวยสง่าคล้ายของอิสตรีอีก นอกเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคงจะเป็นความเร็วในการเคลื่อนที่อันพิสดารพันลึก กว่าที่ผู้ใดจะรู้สึกฟื้นตัวเสียด้วยซ้ำ เจ้าหนุ่มนั้นก็กรอกยาพิษเข้าปากนายท่านของพวกเขาไปเสียแล้ว
อึดใจต่อมา บรรดาทหารและองครักษ์เงาที่เหลือกระชับจับอาวุธขึ้นพลัน เตรียมเข้าประจัญบานหยุดยั้งหลิวซู!
ทหารเหล่านั้นจำนวนเกือบพันชีวิตยกกระบี่ตั้งขึ้นชูชัน ร่ายกระบวนทิ่มแทงจู่โจมใส่หลิวซูดโดยพร้อมเพรียง แต่นั่นกลับทำให้พวกเขาประหลาดใจกันยิ่งยวด เมื่อค้นพบว่า คมกระบี่ของแต่ละคนล้วนพุ่งทะลุร่างกายของหลิวซูไปเสียเฉยๆ และอีกฝ่ายหาได้รู้สึกรู้สาเป็นอันตรายใดๆ
กระบี่เหล่านั้นที่เสียบคาอยู่ในร่างของหลิวซู ทันใดนั้นก็โดนดูดกลืนไปจากมือของพวกเขาไปเสียเฉยๆ กลับกลายเป็นมันที่เป็นฝ่ายควบคุมอาวุธแทน ทุกคนต่างตกใจกลัวจนหน้าถอดสีซีดเผือด ล้วนแล้วแต่สะดุดสายตามองหลิวซูเป็นทางเดียว ยิ่งได้เห็นนัยน์ตาสีแดงมณีดุจทับทิมฉาบเคลือบแววเพชฌฆาต ทหารเหล่านั้นถึงกับเนื้อตัวสั่นจนเกินควบคุมไหว
เซียถงใช้โอกาสนี้กระโจนขึ้นสู่เวหาฟากฟ้า ต้องการที่จะเข้าร่วมศึกสมรภูมิครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือหลิวซูต้านรับสกัดเหล่าทหารอีกแรง ขณะที่นางกำลังพุ่งตัวเข้าไป กลับมีประกายสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งโฉบขัดขวางพลัน คู่เท้าเซียถงชะงักหยุดกะทันหัน และเมื่อแหงนศีรษะขึ้นแช่มมอง ก่อนพบว่าเป็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่กำลังถือมีดสั้นฉาบคราบเลือดสดไหลหยดติ๋งในมือ โดยมีโม่หยานยืนหน้าซีดเซียวตัวสั่นอยู่ท้ายหลัง เขาพยายามยกสองมือขึ้นปิดป้องลำคอที่เพิ่งโดนเชือดปาด ทว่าแผลนี้ลึกเกินกว่าจะห้ามเลือดได้อยู่ พริบตานั้น ธารโลหิตสีฉูดฉาดพุ่งกระฉูดออกมา โม่หยานอ้าปากต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ท้ายที่สุดกลับมิสามารถส่งเสียงใดๆออกได้เลย
เซี่ยเสวี่ยเหลียนระบายยิ้มบาง ยกคมมีดสีเย็นที่อาบย้อมไปด้วยธารเลือดขึ้นประชิดติดริมฝีปาก จากนั้นพลางแลบลิ้นเลียทีหนึ่งเพื่อลิ้มชิมรส
“ท่านพี่ อย่าเสียเวลาทะเลาะกับพวกมันเลย เศษสวะพวกนี้ไม่จำต้องถึงมือท่าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
กล่าวจบเท่านั้น นางใช้เท้าเหินโฉบทะยานดุจอสนีบาตสีโลหิต พร้อมกับมีดสั้นเร้นประกายดุร้ายในมือ
กระโปรงเพลิงแดงโหมกระพือเป็นริ้วคลื่น โบกไสวตามแรงลมทิศทางเคลื่อนไหว ในเวลาเดียวกันที่ปราศจากใครสังเกต โม่หยานก็ได้ล้มลงกับพื้น ใบหน้าค่อยๆซีดเซียวเหี่ยวเฉาราวกับถูกสูบเลือดสูบเนื้อยจนเกลี้ยง และอึดใจต่อมา เขาก็ปราศจากลมหายใจอีกต่อไป
เซียถงหันศีรษะวับมุ่งมองติดตาม คมมีดในมือเซี่ยเสวี่ยเหลียนหาได้มีเป้าหมายเป็นตัวของนาง แต่นั่นกลับพวยพุ่งเข้าไปเชือดเฉือนลำคอของทหารนายหนึ่งที่โดนหลิวซูขโมยอาวุธไปจนเลือดสดสาดกระเซ็นดุจน้ำพุ
ทุกคนที่เห็นภาพฉากนี้ต่างตื่นตระหนกตกใจกันทั้งสิ้น สองพี่น้องเคลื่อนไหวลงมือร่วมกันได้อย่างเข้าขาช่ำชอง ราวกับตลอดที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน และนี่ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เซียถงได้กระทำการทรยศต่อไป๋หลี่หานจริงๆ!
หลิวซูไม่คิดไม่ฝัน เซี่ยเสวี่ยเหลียนจะฉวยโอกาสตอนที่มันแย่งชิงการควบคุมไปจากบรรดาทหาร เข้าปิดฉากสังหารชีวิตของทุกคนจนสิ้นซาก แต่อย่างไร สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดคงเป็น การเปลี่ยนแปลงด้านพลังความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดฉับพลันนี้ พึงทราบ ทั้งโม่หยานและนายทหารเมื่อครู่ที่นางเพิ่งสังหารทิ้งในเสี้ยวพริบตา ต่างเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงทั้งสิ้น!
หลิวซูเร่งคลายการควบคุม และทิ้งอาวุธทั้งหมดที่อยู่ในมือทิ้งโดยไว ปล่อยให้ทหารนายหนึ่งหยิบใช้ลมปราณสร้างแรงดูดเพื่อดึงกระบี่ของตนกลับเข้ามือ แต่นั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เซี่ยเสวี่ยเหลียนถลาเข้าใส่พร้อมมีดสั้นสังหาร
แลเห็นว่าคมมีดสั้นกำลังพุ่งเข้าปลิดชีพของทหารอีกนาย เซียถงกลายร่างเป็นสายฟ้า ทะยานเข้าสกัดป้องกันด้วยความเร็วสูงสุด สายอสนีบาตสองสีประสานงาชนปะทะเกิดเสียงดังเปรี้ยง สองฝ่ามือที่ทรงพลังสุดแสนตบอัดใส่กันแลกคนละที
เสี้ยวอึดใจ หลิวซูจำแลงกายกลับเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าบินติดตามเซียถงโดยเร็ว
เซี่ยเสวี่ยเหลียนเป็นฝ่ายเพลียงพล้ำ โดนฝ่ามือแรงอัดลมปราณของเซียถงซัดใส่ถึงกับเสียศูนย์ไปชั่วขณะ อย่างไร นางอาศัยแรงผลักกระแทกที่โดนกระทำให้เป็นประโยชน์ ถ่ายน้ำหนักทิ้งตัวถลาลมดิ่งไปทางไป๋หลี่หาน
เซียถงเห็นดังนั้นเร่งไล่ตามมาติดๆ ยืดเหยียดสุดมือกระชากแขนเสื้อของเซี่ยเสวี่ยเหลียนจนขาดวิ่น เห็นว่าหยุดนางไว้ไม่ทัน จึงใช้ฝ่ามืออีกข้าง เร่งเร้าระดมกระแสลมปราณข้นขลักตบอัดใส่กลางแผ่นหลังของอีกฝ่ายชุดใหญ่
เสียงผ้าไหมแพรพรรณฉีกขาดบาดแก้วหู เสื้อคลุมลายปักงดงามสีแดงเพลิงถูกระเบิดจนกระจุยเป็นเศษขี้ริ้วดุจผีเสื้อปีกหัก
ปรากฏกลายเป็น อิสตรีงามล่มเมืองทั้งสองนางที่ลอยล่องลงมาท่ามกลางกลีบบุปผาร่วงโรยสีแดงเพลิง ทว่าอย่างไร รัศมีจิตสังหารที่พวกนางระเบิดพรั่งพรูถาโถมใส่กัน กลับหาใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปยากจะตรวจจับถึงได้
เฉพาะเวลาเช่นนี้คงจะเป็นเซียถงที่ประหลาดใจยิ่งกว่าใครๆ ความจริงแล้วเซี่ยเสวี่ยเหลียนไม่เคยเสียสติเป็นบ้ามาก่อน? แล้วไฉนจู่ๆนางถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? และยิ่งไปกว่านั้นคือ ตั้งแต่แรกเริ่มที่นางปรากฏกายออกมาจวบจนตอนนี้ ไยนางถึงสามารถปลดปล่อยรัศมีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นขนาดนี้ออกมาได้? พินิจจากลักษณะกลิ่นอายลมปราณ นางกลายมาเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นสูงแล้วจริงๆ? แต่นี่จะเป็นไปได้ยังไง? สามารถทะลวงได้ถึงขอบเขตพลังนี้ได้ภายในเดือนเดียว?
เวลานั้นเอง ทันใดนั้นเสี่ยวฮั่วก็รีบเอ่ยขึ้นผ่านห้วงความคิดของเซียถงว่า
“นายท่าน อย่าให้มันได้สัมผัสเลือดโดยเด็ดขาด!”
“เพราะเหตุใดรึ?”
ถึงเซียถงจะเอ่ยถามออกไปแบบนั้น แต่ภายในใจของนางพอที่จะคาดเดาได้แล้ว ความเป็นไปได้เดียวที่จะสามารถทำให้เซี่ยเสวี่ยเหลียนยกระดับพลังลมปราณได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาอันสั้นคือ อีกฝ่ายจะต้องฝึกปรือวรยุทธ์นอกรีตบางอย่างมาแน่นอน กระนั้นเอง พอกล่าวถึงเรื่องศาสตร์วิชานอกรีตจำพวกนี้ กลับทำให้เซียถงพลันนึกถึงใครคนหนึ่ง เย่หลีเทียน!
เซียถงเร่งเร้ากระแสลมปราณในกายจนถึงขีดสุด ร่างทั้งร่างอาบชโลมไปด้วยคลื่นพลังสีสันม่วงบริสุทธิ์ทะลักทลายไม่หยุดหย่อน ด้วยฝ่ามือแรงอัดลมปราณเมื่อครู่ ทำให้เซี่ยเสวี่ยเหลียนเสียการทรงตัวฉับพลัน ไม่สามารถพุ่งตัวเข้าหาไป๋หลี่หานได้อีกต่อไป และดิ่งพสุธาอัดกระแทกพื้น ณ จุดหนึ่งจนกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ตามมาด้วยเศษดินเศษละอองฝุ่นที่ฟุ้งตลบไปทั่ว
ถึงแม้เซี่ยเสวี่ยเหลียนในปัจจุบันจะมีขอบเขตพลังสูงถึงราชันย์ม่วงชั้นสูงแล้วก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้จริงที่ห่างชั้นกว่ามาก จึงยังทำให้นางเสียเปรียบเซียถงอยู่หลายส่วน และช่องโหว่ที่เห็นชัดที่สุดคือ เมื่อต่อสู้ไปสักระยะหนึ่ง เซี่ยเสวี่ยเหลียนจำเป็นจะต้องใช้เวลาหนึ่งเพื่อหยุดพัก แตกต่างจากเซียถงที่ไม่ต้องการเวลาเหล่านั้นเลยก็สามารถสู้ต่อได้
เห็นว่าเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่กำลังลอบพักฟื้นตัวอยู่ใต้ก้นหลุม เซียถงจึงย่างสามขุมเข้าไปใกล้อละยกฝ่ามือเตรียมจะซัดใส่เป็นคำรบสอง
เซี่ยเสวี่ยเหลียนคล้ายกับว่ากำลังจะสิ้นท่าแล้ว นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวเองออกให้พ้นจากก้นหลุม ตีฝ่าเท้าร่นถอยกะทันหันเกินไป จึงทำให้คู่ขาของนางพันเกี่ยวกันเป็นผลให้สะดุดเท้าตัวเองและกำลังจะล้ม ร่างอรชรสาวของนางล้มพับลงในอ้อมแขนของขุนนางอี้เฉิงคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นพอดิบพอดี และขุนนางคนนั้นเองก็ไม่เคยล่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนในชีวิต เมื่อร่างของศัตรูล้มพับในอ้อมอกจึงเกิดอาการรนหนัก มือไม้การเคลื่อนไหวดูเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไปหมด จังหวะนั้นเอง เรียวขายาวดุจหยกขาวของเซี่ยเสวี่ยนเหลียนก็เข้าพัลวันเกี่ยวกับคู่ขาอีกฝ่ายจนสะดุดล้มไปกับพื้นทั้งคู่ ศีรษะของขุนนางคนนั้นกระแทกพื้นอย่างแรงจนแตกเป็นธารเลือดไหลเอ่อนอง เห็นแบบนั้น จู่ๆเซี่ยเสวี่ยเหลียนก็เงยหน้าขึ้นสบสายตามองพร้อมส่งรอยยิ้มแปลกๆให้เซียถงพลัน
จากนั้น นางก็อ้าปากฉีกกว้าง เผยให้เห็นคมเขี้ยวยาวผิดมนุษย์งอกขึ้นมาและเฉาะกัดเข้าใส่บริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่บนคอของขุนนางคนนั้นทันที! เลือดสีแดงสดกระฉูดพุ่งเข้าเต็มปากเต็ม เซี่ยเสวี่ยเหลียนสูบเลือดดื่มด่ำด้วยความหิวกระหาย
ทุกคนต่างเห็นภาพฉากดูดเลือดอันบ้าคลั่งต่อหน้าตา แต่ละคนต่างขนลุกซู่วด้วยความสยดสยองสะเทือนขวัญ!
แน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามคาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน การที่รากฐานพลังลมปราณของเซี่ยเสวี่ยเหลียนถูกยกระดับได้อย่างก้าวกระโดดภายในเวลาอันสั้น ทั้งหมดล้วนเกิดจากวรยุทธ์วิชานอกรีต! และดูจากพฤติกรรมของนางที่ต้องค่อยดูดเลือดผู้คนแล้ว บางทีนี่อาจเป็นวิชาเดียวกับของเย่หลีเทียน!
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่ยังฝังเขี้ยวสูบเลือดอย่าบ้าคลั่ง คนพวกนี้ถึงกับรับไม่ได้แทบอาเจียนออกมา
“นายท่าน! ระวังตัวให้ดี!”
เสี่ยวฮั่วกล่าวเตือนว่า
“นี่เป็นหนึ่งในวรยุทธ์นอกรีตที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ยุคบรรพกาล วรยุทธ์ชุดวิวาห์มารโลหิต! ผลข้างเคียงของวรยุทธ์นอกรีตชนิดนี้รุนแรงกว่าวรยุทธ์เก้าราตรีของเย่หลีเทียนมากนัก มันจะกระตุ้นให้ผู้ฝึกปรือหิวกระหายในเลือดมนุษย์ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้สูบเลือดเนื้อของผู้อื่นมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง แต่อย่างไร ผู้ฝึกปรือวรยุทธ์ชนิดนี้ล้วนมีอายุขัยสั้นนัก เพราะตัววิชาจะค่อยๆกลืนกินพลังชีวิตจากภายในจนกว่าจะสิ้นใจตาย! ท่านลองมองใบหน้าของนางดีๆ!”
ขณะที่เสี่ยวฮั้วว่ากล่าว เซียถงก็เงยหน้ามองเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่กำลังกระดกกลืนเลือดสดจนอาบแดงทั่วบริเวณปาก และหากมุ่งสังเกตให้ละเอียดขึ้นจะปรากฏอักขระแปลกพิกลขึ้นตามใบหน้าของเซี่ยเสวี่ยเหลียนมากมายจนดูน่าขยะแขยง และผิวแก้มก็ยังเริ่มแห้งผาดจนเกิดเป็นรอยแตก
“อันที่จริงแล้ว วรยุทธ์ชนิดนี้ยังมีวิธีทำยืดอายุขัยของผู้ฝึกปรืออยู่ นั่นก็คือ ผู้ฝึกปรือจำเป็นจะต้องดูดเลือดจากสาวพรหมจารีเท่านั้น และยังต้องใช้ผลึกวิญญาณบริสุทธิ์มาเป็นตัวช่วยเพื่อคงรักษาสภาพร่างกายให้เสถียรอยู่ตลอดเวลา แต่ดูนางตอนนี้สิ ดูท่าจะหาได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลย วันๆคงเอาแต่ดูดเลือดคนมั่วซั่วไปทั่วหวังแต่จะยกระดับความแข็งแกร่งตัวเองเท่านั้น ฟังว่า ยิ่งดูดเลือดของยอดฝีมือที่เก่งมากเท่าไหร่ รากฐานพลังลมปราณก็จะสูงขึ้นตามเหยื่อมากขึ้นเท่านั้น แม้จะดูเป็นทางลัดสำหรับผู้ปรารถนาที่จะแข็งแกร่ง แต่นี่ย่อมมีค่าใช้จ่ายครั้งมหาศาล เพราะขุมพลังอันไร้เทียมทานจักต้องแลกมาด้วยชีวิต!”