ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 589 สองเส้นทางที่แยกห่าง (1)
ตอนที่589 สองเส้นทางที่แยกห่าง (1)
ตอนที่589 สองเส้นทางที่แยกห่าง (1)
ตลอดการเดินทางนี้มีแต่สุ้มเสียงบ่นของหลิวซูไม่หยุดปาก เสี่ยวฮั่วชักจะเริ่มรำคาญขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายทนไม่ไหว โดยไม่รอให้หลิวซูพูดจบเสียด้วยซ้ำ มันแผดเสียงคำรามใส่หลิวซูไปคำโต ลมร้อนจากช่องปากกิเลนเป่าเกล็ดน้ำแข็งที่ติดตามพวยผมสลวยยาวสีเงินของหลิวซูจะละลายหายไปในทันที ส่วนใบหน้าของหลิวซูนั้นเปียกแฉะมีแต่น้ำลายของกิเลน
เสี่ยวฮั่วเห็นดังนั้นพลันยิ้มปรี่อย่างสุขใจยิ่งนัก จากนั้นก็สะบัดร่างอีกฝ่ายบนแผ่นหลังจนกระเด็นหน้าจิ้มลงบนพื้นหิมะชั้นหนา ใบหน้าทั้งแผ่นของหลิวซูจับตัวกลายเป็นน้ำแข็งทันทีลากยาวไปยังเส้นผม ดูแล้วก็ราวกับมีก้อนน้ำแข็งครอบทั้งหัวอยู่
หลิวซูโกรธจัดที่โดนเสี่ยวฮั่วเล่นใส่ขนาดนี้ จึงสับตีนแตกวิ่งไล่กรวดด้วยความโมโห จวนจะไล่ติดตามมาทันแล้ว ใครหรือจะไปคาดคิด จู่ๆเสี่ยวฮั่วจะหยุดฝีเท้ากะทันหัน ทำเอามันเสียการทรงตัวชั่วขณะ ร่างไถลออกไปตรงหน้า แต่ที่ทุกอย่างจะเกินควบคุม ชั่วพริบตาสุดท้าย มันยังเอื้อมไปคว้าแผงคอกิเลนบากติดมือมาด้วย
ทั้งสองพากันกลิ้งลงมาจากเนินเขาสูงทั้งแบบนั้น!
ตกกระแทกลงมาจากที่สูงฉับพลัน ทำให้น้ำแข็งก้อนใหญ่ที่แช่เคลือบอยู่บนใบหน้าของหลิวซูแตกเป็นเสี่ยงโดยพลัน หลิวซูมุดออกจากกองหิมะที่ถล่มลงมาพร้อมกันได้สำเร็จ และขณะเดียวกันก็กำลังจะเดินไปหาเรื่องเสี่ยวฮั่วต่อด้วยความหงุดหงิด แต่ทันใดนั้น มันก็สังเกตเห็นว่า เสี่ยวฮั่วในยามนี้ตาเป็นประกายแพรวพราวดเสียเหลือเกิน และกำลังจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อเคลื่อนสายตาติดตามเสี่ยวฮั่วไป หลิวซูก็เห็นต้นโสมเหมันต์นิรันดร์ที่กำลังเบ่งบานอยู่บนไหล่เขา
ตลอดเดือนที่ผ่านมา อุตส่าห์ช่วยกันเสาะหาเลือดตาแทบกระเด็นกลับไม่เจอ แต่ตอนนี้ดันบังเอิญเสาะพบหน้าตาเฉย!
หลิวซูและเสี่ยวฮั่วรีบวิ่งไปช่วยกันเก็บโสมเหมันต์นิรันดร์ต้นนั้นมาโดยไว ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าเนื้อไหมอย่างดี จากนั้นก็รีบบึ่งจากไป
สถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาที่อยู่ทางตอนเหนือสุดถัดจากดินแดนอี้เฉิงไปอีก ทั้งยังเป็นหุบเขาที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในทวีปเทียนหลาน สถานที่แห่งมีลมพายุหิมะโหมกระหน่ำตลอดทั้งปี เว้นเสียแต่บรรดาชาวบ้านที่ต้องการเสาะหาต้นโสมเหมันต์นิรันดร์และสมุนไพรธาตุน้ำแข็งชนิดอื่นๆ ย่อมไม่มีผู้ใดปรารถนาจะย่างกรายเข้ามาหุบเขาแห่งนี้
อย่างไร ภายในถ้ำแห่งหนึ่งปากทางขึ้นหุบเขาหิมะแห่งนี้ซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่อาศัย ที่นั่นเซียถงได้บูรณะจุดคบไฟทำเป็นสถานที่หลบภัยชั่วคราว เพียงเซียถงโบกมืออย่างแผ่วเบาทีหนึ่ง ก็มีดวงไฟสีทองอร่ามร่ายระบำลุกฮือขึ้นบนฝ่ามือ ยามที่เพลิงพิภพเก้าดุษณีถูกจุดบนคบเพลิง ก็สามารถทำให้ทั่วทั้งถ้ำแห่งนี้อุ่นขึ้นได้ทันที
แม้ว่าจะมีเพลิงพิภพเก้าดุษณีคอยช่วยประคับประคองให้ที่แห่งนี้อยู่ได้ก็ตาม แต่ที่นี่ก็ยังเป็นหุบเขาที่มีพายุหิมะตลอดทั้งปี อุณหภูมิที่นี่เหน็บหนาวทะลุเกณฑ์ที่มนุษย์ทั่วไปจะทานทนได้ไหว เซี่ยถงห่มเสื้อคลุมขนสัตว์กระชับกอดเอาไว้แน่น ถึงแบบนั้นก็ไม่สามารถต้านทานอาการสั่นเทาของร่างกายเอาไว้ได้ โดยเฉพาะกับบาดแผลบนกลางหลังที่ยามนี้ปวดระทมเป็นพิเศษ
บาดแผลบนแผ่นหลังของนางยังคงไม่หายไปไหน สิ่งนี้เกิดจากตอนที่กระโดดเข้าขวางคมมีดบินเพื่อช่วยไป๋หลี่หาน เนื่องด้วยคมมีดเล่มนั้นฉาบยาพิษชนิดรุนแรง และยังเป็นปริมาณที่มากเกินกว่าที่เพลิงพิภพเก้าดุษณีจะช่วยล้างชำระให้หมดจดได้ ต่อให้เป็นเสี่ยวฮั่วเองก็ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เช่นกัน ส่งผลให้บนแผ่งหลังของเซียถงยังมีรอยแผลเป็นจากมันมิอาจลบเลือน
จนถึงทุกวันนี้ พวกนางก็พยายามเร่งเสาะหาสมุนไพรที่พอหาได้ สำหรับใช้รักษาบาดแผลจากพิษนี้ให้หายขาด และนี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ต้องถ่อมาถึงหุบเขาทางตอนเหนือสุดที่นี่ ทั้งหมดก็เพื่อเสาะหาสมุนไพรธาตุน้ำแข็งที่อุดมไปด้วยสรรพคุณมหัศจรรย์ โสมเหมันต์นิรันดร์!
ระหว่างที่รอเสี่ยวฮั่วกับหลิวซูกลับมา เซียถงลงมือต้มชาร้อนในเตาหลอมกลั่นโอสถไปพลาง ชักขึ้นมาถ้วยหนึ่งยกขึ้นริมจิบเบาๆ จี้จี้เห็นไอร้อนระเหยออกมาจากถ้วยนั้นก็พลันสนใจ กระโดดขึ้นมาเกาะไหล่ของนาง ส่งสายตามองเป็นประกาย และทันใดนั้น มันก็กระโจนลงไปแช่อย่างสบายอารมณ์!
เจ้าจิ้งจอกน้อยขนปุยตนนี้มักซนอยู่เสมอจริงๆ
เซียถงระบายยิ้มอ่อนทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปหยิบถ้วยใหม่ขึ้นมาตักชามาซดดื่ม ปล่อยให้จี้จี้นอนแช่น้ำชาร้อนอยู่ในถ้วยนั้นต่อไป
ไม่นานเกินรอ เสียงฝีเท้าจากด้านนอกพลันดังขึ้น และเมื่อเซียถงเหลียวศีรษะเคลื่อนมอง ก็เห็นว่าเป็นหลิวซูกับเสี่ยวฮั่วที่เดินปรี่เข้ามาภายในถ้ำ ใบหน้าประดับรอยยิ้มสุดใจนัก พร้อมกับบางสิ่งบางอย่างในอ้อมแขนที่ทั้งสองช่วยประคองถือมาอย่างระมัดระวัง
เห็นว่าเซียถงต้มชาไว้รออยู่แล้ว เสี่ยวฮั่วจึงวานให้หลิวซูคลี่ผ้าเช็ดหน้า หยิบโสมเหมันต์นิรันดร์ต้นนั้นใส่ลงไปในน้ำต้มเดือด
“นั่นแหละถูกต้อง สิ่งนี้จำต้องแช่อยู่ในน้ำเดือดก่อนสักพัก จึงจะสามารถนำมันมาใช้หลอมกลั่นโอสถได้ ด้วยสรรพคุณของโสมเหมันต์นิรันดร์ชนิดนี้ ร่างกายของนายท่านจะมีภูมิต้านทานต่อพิษมากขึ้นเป็นทวี กล่าวคือ พิษที่ตกค้างอยู่จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อท่านได้อีก! หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเราจะได้ออกไปจากดินแดนเยือกแข็งแห่งนี้เสียที!”
ต้นโสมเหมันต์นิรันดร์ค่อยๆถูกน้ำชาเดือดในเตาหลอมละลายขัดกลั่นอย่างแช่มช้า จนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงแกนโสมที่ใสบริสุทธิ์ดุจแท่งมณีสีฟ้าคราม
ในคราวนี้เสี่ยวฮั่วมิได้อนุญาตให้เซียถงหลอมกลั่นเอง หลังจากที่มันปลุกความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมาได้ นั่นก็รวมไปถึงความสามารถบนเส้นทางแห่งโอสถทั้งหมด กล่าวคือ เสี่ยวฮั่วในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากจักรพรรดิโอสถอีกคน ที่มีประสบการณ์และความรู้เหนือกว่าเซียถงมาก
เสี่ยวฮั่วสั่งให้หลิวซูยกเตาหลอมกลั่นออกไป และออกโรงหลอมกลั่นด้วยตัวเองทันที…
แสงจันทร์สว่างส่องทะลุม่านเมฆามหลายสิ้นสูญ ประกายสีนวลฉายปกคลุมไปทั่วสวนหลังบ้าน ทอดจรัสผ่านกิ่งก้านพฤกษากลายเป็นเงาละมุนบดบังเบื้องล่าง แสงสว่างและเงามิดตัดกันได้อย่างวิจิตรประณีต มีเสน่ห์ในแบบของมันเฉพาะตัว
ไป๋หลี่หานผลักประตูไม้ออกไป ก่อนพบว่าตนเองกำลังอยู่ในบ้านกระท่อมแห่งหนึ่งที่แสนจะธรรมดา และเมื่อก้าวเดินออกไป ก็ปรากฏลานกว้างที่มีบุปผาบานสะพรั่งคณานับ
ภายในนั้นยังปรากฏเงาร่างอรชรสีขาวสายหนึ่งยืนรับลมยามราตรีอยู่
ไป๋หลี่หานเพ่งสายตาจับจ้องเข้าไปใกล้ๆ ก่อนพบว่า นางคือใครคนนั้นที่แสนคุ้นเคย
ผมสีดำขลับดุจน้ำหมึกยาวสลวยทอดยาวมาอยู่รวมกันข้างหนึ่ง และอิสตรีนางนั้นสวมแพรพรรณชั้นบางหลุดหลวมคล้ายสามารถปลดเปลื้องออกได้ทุกเวลา เรียวแขนยาวเนียนนุ่มสีขาวผ่องประดุจแสงจันทร์เผยแสดงให้เห็นออกมา
เมื่อนางหันหน้ามาพบไป๋หลี่หาน ก็ส่งยิ้มที่แสนงดงามเกินพรรณนามอบให้!
ไป๋หลี่หานเดินตรงไปหานาง เข้าสวมกอดกับนางอย่างแน่บแน่น ทันใดนั้นเสียงอรชรนุ่มนวลในอ้อมแขนของเขาก็ดังขึ้นว่า
“ไฉนบอกว่าไปไม่นานไง? แถมยังขโมยเสื้อผ้าของข้าไปอีก! ทิ้งกันอยู่บนต้นไม้เช่นนี้ไม่กลัวข้าหนาวตายรึ?”
เผชิญพบกับความงอแงของนาง ไป๋หลี่หานอดยิ้มมิได้ ก่อนจะเอนตัวประกบจูบกับนาง
แต่ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงกระแสความเจ็บแปลบที่แล่นผ่านบริเวณทรวงอกอย่างรุนแรง ต่อมากลายเป็นกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่วช่องปาก ด้วยความประหลาดใจนั้น เขาจึงถอดถอนใบหน้าห่างออกมา ทันใดนนั้นพลันต้องตกตะลึง สิ่งที่เห็นคือ คมมีดสั้นเล่มหนึ่งที่เสียบคาอยู่กลางทรวงอก และนั่นเป็นฝีมือจากคนในอ้อมแขนของเขาเอง ทันทีที่มองย้อนกลับไปหานาง ใบหน้าของหญิงสาวนางนั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นผีน่ากลัวตนหนึ่ง พร้อมกับคายเลือดสดทะลักล้นจากปากออกมา!
เสี้ยวพริบตานั้น ไป๋หลี่หานใจร่วงตกไปยังตาตุ่ม สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาจากเตียง
“เซียถง! เซียถง! เจ้าเป็นอะไรไป! อย่าแกล้งให้ข้าตกใจสิ!!”
ไป๋หลี่หานโพล่งตาโตเบิกกว้าง ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เหงื่อเย็นชุ่มชโลมจนเปียกโซก
ปรากฏว่าเป็นความฝัน! แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในนั้นกลับชัดเจนเสียเหลือเกิน! แม้แต่ใบหน้าของเซียถงที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นผีก็ยังดูน่ากลัวสมจริงยิ่งนัก!
แทบจะในทันใด ก็มีเสียงร้องตะโกนของโม่ซวนดังขึ้นจากข้างเตียง
“นายท่าน! ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว! ขอบคุณสวรรค์!!”
โม่ซวนตื้นตันจนแทบอยากจะร้องไห้ กระทั่งปลายเสียงยังสั่นเครือเกินจะควบคุม