ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 59 ปะทะไป๋หลี่หาน (1)
ตอนที่59 ปะทะไป๋หลี่หาน (1)
เอื้อมมือออกไปคว้ากาน้ำชาอันนั้นที่อยู่ในมือของสาวรับใช้ในวังคนนั้นขึ้นมา เอนตัวใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นเล็กน้อย ภายในกลิ่นชาอ่อนๆ คล้ายว่ามีกลิ่นคาวเจือผสมอยู่บาง เซียถงเงยหน้าขึ้นมองสาวรับใช้เบื้องหน้า เอ่ยถามด้วยวาจาแสนนุ่มนวลขึ้นว่า
“ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้?”
ใบหน้าอันบอบบางของสาวรับใช้ในวังแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวลงในทันใด แต่นายังคงข่มกลั้นความตื่นตระหนก ปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เอ่ยถามขึ้นว่า
“เอ๊ะ? คุณหนูเซียหมายความว่าอย่างไรรึเจ้าค่ะ? หากคุณหนูเซียยังไม่พอใจกับชาในกาใบนี้ เช่นนั้นบ่าวจะรีบนำไปเปลี่ยนให้ใหม่เจ้าค่ะ”
กล่าวจบ นางก็รีบเหยียดมือไปทางกาน้ำชาที่เซียถงกำลังถืออยู่ และพยายามแย่งเอาคืน
แต่ไม่ว่าสาวรับใช้นางนั้นจะออกแรงดึงมากแค่ไหน กาน้ำชาในมือเซียถงกลับไม่แม้แต่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด สีหน้าแววตายังคงยิ้มแย้ม เซียถงกล่าวต่อว่า
“ข้าจะถามอีกครั้ง ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้? เมื่อครู่เจ้าเองก็เห็นว่าทัศนคติของฝ่าบาทที่มีต่อข้าดีมากน้อยเพียงใด และหากข้านำกาน้ำชาใบนี้ไปมอบแก่ฝ่าบาท และพบว่าภายในนี้มียาพิษ ต่อให้เจ้ามีสิบหัวเกรงว่าก็ยังไม่พอให้ตัดทิ้ง”
กล่าวมาถึงจุดนี้ เซียถงโน้มตัวเข้าใกล้สาวรับใช้นางนั้น กระซิบข้างหูพร้อมกับรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มอีกต่อไปว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัวตาย แต่ก่อนที่นำเจ้าไปประหาร ข้าจะให้เจ้าเห็นคนในครอบครัวของเจ้า ค่อยๆ ถูกทรมานจนตายไปทีละคนอย่างช้าๆ งานประหารในวันนั้นคงมีสีสันขึ้นมิใช่น้อยเลยกระมัง?”
รอยยิ้มยังคงประดับประดาบนใบหน้าของเซียถงคงเดิม ราวกับว่าสิ่งที่กล่าวไปเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
ถึงแบบนั้นไม่ว่าใครต่างก็สัมผัสได้ ถึงไอเย็นเยียบที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนาง เสมือนกับว่าสามารถแช่แข็งใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีสิบฉื่อได้ในพริบตา
สาวรับใช้นางนั้นถึงกับทรุดตัวลงทั้งน้ำตา ลงกับพื้น ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเซียถง นางถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวหนัก มือทั้งสองข้างบีบชายกระโปรงแน่นแทบฉีก ริมฝีปากขบกัด และยังคงเลือกที่จะปิดปากแน่นไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่า มีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้จริงๆ และแน่นอน นางขอตายดีกว่าหากต้องทรยศอีกฝ่าย แต่พอได้ยินเซียถงกลับถึงคนในครอบครัว นางเองก็ถึงกับไปไม่เป็นเช่นกัน…
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะนำชากานี้มอบให้แก่ฝ่าบาท”
เซียถงยกกาน้ำชาในมือขึ้นมองลอดผ่านแสงตะวัน ก่อนจะเหลือบหางตามองสาวรับใช้นางนั้นที่นั่งขดตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ก้าวแช่มเดินจากโถงพระคลัง ไปยังท้องพระโรงทันที
แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน จู่ๆ ก็มีแส้สีดำพวยพุ่งเข้าโจมตีจากทิศทางใดมิทราบ เซียถงเหลียวศีรษะเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงออกไปเล็กน้อย พร้อมกาน้ำชาในมือที่ยังถือได้นิ่ง ไม่มีสั่นคลอน พอหันไปมองจากทิศทางของแส้ก็พบเข้ากับ ไป๋หลี่อวี๋อิง ที่ทั้งสีหน้าแววตาพกพาความแค้นอาฆาตมาเต็มเปี่ยม
ไอเย็นยะเยือกแผดกว้าง ลามขึ้นมาเกาะทั่วร่างของเซียถง จิตสังหารสายหนึ่งเสมือนถูกยิงเข้าสู่กลางใจนาง
“ข้าเองที่วางยาพิษเจ้า ถึงบอกเสด็จพ่อไปก็เปล่าประโยชน์ คิดหรือว่า เสด็จพ่อจะกล้าลงโทษข้าเพียงเพื่อนังอัปลักษณ์อย่างเจ้า?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงยืนดักอยู่บริเวณหน้าโถงพระคลัง พร้อมกับแส้ยาวในมือ จับจ้องเซียถงด้วยสายตาและท่าทีอันสุดแสนหยิ่งผยองยิ่งยวด
ด้านหลังของนางก็คือ ไป๋หลี่เย่ในสภาพพันแผลทั่วทั้งร่างที่กำลังจ้องเซียถงตาเขม็ง สายตามืดทมิฬสุดจะอาฆาตแค้น วันนี้เขามาพร้อมทหารนับหลายร้อยนายที่กระชับจับดาบคาดเอวเอาไว้แน่นหนา ราวกับว่า ทันทีที่ฝ่ายเซียถงเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาก็พร้อมลงมือเช่นกัน และสุดท้ายนี้ ไป๋หลี่เย่ไม่เชื่อว่า นังอัปลักษณ์เพียงลำพังจะสามารถต้านรับกองทหารระดับเสาหลักเขียวนับหลายร้อยนายพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งปานใดก็ตาม
“องค์หญิงกล่าวถูกต้องแล้ว แทนที่จะมองหาสร้างเรื่องอันไร้สาระ ข้าขอตัวนำเห็ดหลินจือมรกตกลับจวนไปเสียโดยดี”
เซียถงระงับความโกรธลงได้โดยไว ระงับแรงกดดันทั้งหมดลง ส่งยิ้มให้ไป๋หลี่อิ๋งอวีให้ทีหนึ่ง พร้อมทั้งวางกาน้ำชาในมือลง หันหลังเดินเข้าไปรอในโถงพระคลังแทน ปล่อยไป๋หลี่อวี๋อิงและไป๋หลี่เย่ทิ้งไว้ให้ยืนตะลึงอยู่แบบนั้นไป
จุดประสงค์ของไป๋หลี่เย่ชัดเจนมาก เขาเพียงรอให้เซียถงลงมือก่อนเท่านั้น เพื่อที่จะหาข้ออ้าง สั่งการเหล่าทหารให้โจมตีนางสวนกลับไป แต่ใครจะไปทราบ เซียถงจะเลือกหันหลังกลับไป และไม่สนใจเรื่องยาพิษในกาน้ำชาของไป๋หลี่อวี๋อิงอีกเลย
“เซียถง มิใช่ว่าเจ้าหยิ่งผยองนักหรอกรึ? หรือเริ่มรู้สึกกลัวข้าบ้างแล้วในวันนี้?”
เซียถงยังคงเดินตรงเข้าไปในโถงพระคลังต่อไป ราวกับว่านางไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ขันทีเดินออกมาพร้อมเห็ดหลินจือมรกตพอดิบพอดี หลังจากได้มา เซียถงก็เก็บกล่องไม้ที่บรรจุเห็ดหลินจือมรกตลงไป พยักหน้าขอบคุณขันทีไปทีหนึ่ง และเดินจากโถงพระคลังไปพร้อมกับกล่อมไม้ในมือ ดูท่าทางอารมณ์ดี
“เซียถง! หรือเจ้าจะลืมเรื่องในวันนั้นที่เจ้าทำร้ายร่างกายข้าไปแล้ว?!”
ไป๋หลี่เย่รีบเร่งโบกมือ ส่งสัญญาณให้เหล่าทหารเข้าปิดล้อมเป็นวงกลม ไม่ให้เซียถงหนีไปไหนได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่ วันนี้เขาจะต้องลอกหนังเลาะกระดูกของนังอัปลักษณ์ตัวนี้ให้ได้เป็นอย่างน้อย ถึงฆ่าให้ตายไม่ได้ มันก็ต้องพิการนอนติดเตียง!
“เป็นองค์รัชทายาทเองมิใช่ที่ให้สัญญาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นบนสนามประลอง จะไม่ถือโทษเอาความกันภายหลัง? แต่วันนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเอง ถึงขั้นสั่งกำลังทหารเข้าปิดล้อมหวังจะแก้แค้นข้า คำสัญญาขององค์รัชทายาทในตอนนั้นคงเป็นเพียงคำผากลมกระมัง?”
เซียถงเหล่หางไปทางไป๋หลี่เย่ สีหน้าและแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรังเกียจ
“นังอัปลักษณ์พล่ามไร้สาระอันใด? องค์รัชทายาทผู้นี้เคยให้สัญญาเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด? เพื่อกำจัดเจ้าตัวอาชญากรรมร้ายเฉกเช่นเจ้า วันนี้ข้ามาในนามของความยุติธรรม ขอสัญญาต่อฟ้าดิน จักต้องจับเจ้าไปลงโทษทัณฑ์ให้จงได้!”
พอเซียถงจี้ใจดำใส่ไปทีหนึ่ง สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่พลันมืดครึ้มลงในทันใด ชี้หน้าใส่คำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“น่ารังเกียจสิ้นดี โกหกกันหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย อย่าคิดเพ้อฝันไปเสียเองว่า พอเสด็จพ่อใจดียิ้มแย้มต่อเจ้าเข้าหน่อย ก็ทำตัวลำพอง วางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่ว ขนาดที่ว่ากล้าลงมือทำร้ายเสด็จพี่กับข้าถึงเนื้อถึงตัว ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! วันนี้มีหรือที่เจ้าจะเดินออกจากวังหลวงได้โดยปลอดภัย!”
ตอนที่นางโดนเสด็จพ่อไล่กลับไป ระหว่างทางก็บังเอิญไปพบกับไป๋หลี่เย่เข้า โดยนางเองก็ได้ระบายความขับข้องใจทั้งหมดให้แก่พี่ชายของนางฟัง แต่ทันทีที่ไป๋หลี่เย่ได้ยินว่า เซียถงมายังวังหลวงแห่งนี้ เขาก็รีบยุยงให้นางแอบวางยาพิษใส่อีกฝ่ายทันที ในเมื่อเหยื่อเข้ามาเหยียบถึงถิ่นแล้ว จะปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดลอยไปได้อย่างไร? แม้ว่าพวกเขาสองพี่น้องจะถูกเสด็จพ่อดุ แต่เพื่อแลกกับการสั่งสอนบทเรียนแก่เซียถงแล้ว พวกเขาสองพี่น้องยอมด้วยความเต็มใจ
เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องคู่นี้ไม่คิดจะปล่อยนางไปจริงๆ ในวันนี้ เซียถงเองก็ไม่จำเป็นต้องเก็บงำจิตสังหารอีกต่อไป คลื่นไอเย็นยะเยือกแผดสะท้านออกไปทั่วรัศมีนับหลายสิบฉื่อ จับจ้องสองคนนั้นเสมือนคมมีด ในเมื่อต้องการกันเช่นนี้แล้ว ก็อย่าโทษว่านางหยาบคายเสียแล้วกัน
แต่ที่นี่เป็นวังหลวง? ไม่ ข้าไม่แม้แต่แลเหลียวสนใจอยู่แล้ว
หนึ่งความคิดเคลื่อนขยับ นางย่างสามขุมก้าวออกไปเบื้องหน้า จับจ้องมองทหารองครักษ์นายหนึ่งที่กำลังกระชับด้ามดาบชักขึ้นมาอยู่เบื้องหลังไป๋หลี่เย่ กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“ยั่วยุข้า แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ”
น้ำเสียงไม่เบาอ่อนหรือหนักอึ้ง แต่เร้นแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกจากเบื้องลึกสุดของขุมนรก
ทันทีที่สิ้นเสียง เซียถงระเบิดพลังสีครามฟ้าระห้ำ คลื่นกระแทกกวาดล้างสารทิศ เงาร่างแปรสภาพเป็นประกายแสงสายหนึ่ง ปราดเข้าโจมตีไป๋หลี่เย่ด้วยความเร็วสูงสุด ในอีกด้าน ไป๋หลี่เย่กลับไม่คิดไม่ฝันว่า นางจะโหมโรงเปิดฉากใส่ตนว่องไวปานนี้ ชั่วขณะต่อมา เขาถึงขั้นไม่ได้สติตอบสนองใดๆ ทำได้เพียงยืนจับจ้องเงาร่างของนางที่พุ่งเข้าใส่อย่างโง่งม
กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก! หลังจากจัดโค่นไป๋หลี่เย่ลงได้แล้ว คนอื่นๆ ก็จะทิ้งอาวุธร่นถอยกันไปเอง!
อย่างไรก็ตามแต่ ขณะที่เรียวนิ้วทั้งห้าของนางจะได้ตะปบใส่คอของไป๋หลี่เย่ ทันใดนั้นพลันปรากฏพายุโหมสายหนึ่งพัดผ่านขึ้นจากด้านหลังของนาง ข้อมือสีขาวผ่องถูกคว้าจับพันธนาการแน่นดั่งถูกคีมเหล็กจับ ปลายนิ้วสวยห่างจากลูกกระเดือกของไป๋หลี่เย่เพียงไม่ถึงครึ่งนิ้ว
น้ำเสียงชวนอบอุ่นแสนล้ำลึกดังขึ้นข้างหูของนาง
“ก็เคยบอกไปแล้ว สังหารองค์รัชทายาทมีโทษใหญ่หลวง”
จู่ๆ ก็เข้าจู่โจมองค์รัชทายาท ลงมือหวังฆ่าแกงกันภายในวังอย่างเปิดเผยเช่นนี้ นี่นางไปเอาความกล้าหาญปานนี้มาจากไหน?
เซียถงหันศีรษะขวับ ปะทะชนเข้ากับสายตาคู่ดำขลับเจือไอเย็นเยียบ สายตาคู่นั้นจับจ้องนางผ่านหน้ากากสีดำเงินสะท้อน ฉายแวววับเสมือนบ่อน้ำไร้ก้นบึ้ง