ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 590 สองเส้นทางที่แยกห่าง (2)
ตอนที่590 สองเส้นทางที่แยกห่าง (2)
ตอนที่590 สองเส้นทางที่แยกห่าง (2)
ไป๋หลี่หานพยายามเบิกตาให้กว้างโตยิ่งขึ้น ก่อนจะได้เห็นชัดแจ้ง ตนในเวลานี้กำลังนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าสีหน้าของโม่ซวนยังค่อนข้างออกซีด แต่อย่างไร สภาพจิตใจก็ยังร่าเริงสมบูรณ์ดี เขาถือผ้าขนหนูผืนหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งผ้าผืนนั้นเปียกชุ่มมีแต่เลือด
ไป๋หลี่หานรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่อมค้างอยู่ในปาก เช่นนั้นจึงคว้าผ้าขนหนูผืนนั้นมาและบ้วนทิ้งใส่ เป็นก้อนเลือดคาวสกปรกอยู่ในนั้น ปรากฏว่าผ้าขนหนูผืนนี้ที่โม่ซวนถืออยู่มีไว้ใช้สำหรับให้เขาคายเลือดพ่นออกมานี่เอง
โม่ซวนย่อมสัมผัสได้ถึงสายตาคู่นั้นของนายท่านที่มุ่งมอง เขารีบอธิบายอย่างรู้ทันโดยไว
“นายท่าน อวัยวะภายในของท่านบอบช้ำหนักมาก โชคยังดีนักที่ได้โอสถปราณสวรรค์ช่วยชีวิตเอาไว้ จึงทำให้ท่านมิได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงพ่วงติดตัวมาด้วย หมอกล่าวกับพวกเราว่า โอสถปราณสวรรค์เม็ดนี้เป็นของคุณภาพสูงลิ่ว สรรพคุณตัวยามหัศจรรย์พันลึก หากไม่ได้โอสถนี้ช่วยเอาไว้ เกรงว่าคง…”
กล่าวมาถึงจุดนี้ โม่ซวนพึงตระหนักได้ว่า ตนเองพูดมากเกินเหมาะสมไปแล้ว จึงเก็บคำพูดเหล่านั้นลงคอโดยไว เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ท่านเองก็ปลอดภัยดี ส่วนเลือดพวกนี้ที่บ้วนออกมาเป็นเลือดเสียที่คลั่งค้างเท่านั้น พักผ่อนให้เต็มที่อีกสักวันสองวันทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“ที่นื่ที่ไหน?”
ไป๋หลี่หานมองผ่านหน้าต่างบานหนึ่งที่มีสายลมกระโชกพัดผ่านเข้ามาเป็นจังหวะต่อเนื่อง พึงทราบทันทีตอนนี้เขาน่าจะนอนพักอยู่ในเกี้ยวรถม้า
โม่ซวนเดินไปเปิดม่านตรงบานหน้าต่างแช่มออก เผยให้เห็นทิวทัศน์หิมะสีขาวโพลนอยู่ภายนอก
“แหล่งกบดานลับกว่าหลายแห่งของเราถูกทำลายลง นายท่านเองก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนกำลังคนของเราโดยส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อแล้ว ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเราทุกคนมู่งสู่หุบเขาหิมะบนนี้”
ไป๋หลี่หานสูดหายใจแช่มลึกเข้าออกอยู่ทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มหลับตาลงอีกครั้ง มุ่งจิตสมาธิจมลงสู่ร่างกายของตนเอง เฝ้าสังเกตกระแสลมปราณที่ไหลเวียนโคจร ดูเหมือนว่าเส้นลมปราณทั้งหมดที่เคยบาดเจ็บเสียหายก่อนหน้านี้ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ทั้งยังสามารถลำเลียงได้คล่องตัวราบรื่นกว่าเดิมอีกด้วย! ต้องใช้เวลานั่งสมาธิปรับลมหายใจอีกสักหน่อย เชื่อว่าอาการบอบช้ำภายในน่าจะหายดีแน่นอนภายในไม่กี่วัน
“แล้วพวกเราหนีรอดออกมาได้เยี่ยงไร?!”
ถึงตอนนั้นสติสัมปชัญญะของไป๋หลี่หานจะเลือนรางปานใด แต่ก็ยังยากทจะหลงลืมโดยง่าย ตอนนั้นกลุ่มของพวกเขาโดนกองทัพตงหลี่จำนวนหนึ่งแสนนายที่นำโดยไป๋หลี่เย่เข้าปิดล้อม และภายใต้สถานการณ์ในตอนนั้นที่เสียเปรียบแทบทุกด้าน มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะบุกทะลวงฝ่าออกมาได้
ทว่าดูตอนนี้สิ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนยังสบายดีทั้งสิ้น!
โม่ซวนเหม่อมองไป๋หลี่หานอยู่เสียนาน ท่าทางลังเลที่จะเอ่ยกล่าวอธิบายต่อไป
“บอกมา! เกิดอะไรนขึ้นกันแน่!?”
“นายหญิงช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ขอรับ…”
จะมีก็เพียงโม่ซวนเท่านั้นที่ยังซื่อตรงต่อไป๋หลี่หาน และเชื่อว่าเซียถงหาใช่คนทรยศอย่างสนิทใจ
ถึงแม้ตอนนั้น โม่ซวนจะเป็นลมหมดสติไป แต่ภายหลังที่ตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ยินเหล่าผู้คนต่างเสวนาพูดคุยกันถึงทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น รวมไปถึงเรื่องกองทัพสัตว์อสูรของเซียถง และเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่สำแดงใช้วิชามารนอกรีตจนกลายเป็นปีศาจ
ได้ยินเช่นนั้น โม่ซวนรู้ได้ทันที เซียถงนี่แหละคือผู้ที่ช่วยชีวิตของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ แต่ถึงเป็นแบบนั้น เหล่าคณะขุนนางทั้งหลายกลับจงเกลียดจงชังเซียถงเข้ากระดูก ต่อให้เซียถงจะช่วยชีวิตพวกเขาหรือไป๋หลี่หานเอาไว้ ทว่าอย่างไร กลับไม่เคยคิดให้อภัยนางเลยแม้สักนิด
พอโม่ซวนลองจินตนาการนึกภาพตาม ถึงภาพฉากตอนที่คนพวกนั้นทอดทิ้งเซียถงเอาไว้ตามลำพังท่ามกลางเนินเขาหิมะที่มีแต่ซากศพ ก็เป็นเขาที่รู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าใครๆ และเขานี่แหละอยู่ใกล้ชิดกับเซียถงมากที่สุดในบรรดากลุ่มทหารและองครักษ์หน่วยเงา จึงย่อมรู้จักเซียถงดีที่สุดเช่นกัน
โม่ซวนหรือจะไม่เข้าใจ เซียถงที่ตอนนี้มีขุมพลังแห่งเทพพระเจ้าอย่างบัญชาสี่พิภพอยู่ในครอบครอง ย่อมตกเป็นเป้าของศัตรูรอบด้าน แต่ถึงแบบนั้น นางก็ยังตัดสินใจทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อมาช่วยเหลือพวกเขา อย่างการนำกองทัพสัตว์อสูรจำนวนคนานับเข้าปะทะกับกองทหารตงหลีที่มีจำนวนถึงหนึ่งแสนนายของไป๋หลี่เย่ เนื่องด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมาก ที่พวกคณะขุนนางปฏิบัติตัวเช่นนั้นต่อเซียถงในตอนสุดท้าย เพราะหากไม่มีนาง ปานนี้ทุกคนคงต้องตายเป็นวิญญาณเฝ้าเนินเขาแห่งนั้นไปแล้ว
ต่อมา หลังจากไป๋หลี่หานได้เข้ารับการวินิจฉัยโดยหมอ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ทุกคนได้ทราบว่า หากไม่มีโอสถปราณสวรรค์ของเซียถงช่วยเอาไว้ ปานนี้ราชาหมาป่าสวรรค์ของพวกเราคงสิ้นใจตายไปนานแล้ว ทันทีที่ทราบดังนั้น เหล่าคณะขุนนางถึงกับหน้าเสียกันถ้วนหน้า กระนั้นเอง ถึงแม้สิ่งนี้จะทำให้ความเกลียดชังของพวกเขาที่มีต่อเซียถงลดทอนลงไปหลายส่วน แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถทำใจให้อภัยนางได้อยู่ดี
โม่ซวนบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แก่ไป๋หลี่หานได้รับฟัง
ในขณะนี้เอง ไป๋หลี่หานถึงกับหน้าถอดสีซีดบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง!
“นายท่าน นายหญิงน่ะหาใช่คน…”
ไป๋หลี่หานเร่งยกมือขึ้นขัดจังหวะโม่ซวนฉับไว เอ่ยแทรกสวนขึ้นทันที
“ตอนนี้มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับนางบ้าง?”
“ฟังว่า ทางด้านเย่หลีเทียนจากจักรวรรดิต้าซิ่งเองก็กำลังส่งหน่วยข่าวกรองเสาะหาเบาะแสของนายหญิงอยู่เช่นกัน แต่กลับปราศจากร่องรอยใดๆ”
โม่ซวนดูเป็นกังวลอยู่เล็กน้อยที่ต้องเอ่ยกล่าวอะไรออกมาเช่นนี้ สักครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อว่า
“นายท่าน หรือเป็นไปได้ไหมว่านายหญิงจะ… ระ-หรือ…หรือให้ข้าน้อยนำกำลังคนของเราเข้าตรวจสอบดีกว่าหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น! นางจะต้องปลอดภัยดีแน่นอน! ข้าเชื่อว่าคนที่มีความสามารถรอบด้านเยี่ยงนาง…เซียถงไม่มีวันตายโดยง่าย!”
“แต่นายท่าน ที่ผ่านมาพวกเราเข้าใจในตัวนายหญิงผิดไป!”
โม่ซวนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ควรเป็นนายท่านของเขามิใช่รึที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ดีที่สุด? และในเมื่อรู้แล้วว่า ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไฉนเขายังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก? หากเป็นแต่ก่อน เขาคงเร่งออกตามหาเซียถงในทันที!
ไป๋หลี่หานหยุดทุกความสงสัยที่กังวานอยู่ในหัวของโม่ซวนเพียงการสบมอง ในฐานะองครักษ์หน่วยเงาคนสนิท โม่ซวนจำต้องเชื่อฟังคำสั่งและจงรักภักดีต่ออีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด กระทั่งความคิด คำพูดและการกระทำล้วนต้องอยู่ในกรอบทั้งสิ้น
ภายหลังที่โม่ซวนจากออกไป ไป๋หลี่หานก็แหงนหน้าผ่านบานหน้าต่างทองมอง พื้นที่ตลอดทุกบริเวณมีหิมะชั้นหนาสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุม ในตอนนี้พวกเขาได้มาถึงยอดเขาหิมะลูกนี้แล้ว สถานที่แห่งนี้คือ หุบเขาจ้าวอาชา เป็นปราการด่านสุดท้ายที่ไป๋หลี่หานมีอยู่ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกปรือเหล่าองครักษ์หน่วยเงาของเขา กล่าวคือ หากต้องการบูรณะฟื้นฟูกองกำลังขึ้นมาใหม่ ที่นี่ถือได้ว่าเหมาะสมที่สุด!
ถึงแม้ตอนนี้ไป๋หลี่หานจะได้ค้นพบความจริงแล้วว่า ตนเองเข้าใจเซียถงผิดไป แต่อย่างไร เจ้าตัวก็ไม่สามารถลบเลือนภาพฉากการตายของท่านแม่ตนเองได้เช่นกัน รวมไปถึงบ้านเมืองอี้เฉิงที่ต้องลุกเป็นไฟ! ทั้งยังมีประชาชนและทหารอีกนับไม่ถ้วนที่ต้องสังเวยชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนี้!
แน่นอนว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหาใช่ฝีมือของเซียถง แต่ด้วยนิสัยที่ชอบปิดบังเรื่องบางเรื่องไม่ยอมชี้แจงออกมาของนาง ก็มิอาจปฏิเสธได้เลยว่า มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่มากก็น้อย ไป๋หลี่หานเก็บงำความเคียดแค้นทั้งหมดไว้ในใจ และนั่นหาใช่สำหรับเซียถง แต่คือเย่หลีเทียน ผู้เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด!
“เซียถง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี แล้วสักวันหนึ่งเมื่อข้ามีทุกอย่างพร้อมอีกครั้ง วันนั้นข้าจะไปหาเจ้าเอง!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็ยกมือขึ้นปิดม่านรถม้าในทันใด
คณะเดินทางของไป๋หลี่หานมุ่งหน้าตรงสู่หุบเขาจ้าวอาชา ซึ่งเป็นสถานที่ลับสุดยอดและยังเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่
อีกหนึ่งชั่วยามต่อมา…
เซียถง เสี่ยวฮั่วและหลิวซูเองก็ปรากฏตัวบนหุบเขาแห่งนี้เช่นกัน ทั้งยังเดินข้ามผ่านเส้นทางที่คณะเดินทางของไป๋หลี่ห่านเคยผ่านมาก่อน แต่เพียงว่าพวกนางกำลังลงเขา แตกต่างจากไป๋หลี่หานที่กำลังขึ้นเขา ทั้งสองต่างเลือกเส้นทางเดินที่สวนตัดกัน ราวกับเส้นทางชีวิตในปัจจุบันระหว่างพวกเขาได้แยกออกเป็นเอกเทศจากกันแล้ว…