ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 592 คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์
ตอนที่592 คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์
ตอนที่592 คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์
เซียถงยกมือขึ้นปรบมือชมเชยตัวเองทีหนึ่งเบาๆ กล่าวขึ้นว่า
“นั้นคือบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ห้า! มันถูกขนานนามว่าเป็นราชันเส้นประสาทแห่งความเจ็บปวด! ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์เหนือฟ้าไร้เทียมทานยังมิอาจทานทน!”
ทหารนายนั้นล้มตัวนอนกลิ้งโอดครวญอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส! ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดตัวเองออกจากห้วงแห่งความเจ็บปวดเหล่านี้ได้เลย จนท้ายที่สุด เขามิอาจทานทนได้ไหวอีกต่อไป จู่ๆพลันลุกกระโดดขึ้นกะทันหันและปรี่วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง บรรดาฝูงชนทั้งหลายรีบถอยกรูแยกย้ายไปคนละทิศละทาง แต่โชคร้ายนัก เพราะจู่ๆก็มีรถม้าจากไหนมิทราบพุ่งเข้ามาชนใส่พอดี เสียงปะทะดังโครมคราม ปรากฏรอยแผลขนาดใหญ่บนหน้าผากของทหารนายนั้น พร้อมกับธารเลือดสดที่ไหลนองพื้น พริบตานั้นเขาก็สลบมอดไป
สีหน้าของทหารนายนั้นดูสงบลงมากภายหลังที่หมดสติไป
เสี่ยวฮั่วเห็นดังนั้นก็ปั้นหน้ามุ่ย
“นี่ยังเบาเกินไปสำหรับมัน!”
แต่เซียถงกลับหาได้สนใจเลย สายตาคู่สวยมุ่งแต่จับจ้องไปที่รถม้าคันดังกล่าวด้วยความแปลกใจ
เนื่องจากเกิดเหตุชนกันอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ม้าอาชาที่ใช้ลากเกี้ยวเองพลันตื่นตระหนกตกใจเช่นกัน พวกมันสองตนยกคู่เท้าหน้าชูขึ้นฟ้ากะทันหัน คนควบคุมรถม้ารีบกระชากบังเหียนอย่างแรง เร่งควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว แต่ถึงกระนั้นอาการตื่นตกใจของม้าก็ใช่ว่าจะหายไปโดยง่าย
หลังจากใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่ง ก็สามารถควบคุมได้ในที่สุด ทันใดนั้นม่านรถม้าถูกยกเปิดขึ้นพลัน ปรากฏเป็นศีรษะของหญิงสาวนางหนึ่งโผล่ออกมา เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”
เซียถงรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวนางนั้นในรถม้า!
คนควบคุมรถม้าชะโงกหน้ามองทหารนายนั้นที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นอยู่สักครู่ ก่อนจะหันมากล่าวรายงานกับหญิงสาวในรถม้าว่า
“บ่าวเองก็มิทราบเช่นกันขอรับ จู่ๆอีกฝ่ายก็วิ่งปรี่เข้ามาชนกับรถม้า ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ทำให้คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์ตกใจ”
โดยไม่สนใจอันใด หญิงสาวนางนั้นรีบกระโจนลงจากรถม้า ตรงเข้ามาสำรวจทหารนายนั้นที่นอนสลดมอดใกล้ๆ ทันทีที่เห็นประกายเข็มสีเงินสว่างวาบ ส่องสะท้อนออกมาจากช่วงระหว่างใบหน้าและใบหู นางก็เบิกตากว้างตื่นตกใจอยู่หลายส่วน
นางแสร้งมำเป็นยกมือยกไม้ขึ้นมาวินิจฉัยอาการ เสี้ยวพริบตาที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น ก็แอบดึงเข็มเงินเล่มนั้นลอบถอนออกจากหน้าของทหารนายนั้นทันที
นางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หันมากล่าวกับทหารนายอื่นๆที่อยู่รอบข้างว่า
“ไม่มีอะไรอันตรายหรอก ก็แค่เป็นลมทั่วไป พักผ่อนสักหน่อยก็หายแล้ว”
กลุ่มทหารเหล่านั้นชักมีน้ำโห ปรากฏว่ามีคนหนึ่งตบเท้าก้าวออกมาดุด่าใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดว่า
“นี่พวกเจ้าขับรถม้าประสาอะไร! ถึงชนคนอื่นไปทั่วเช่นนี้!”
หญิงสาวนางนั้นปราศจากทีท่าโต้ตอบใดๆ ระบายยิ้มบางส่งมอบทีหนึ่งและกล่าวตอบอย่างใจเย็นว่า
“ท่านเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย สหายของพวกท่านน่าจะถูกมดตะนอยกัดต่อยเข้า โชคยังดีนักที่ข้าพเจ้ามียาตลับหนึ่งเป็นขี้ผึ้งคุณภาพสูง หลังจากทาบริเวณแผลบวมจากแมลงกัดต่อย จะดีขึ้นเองในไม่ช้า ได้โปรดรับเอาไว้เถิด”
เมื่อกล่าวออกไปเช่นนั้น นางก็หยิบตลับยาขนาดเล็กอันหนึ่งที่เหน็บข้างเอวส่งให้
ทหารนายนั้นจากพิโรธเดือดดาลกลายมาปั้นหน้าฉงน ก่อนรับเอาไว้โดยที่ภายในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้ กลับไม่มีทางเลือกอื่นให้ตัดสินใจมากเช่นกัน จึงเปิดตลับขี้ผึ้งควักขึ้นมาทาบนใบหน้าของทหารนายนั้นที่เป็นลม และหลังจากนั้นไม่นาน อาการบวมแดงทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายก็ดีขึ้นทันตาเห็น
หญิงสาววานให้ทหารอีกนายไปหาน้ำหาท่ามาป้อนให้เขาดื่ม ภายหลังสักครู่ใหญ่ เขาก็ได้สติฟื้นขึ้นมา
ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงอยู่ระยะหนึ่ง กลุ่มทหารก็ช่วยกันประคองร่างสนับสนุนกันออกไป และหาได้เอาเรื่องเอาราวใดๆกับหญิงสาวนางนั้นอีก
คนขับรถม้าอดส่ายหัวพลางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขากล่าวกับหญิงสาวนางนั้นว่า
“คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์ นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว เราควรไปหาที่พักแรมก่อนจะดีกว่าขอรับ”
คุณหนูอิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าส่งมอบ กวาดสายตามองรอบข้างจนสะดุดตาเข้ากับโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง นางหันมากล่าวอะไรสักอย่างกับคนขับรถม้าอยู่คำสองคำ ก่อนโค้งคำนับให้อย่างสุภาพให้เกียรติและปีนเข้าไปอยู่ในรถม้าดังเดิม ซึ่งระหว่างที่เปิดม่านรถม้าอ้าออก ก็ยังสังเกตเห็นว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดผ้าไหมหรูหรานั่งโดยสารมาด้วยอีกคน
เสี่ยวฮั่วดวงตาโพล่งกว้างขึ้นทันควัน รีบกระตุกแขนเสื้อเซียถงเร่งเร้าไม่หยุดหย่อน
“นายท่าน! นั่นใช่อิ๋งเอ๋อร์รึเปล่า!?”
จวบจนตอนนี้สายตาคู่นั้นของเซียถงก็ยังมิได้ละจากหญิงสาวนางนั้นไปไหน
เซียถงเฝ้าสังเกตอย่างละเอียดจนไม่รู้จะยืนยันยังไงแล้ว ทั้งอากัปกิริยาทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวนางนั้น กระทั่งรอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้า มันล้วนเหมือนกับอิ๋งเอ๋อร์ที่นางรู้จักทุกประการ! เป็นอิ๋งเอ๋อร์ สาวรับใช้ผู้แสนภักดีต่อนางจริงๆ! ทว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ที่เดินทางมาพร้อมกับคุณชายผู้มั่งคั่ง! หรือเขาคนนี้จะเป็นสามีของนาง?
แรกเริ่มเดิมที อิ๋งเอ๋อร์เดินทางจากหุบเขาคุนหลุนไปพร้อมกับเซี่ยเสวี่ยเหลียน ในเวลาต่อมา เซียถงได้เผชิญหน้ากับเซี่ยเสวี่ยเหลียอีกครั้ง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายได้ฝึกปรือวรยุทธ์สายนอกรีต ซึ่งรูปแบบวิชายังคล้ายคลึงกับของเย่หลีเทียน ก่อนที่สุดท้ายจะถูกนางสังหารสิ้นใจตายกลางป่า อย่างไรก็ตามแต่ ทั้งหมดที่กล่าวมา กลับไม่มีข่าวคราวของอิ๋งเอ๋อร์เลย
เมื่อเห็นปรากฏตัวของหญิงสาวนางนี้ในปัจจุบัน เซียถงอดรู้สึกตื่นเต้นมิได้ แต่นั่นก็แฝงมาด้วยความกังวลที่เกินจะอธิบายได้เช่นกัน
อิ๋งเอฮ๋อร์กำลังเดินทางเข้าพักที่โรงเตี้ยมแห่งเดียวกัน พร้อมกับคุณชายผู้มั่งคั่งที่นั่งโดยสารในรถม้าด้วยกัน เซียถงรีบเหลียวหลังกลับมาทันที เดินเปิดประตูลงไปส่วนโถงชั้นล่างเพื่อลอบสังเกตการณ์ต่อไป
ณ ปัจจุบัน เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง ถัดไปจากอิ๋งเอ๋อร์ก็คือ คุณชายผู้มั่งคั่งคนนั้น แต่น่าเสียดายนักที่มิได้เห็นหน้าอีกฝ่าย เนื่องจากโดนคานไม้บดบังวิสัยทัศน์เอาไว้ อย่างไร อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมผ้าเนื้อบาง วงแขนเป็นแบบกว้าง ยามสายลมพัดผ่านเหล่านั้นมักปลิวไสวไปตาม เซียถงพยายามสุดกำลังหวังจะโน้มลงตัวสอดส่องให้เห็นใบหน้า แต่ท้ายที่สุดเห็นแค่ใบหน้าครึ่งล่าง ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มสวยงาม เจ้าตัวไว้ผมยาวสลวยสีดำขลับดุจน้ำหมึก ต่อให้ไม่เห็นหน้าก็พึงทราบได้ คุณชายคนนี้เป็นหนุ่มรูปหล่อ
หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในโถง เสี่ยวเอ๋อร์คนดีคนเดิมก็รีบปรี่ตรงเข้ามาต้อนรับอย่างอบอุ่น และเชิญให้ไปขึ้นพักในอาคารด้านในโรงเตี้ยม
เสี่ยวฮั่วสื่อจิตกล่าวผ่านห้วงความคิดของเซียถงว่า
“หรืออิ๋งเอ๋อร์จะความจำเสื่อม?”
คุณหนูผู้ร่ำรวยนางนี้ พึงทราบว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นสาวรับใช้ผู้แสนภักดีต่อนายท่านของมัน
เซียถงยังคงเฝ้ามองต่อไปอย่างเงียบเชียบ คุณชายคนนั้นมีรัศมีกลิ่นอายค่อนข้างแกร่งกล้า ทั้งนี้ในด้านหน้าตาและมารยาทยังถือว่าสอบผ่านทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างเหมาะสมกับอิ๋งเอ๋อร์แล้ว แต่อย่างไร อีกฝ่ายเป็นใครที่ไหน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าคราตาเสียที
นางเฝ้ามองตลอดทางจนท้ายที่สุด ทั้งสองคนนั้นก็เดินหันหลังตรงสู่อาคารด้านหลังโรงเตี้ยมไป เซียถงกับเสี่ยวฮั่วต่างมองหน้าสบตากันสักครู่ และเป็นเสี่ยวฮั่วที่ชิงเอ่ยขึ้นว่า
“นายท่านไม่ต้องห่วง! เรื่องนี้ปล่อยให้หลิวซูจัดการต่อเถอะ! หากกล่าวถึงทักษะด้านการปีนกำแพงและถ้ำมองชาวบ้านชาวช่อง มันนี่แหละระดับปรมาจารย์! ประสบการณ์แอบดูผู้หญิงอาบน้ำของมันมีเยอะ!”
เมื่อได้ยินเสี่ยวฮั่วกล่าวเหน็บแนมถึงตัวเอง หลิวซูที่ซึ่งนอนเกาก้นอยู่ในห้วงความคิดของเซียถงพลันสะดุ้งเฮือก ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าต่อตาทันที ขมวดคิ้วจ้องหน้าเสี่ยวฮั่วไม่มีลดละ สองมือเท้าสะเอวกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า
“ไอ้เด็กติดแม่ นี่เจ้าพูดว่าอันใด?!”
โดนพูดจาพาดพิงถึง หลิวซูย่อมต้องออกโรงทวงถามความเป็นธรรม แต่ทันทีที่กล่าวจบเท่านั้น สีหน้าท่าทางของมันก็แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที รีบยิ้มปรี่กล่าวกับเซียถงอย่างเริงร่าว่า
“เอาล่ะ! เอาล่ะ! ช่วยไม่ได้แหะ! เซียถง เจ้าวางใจข้าเถอะ ภารกิจนี้ข้าจะเป็นคนเสียสละออกโรงเอง!”
และในเวลาเดียวกัน ก็มีสุ้มเสียงของเสี่ยวเอ๋อร์ดังไล่หลังทั้งสองคนนั้นขึ้นอีกว่า
“ใช่แล้ว นายท่านทั้งสอง ทางเราเพิ่งอุ่นน้ำร้อนในอ่างไม้เสร็จพอดี พวกท่านสามารถใช้งานได้เลย!”
ยิ่งได้ฟังดังนั้น หลิวซูยิ่งอดใจรอไม่ไหวแล้ว
“นี่เป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งยวด รอช้าไม่ได้! เช่นนั้นขอตัวก่อน..โอ้ย! เจ็บ!! เซียถง เจ้าคิดหรือว่า ข้าอยากไปนัก? เหตุที่ต้องจำใจทำก็เพื่อตัวเจ้าทั้งนั้น หัดสำนึกบุณ…โอ้ย! โอ้ย! อย่ากระชากผมข้า!!”
เซียถงกำปอยผมสีเงินประกายของหลิวซูไว้แน่นในมือ ยามนี้ชักรู้สึกปวดเศียรขึ้นมาอย่างอดมิได้ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“เดี๋ยวเถอะ! จะไปทำอะไรกันแน่ห่ะ? นี่เป็นเรื่องของข้า หากจะไปก็ไปพร้อมกับข้านี่แหละ!”
“ห่ะ?”
นางอนุญาตให้ไปมันได้ก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่จะให้ไปพร้อมกันงั้นรึ? เช่นนั้น ข้าจะแอบดูอิ๋งเอ๋อร์อาบน้ำได้อย่างสบายใจได้เยี่ยงไรกัน? หากมีเซียถงอยู่ด้วยเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีแน่นอน!
เซียถงยังคงส่งสายตามุ่งมองไปที่คุณชายคนนั้นไม่ละคลาย รำพึงคำหนึ่งว่า
“ไม่คิดว่าคุณชายคนนั้นที่อยู่ข้างอิ๋งเอ๋อร์จะดูคุ้นตาบ้างเลยรึ?”