ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 594 ที่แท้ก็เป็นท่าน (2)
ตอนที่594 ที่แท้ก็เป็นท่าน (2)
ตอนที่594 ที่แท้ก็เป็นท่าน (2)
“นี่ข้าเองไง! จำไม่ได้รึ!!”
หลิวซูยกสองแขนขึ้นกอดอกสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ แม้เรี่ยวแรงของอิ๋งเอ๋อร์จะมีน้อยนิด แต่อย่างไร ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนางนับว่าก็ยิ่งเหมือนกับเซียถงขึ้นทุกที อาทิตอนที่คว้ากระบวยตักน้ำมาฟาดหัวเป็นตัวอย่าง!
หากเป็นเมื่อก่อน เวลาที่หลิวซูแอบดูอิ๋งเอ๋อร์อาบน้ำ ทุกครั้งที่โดนจับได้อย่างมากก็แค่โดนกำปั้นเคาะหัวเบาๆทีสองที พร้อมกับเสียงตำหนิเจือยแจวของนาง แต่นี่มิได้เห็นหน้าคร่าตากันไม่กี่เดือน หาใช่เพียงสัญชาตญาณที่เฉียบคมและเด็ดขาดยิ่งขึ้น ทว่าพละกำลังของนางยังเพิ่มพูนเป็นทวีเท่า!
อิ๋งเอ๋อิร์ก่นเสียงเย็น ร้องตอบไปว่า
“ย่อมทราบว่าเป็นเจ้า! มิได้เจอกันตั้งหลายเดือน แต่นิสัยกลับไม่เปลี่ยนไปเลยกระมัง?”
ได้ยินเช่นนั้น หลิวซูเงยหน้าแหงนศีรษะขวับ จ้องอิ๋งเอ๋อร์ตาเขม็งเดือดดาล
“ทั้งที่รู้ว่าเป็นข้า ไยถึงลงมือกันได้ไร้ปรานีนัก!”
“ก็สมควรโดนหรือไม่! ใครสั่งใครสอนให้เจ้าถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำเช่นนี้! นี่เห็นว่าเป็นเจ้าจึงยั้งมือไว้มากแล้ว!”
พลางกล่าวไปเช่นนั้น อิ๋งเอ๋อร์ยกกระบวยตักน้ำขึ้นชี้หน้าหลิวซู บ่นต่อว่า
“หากยังกล้าแอบดูข้าอาบน้ำเช่นนี้อีก คราวหน้าจะเปลี่ยนจากกระบวยตักน้ำเป็นกรรไกรตัดผมเจ้าแทน!”
อิ๋งเอ๋อร์ปั้นหน้ามุ่ยขุ่นเคืองตามน้ำเสียงอารมณ์ที่ใส่ออกไป ทั้งยังเคลื่อนสายตาไปยังด้านหนึ่งในบ้านพัก ปรากฏว่ามีกรรไกรอันหนึ่งวางไว้อยู้พอดี หลิวซูที่ชำเลืองมองตามถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก ใครหรือคิดฝัน จะมีกรรไกรเตรียมพร้อมอยู่ในบ้านพักเช่นนี้ด้วย! แล้วนางเองก็เช่นกัน! นับวันก็ยิ่งโหดเหี้ยมเหมือนเซียถงเข้าไปทุกที! สาวรับใช้คนสวยที่แสนจะขี้กลัวและหวาดระแวงนางนั้นหายไปไหนแล้ว!
หลังจากเป็นอันยืนยันได้แล้วว่า อิ๋งเอ๋อร์ยังเป็นคนเดิมที่มันคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพิ่มเติมคือความโหดและไร้ปรานี หลิวูก็ยกมือเท้าสะเอว และแหกปากโวยวายเข้าเรื่องในบัดดล
“แล้วที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่แห่งหนใด! รู้หรือไม่ว่าเซียถงตามหาเจ้ามานานขนาดไหนแล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินมันกล่าวถึงเซียถง ดวงตาของอิ๋งเอ๋อร์พลันเห่อร้อนแดงก่ำขึ้นฉับพลัน สักพักเป็นน้ำตาสองสายที่รินไหลออกมาอย่างเกินจะหักห้าม เสมือนเขื่อนกั้นน้ำที่แตกออกมา
“คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่ของข้ายังปลอดภัยดีจริงๆด้วย!! ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าข้าจะออกตามหาเบาะแสเยี่ยงไรกลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย! ได้ยินแต่เพียงข่าวคราวจากโลกภายนอกกันต่างๆนานา ดีใจเหลือเกิน…คิดถึงคุณหนูใหญ่จัง…”
เมื่อครู่อิ๋งเอ๋อร์ยังตีฝีปากแซ่บดุด่าตัวมันอยู่เลย พอเอ่ยถึงกล่าวถึงชื่อ เซียถง เพียงเท่านั้น จากนางมารร้ายกลายมาเป็นนางฟ้าปากหวานเสียเฉยเลย! หลิวซูที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้าฉับพลันปานนี้ ถึงกับเสียศูนย์พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวปลอบขึ้นว่า
“พวกเราปลอดภัยดี! พวกเราทุกคนปลอดภัยดี! เอาน่า อย่าร้องไห้ไปเลย พอแล้ว พอแล้ว ข้าต้องทำยังไงเจ้าถึงจะหยุดร้องไห้เนี่ย…”
หลิวซูปาดเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนแก้มของอิ๋งเอ๋อร์ต่อเนื่อง จนแขนเสื้อของมันเปียกชุ่ม
อิ๋งเอฮ๋ร์สั่งน้ำมูกออกใส่แขนเสื้อของมันอีกฟืดใหญ่ และกล่าวว่า
“ข้าคิดไว้อยู่แล้วเชียว! พอได้เห็นเข็มเงินเล่มดังกล่าวในวันนี้ ในใจข้าก็ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นคุณหนูใหญ่! สุดท้ายก็ใช่จริงด้วย! เยี่ยมจริงๆ…”
“ตอนแรกที่เห็นเจ้า พวกเรายังคิดว่าตาฝาดไป แต่เซียถงเอ่ยปากยืนยันทันทีว่าต้องเป็นเจ้าแน่นอน ก็เลยส่งข้าให้มาลอบติดตามเพื่อตรวจสอบดูว่า เจ้าความจำเสื่อมหรือเป็นอะไรรึเปล่า! แต่จะว่าไปแล้ว คุณชายรูปหล่อที่มากับเจ้าวันนี้คือใครงั้นรึ?”
“หมายถึงเขา?”
อิ๋งเอ๋อร์แหงนหน้ามองหลิวซูในทันใด พร้อมแววตาที่แปรเปลี่ยนพลัน!
คู่เท้าเซียถงเหินทะยานข้ามหลังคาแล้วเล่า จนในท้ายที่สุดได้มาหยุดลงตรงบ้านพักของผู้ที่เป็นเถ้าแก่โรงเตี้ยม แงะแผ่นกระเบื้องบนหลังคาชิ้นหนึ่งออกมา ก่อให้เป็นรูโหว่เผยให้เห็นทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในนั้น โดยไม่รอช้า นางโน้มตัวลงไปเพื่อสังเกตการณ์โดยเร็ว
เฝ้ามองอยู่สักระยะ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ปรากฏเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นกำลังนั่งรออยู่ตรงโต๊ะรับแขก และผู้ที่เคาะประตูเดินตรงเข้ามากหาก็คือ เถ้าแก่โรงเตี้ยมท่านนั้น พร้อมกับถือสมุดบัญชีเล่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาโค้งศีรษะให้คุณชายด้วยความเคารพ
“นายน้อย นี่เป็นสมุดบัญชีสำหรับช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมาขอรับ”
คุณชายคนนั้นชำเลืองมองอยู่หนึ่งปราด
“ดูเหมือนว่า ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาธุรกิจโรงเตี้ยมจะไปได้สวยพอดู?”
“ภายหลังจากที่จักรวรรดิต้าซิ่งผงาดขึ้นกลายเป็นหนึ่งในห้าจักรวรรดิใหญ่ เมืองแห่งนี้ก็กลายมาเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างชายแดน มีพ่อค้าจำนวนมากมายที่ไปมาค้าขายถี่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ธุรกิจเกือบทุกอย่างในเมืองนี้ล้วนเป็นไปได้ด้วยดี และที่สำคัญที่สุด ในอีกไม่กี่วัน จักรวรรดิตงหลี่จะออกมาตรการใหม่ เพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างจักรวรรดิมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การค้าขายของที่นี่น่าจะยิ่งคิกคัก แต่ก็ต้องปรับตัวเปลี่ยนรูปแบบกันใหม่พอสมควรขอรับ”
เมื่อเถ้าแก่อธิบายกล่าวตอบออกมาเช่นนั้น คุณชายก็เริ่มเปิดสมุดบัญชีพลิกอ่านอย่างรอบคอบ
“แล้วเจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร?”
เถ้าแก่โรงเตี้ยมครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งและเอ่ยว่า
“เย่หลีเทียนแห่งจักรวรรดิต้าซิ่งผู้นี้มีความทะเยอทะยานสูง ทั้งนี้คนน้องของข้าน้อยยังค้นพบอีกว่า เขาเป็นหนึ่งในทายาทสายเลือดหลักของอดีตจักรพรรดิตงหลี่พระองค์ก่อนที่เพิ่งสวรรคตไป ต่อมาเนื่องจากถูกขีดกันและกดดันด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ต้องหนีจากวังหลวงออกมา ท้ายที่สุดนี้ แม่ของเขาได้เสียชีวิตลงขณะหลบหนี ดังนั้นแล้ว เป้าหมายหลักของเย่หลีเทียนควรจะเน้นด้านการโค่นล้มจักรวรรดิตงหลี่ อย่างไรก็ตามที เมืองแห่งนี้คงเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดได้ไม่นาน ด้วยมาตรการที่ออกมากดดันและเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ สักวันจะต้องถูกกองทหารใหญ่ลงมาตรวจสอบ กล่าวคือ ที่นี่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้น แล้วเสร็จประมาณหนึ่งปี น่าจะควรถอนตัวออกจากเมืองแห่งนี้ได้แล้ว”
เมื่อเซียถงได้ยินเช่นนั้นก็เป็นอันเข้าใจทันทีว่า คนกลุ่มนี้คือนักธุรกิจขนานแท้ และกลับเป็นนางเสียเองที่ประเมิน เถ้าแก่โรงเตี้ยมแห่งนี้ต่ำเกินไป เห็นว่าเป็นชายชราพุงพลุ้ยดูใจดี แต่แท้ที่จริง กลับมีหัวคิดแบบนักธุรกิจเต็มสูบ!
อย่างไรก็ตามแต่ เวลาที่นางมุ่งสายตาจับจ้องไปยังคุณชายคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเถ้าแก่ ยิ่งมองเท่าไหร่นางก็ยิ่งรู้สึกคุ้นหน้ามากขึ้นเท่านั้น ทว่าพยายามจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกสักที!
ภายหลังการสนทนาผ่านไปสักครู่ใหญ่ ดูท่าคุณชายท่านนั้นจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของเถ้าแก่โรงเตี้ยม เขาพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ
“เป็นอันตกลง! เรื่องนี้ปล่อยให้เจ้าจัดการตามที่กล่าวไปเลย เดี๋ยวข้าจะรอเข้าหารือกับหงอวี๋อีกทีเกี่ยวกับเรื่องเม็ดเงินการลงทุน! วันนี้นางเกิดการล่าช้าระหว่างเดินทาง คงจะตามมาถึงที่นี่ในภายหลัง รอไม่นานนัก!”
เถ้าแก่โรงเตี้ยมพยักหน้าตอบรับ
“ขอรับ!”
“อืม จะว่าไปแล้ว ตอนที่ข้าเข้าเมืองมา เห็นใบประกาศจับติดหราไปทั่ว ไม่เพียงแค่ที่นี่ แต่เป็นกันทั้งทั่วจักรวรรดิในทวีปเทียนหลาง เห็นว่าต้องการตัวหญิงสาวนางหนึ่ง?”
“นางคือ อดีตองค์ราชินีแห่งดินแดนอี้เฉิง!”
เถ้าแก่โรงเตี้ยมเร่งกล่าวเสริมว่า
“นางคนนี้มิได้เป็นเพียงที่ต้องการของไป๋หลี่เย่เป็นการส่วนตัว กระทั่งเย่หลีเทียนเองก็ยังส่งคนออกตามหานางทั่วแผ่นดินอย่างลับๆ จักรพรรดิคนอื่นๆเองก็เช่นกัน ฟังว่า นางคือผู้ครอบครองบัญชาสี่พิภพในตำนาน ทั้งยังมีคัมภีร์วรยุทธต่อสู้ลับแห่งสี่ตระกูลใหญ่ที่ซ่อนเร้น ไม่เพียงพลังการต่อสู้ของนางที่สูงส่งไร้ที่ติ ทั้งยังเป็นถึงนักหลอมโอสถผู้มีฝีมือเทียบเท่าเซียนโอสถแห่งจักรวรรดิซีฉิน แล้วก็ล่าสุด…มีข่าวลือว่า นางเป็นผู้นำกองทัพสัตว์อสูรหิมะนับหมื่นตนบุกเข้าช่วยเหลือกองกำลังอี้เฉิงที่เหลืออยู่ให้รอดพ้นจากอันตรายของกองทัพทหารตงหลี่นับแสน! กล่าวคือ นางยังมีศักดิ์เป็นถึงนักอัญเชิญอสูรอีกด้วย!!”
ได้ยินคำอธิบายจากปากเถ้าแก่โรงเตี้ยมดังนั้น คุณชายถึงกับเบือนหน้าหันไปด้านข้าง ทอดสายตาชำเลืองผ่านบานหน้าต่างออกไปไกล ก่อนจะร้องอุทานขึ้นลั่นดังว่า‘เซียถง’ จอกน้ำชาในมือสะบัดวูบพุ่งใส่บนหลังคาประดุจสายฟ้า!