ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 595 สู่ทวีปจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่595 สู่ทวีปจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่595 สู่ทวีปจวิ๋นเทียน (1)
เถ้าแก่โรงเตี้ยมสะดุ้งโหย่งตกใจ
พริบตาที่คุณชายคนนี้เปล่งวาจานามขาน‘เซียถง!’ออกมา สายตาพลันเฉียบคมดุจมีดสีเย็น สะบัดจอกน้ำชาในมือยิงขึ้นบนหลังคาประดุจสายฟ้า ออกแรงหยิบใช้กำลังฉับพลัน ส่งจอกน้ำชาใบนั้นพวยพุ่งดั่งกระสุนชนปะทะคานค้ำหลังคาเสียงดังปัง
กระทั่งเซียถงเองยังคาดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวและเด็ดขาดปานนี้ แม้ว่าปฏิกิริยาของนางเองก็ไม่เป็นสองรองใคร แต่ก็เกือบเลี่ยงหลบไม่ทันเช่นกัน!
จอกกระเบื้องชนคานหลังตาแตกกระจาย เศษแก้วส่วนน้อยพุ่งเฉียวแก้มของเซียถงเฉียดไปนิดเดียว กระนั้นนางก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงลมที่ปะทะตัดผ่านผิวได้อย่างชัดเจน!
ทรงพลังและดุดันยิ่งนัก!
เซียถงถึงกับอดชื่นชมมิได้ภายในใจ!
“ท่านผู้เยี่ยมเยือนจากเบื้องบนนั้น ในเมื่ออยู่ที่นี่เช่นกัน ไฉนถึงไม่แสดงตัวออกมาทักทายกันเสียหน่อย? ข้าเองก็มีชาชั้นเยี่ยมรอให้ท่านมาเชยชิม…”
คุณชายกล่าวออกไปดังนั้น พลางเอื้อมมือไปหยิบจอกชาอีกใบมาและยกกาน้ำดินเผาขึ้นรินให้อย่างใจเย็น เมื่อน้ำชาสีเขียวอุ่นไหลรินลงสู่จอก กลิ่นใบชาหอมพลันฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วห้อง
เมื่อเห็นว่าตนเองโดนจับได้แล้ว เซียถงกระโดดลงจากหลังคาเผยแสดงตัวออกมาโดยตรง!
คู่เท้าของนางร่อนแตะพื้นเท่านั้น เมื่อเงยศีรษะมุ่งมองตรงหน้าก็สบปะทะกับสายตาของคุณชายคนนั้นในทันใด ยิ่งได้เห็นอีกฝ่ายในระยะใกล้เช่นนี้ เซียถงยิ่งรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน เหมือนกับว่าเคยพบเจอกับเขามาแล้วสักแห่งหนหนึ่ง
เมื่อคุณชายมองผ่านผ้าคลุมใบหน้าของหญิงสาวเจาะลึกลงไป เขาเองก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีเช่นกัน
จู่ๆก็มีบุคคลืที่สามเผยตัวออกมาท่ามกลางบ้านพักส่วนตัวของตน แววตาของเถ้าแก่โรงเตี้ยมคนนั้นพลันมุ่นขมวดแน่น เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารในทันใด แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาลุกขึ้นพรวดพราดกะทันหัน ชักกริชเล่มหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้เอวออกมาขู่ทันที
“เจ้าเป็นใครกัน?!”
แปลกนักที่คุณชายยังคงสงบนิ่งไม่ไหวติง ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆยังเหยียดมือขึ้นมาผลักกริชในมือของเถ้าแก่โรงเตี้ยมให้เก็บลง
เถ้าร้านโรงเตี้ยมยิ่งตกตะลึงหนักข้อ เคลื่อนสายตามองไปทางนายน้อยจวิ๋นเส้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่สายตาราวกับต้องการจะสื่อสารว่า นี่มันเกิดเรื่องบ้างอะไรขึ้น! สักระยะหนึ่ง ด้วยความประหลาดใจเกินกักเก็บจึงร้องอุทานขึ้นคำหนึ่ง
“นายน้อยจวิ๋น…”
หญิงสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้านางนี้เป็นใครจากไหนก็ไม่รู้ แล้วยังบุกเข้ามาลักลอบดักฟังพวกเขาคุยกันในยามวิกาลเช่นนี้ ใครบ้างยังมัวสบายใจอยู่ได้!
แต่เมื่อคุณชายจวิ๋นเส้าปริปากเอ่ยขึ้นเท่านั้น ก็ทำเอาเถ้าแก่โรงเตี้ยมคนนั้นยิ่งต้องประหลาดใจเป็นทวี เขาเหล่มองเซียถงเล็กน้อย ค่อยเอ่ยว่า
“เถ้าแก่ ออกไปรอหน้าประตูก่อนเถอะ หากมีอะไรเดี๋ยวข้าขานเรียกเอง!”
เถ้าแก่โรงเตี้ยมย่อมมิอาจขัดคำสั่ง จึงพยักหน้าและเดินจากออกไปแต่โดยดี
หลังจากที่เถ้าแก่โรงเตี้ยมออกไปแล้ว คุณชายจวิ๋นเส้าก็หันไปสบมองหญิงสาวตรงหน้า แต่ขณะที่กำลังจะเอ่ยกล่าวสักคำออกมา เขาพลันเห็นแววตาของเซียถงที่เผยสะท้อนแสดงถึงความประหลาดใจออกมาอย่างไม่มีทีท่าปกปิด!
ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นนายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียนอะไรนั่นนี่เอง! นางเคยพบเจออีกฝ่ายระหว่างที่จะไปหุบเขาคุนหลุนเพื่อตามหาบัญชาสี่พิภพ! แต่อย่างไร ตอนนั้นเซียถงกลับมิได้ใส่ใจอันใดมากนัก หลังจากเผชิญพบกับเหตุการณ์หลายสิ่งอย่าง นางก็ลืมไปโดยสิ้นแล้ว
ทว่าใครหรือคาดถึง เซียถงจะได้มาเจอกับเขาอีกครั้งในวันนี้ แถมยังพาสาวใช้คนสนิทของนางติดตามอยู่เคียงข้างมาด้วย!
เซียถงยิ่งฉายแววสงสัยผ่านดวงตาจัดจ้านไม่คลายอ่อน สำหรับเรื่องของเมืองจวิ๋นเทียน จวบจนบัดนี้ก็ยังประทับฝังใจนางไม่จางหาย เมืองชื่อนี้ไม่ว่าจะไปถามใครกลับไม่รู้จัก กระทั่งในห้วงแห่งความทรงจำของนางยังว่างเปล่าขาวโพลน
ทันใดนั้นเอง จู่ๆนางก็นึกถึงจี้หยกรูปมังกรหงสาชิ้นนั้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ยังสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาได้ชัดเจน เห็นว่าเป็นคนที่เคยรู้จักพบหน้ากันมาก่อน นางค่อยโล่งใจลงหลายส่วน จึงค่อยยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุม เผยให้เห็นใบหน้าดั้งเดิมของนางออกมา
เมื่อจวิ๋นเส้าได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียถง เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ถึงพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นนาง แต่พอได้เห็นกับตา ถึงอย่างไรก็ยังอดตกใจมิได้!
เขากระตุกมุมปากระบายยิ้มบางเล็กน้อย และกล่าวว่า
“ปรากฏว่าเป็นเจ้าจริงๆ! ดูเหมือนว่าโชคชะตาของพวกเราจะถูกลิขิตไว้แล้วกระมัง!”
ถึงแม้จะพูดบอกไปว่าเป็นโชคชะตา แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากนักที่จะลบแววความหวาดระแวงออกให้พ้นสายตาทั้งหมดไป สำหรับเรื่องขีดจำกัดความสามารถของหญิงสาวนางนี้ เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รู้แจ้งชัดเจนยิ่ง แต่จวบจนตอนนี้เขาก็ยังมิอาจเข้าใจได้เลย ไฉนนางถึงต้องแอบเข้ามาดักฟังที่พวกเขาคุยกัน?
“คงถูกลิขิตไว้แล้วจริงๆ!”
เซียถงวางจี้หยกในมือลงบนโต๊ะเบื้องหน้า และกล่าวว่า
“ในเมื่อเป็นชะตาลิขิตแล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องหลบซ่อนตามต้นไม้หรือบนหลังคาอีกต่อไป มานั่งคุยกันดีๆเถอะ!”
จวิ๋นเส้าคลี่ยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นเชื้อเชิญให้เซียถงนั่งลงตรงข้าม จากนั้นก็ค่อยๆผลักจอกน้ำชาใบนั้นที่เพิ่งรินเทส่งให้ทาฝั่งของนาง
“เชิญเลย ข้าจะเป็นผู้ฟังที่ดี!”
แม้ทางฝั่งเซียถงเองก็ค่อนข้างหวาดระแวงอยู่หลายส่วน แต่ด้วยความจริงใจนี้ นางเองก็ย่อมตอบรับมิให้เสียน้ำใจเช่นกัน จึงยกจอกน้ำชาขึ้นริมจิบคำหนึ่ง และกล่าวเปิดประเด็นเข้าเรื่องตามตรง
“เช่นนั้นก็ดี สาวรับใช้ที่อยู่ข้างกายเจ้า นางทั้งฉลาดและดูน่ารักมิใช่น้อย…”
เซียถงเคลื่อนสายตาชำเลืองผ่านบานหน้าตา ทอดผ่านสายลมรัตติกาลสู่บ้านพักอีกหลังที่อยู่ใกล้เคียง จวิ๋นเส้าได้เช่นนั้นก็อดขำมิได้ เสียงหัวเราะที่เปล่งดังเป็นไปด้วยความโล่งใจหลายส่วน เขาพอจะเข้าใจสิ่งที่นางพยายามจะสื่อสารออกมา จึงยิ้มตอบกลับไปว่า
“ก็เป็นเพราะองค์ราชินีแห่งอี้เฉิงสั่งสอนและอบรมนางเป็นอย่างดีต่างหาก!”
ดูเหมือนว่า นามขาน องค์ราชินีแห่งอี้เฉิง จะค่อนข้างห่างไกลจากความเป็นจริงมากแล้วสำหรับนาง และนางหาได้รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อยเลย เมื่อใครๆต่างก็เรียกกันเช่นนั้น
เซียถงซดน้ำชาในรวดเดียว ทิ้งจอกกระแทกโต๊ะเสียงดังปัง
“ข้าชื่อ เซียถง”
เมื่อได้ยินนางกล่าวเน้นชื่อจริงของตนเอง สายตาคู่นั้นของจวิ๋นเส้าก็ชักฉายแววคลุมเครือมิอาจเข้าใจ
เขายกสองมือขึ้นผสานทำความเคารพใหม่ และกล่าวว่า
“ข้า จวิ๋นเส้า นายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียน”
เซียถงได้ยินเช่นนั้นก็ผงะเล็กน้อย สรุปแล้วชื่อเมืองดังว่ามันมีจริงหรือไม่บนผืนพิภพแห่งนี้?
แต่กระนั้น เซียถงกลับไม่รู้เลยว่า ตำแหน่ง นายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียน มันทรงอำนาจอิทธิพลปานใด และที่ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าใครผู้ใดที่ได้ยินชื่อของเขาผู้นี้ เหล่านั้นล้วนตกตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะชื่อนี้เป็นสิ่งพิเศษกว่าใดๆ
แท้ที่จริงแล้ว เมืองจวิ๋นเทียนที่ว่าคือ ทวีปจวิ๋นเทียน มันเป็นสถานที่ที่หลายต่อหลายคนไม่ค่อยรู้จัก เพราะทวีปแห่งนี้ได้แยกเป็นเอกเทศออกจากทวีปเทียนหลางโดยสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยโบราณ และมิได้อยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิใดเลย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้มีพื้นที่เป็นเกาะโดนส่วนใหญ่ และในแต่ละเกาะยังมีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลเสียยิ่งกว่าเมืองหลวงของบางจักรวรรดิเสียอีก!
ซึ่งหมู่เกาะบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของ ทวีปงวิ๋นเทียนแห่งนี้
ในอดีต แม้กระทั่งจักรพรรดิบางคนที่ปกครองจักรวรรดิอยู่ในทวีปเทียนหลาง ก็ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ จนเวลาต่อมา ก็มีคุณชายรูปหล่อในชุดผ้าไหมทอที่เรียกขานตัวเองว่า จวิ๋นเส้า ปรากฏตัวขึ้นในทวีปเทียนหลางแห่งนี้ พร้อมกับขุมกำลังไม่ทราบฝั่งจำนวนหนึ่งที่ติดตามมาด้วย หลังจากที่เขาเดินทางข้ามผ่านนานาจักรวรรดิ ทั้งเมืองน้อยใหญ่มากมายเพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้าขึ้นมา และเนื่องจากไม่มีใครเคยไปจวิ๋นเทียนที่ว่ามาก่อน พวกเขาเหล่านั้นก็พลันคิดว่า สถานที่แห่งนั้นคงเป็นเมืองแห่งหนึ่ง ส่งผลให้ตั้งแต่บัดนั้นมา ทุกคนจึงเรียกขานสถานที่ที่จวิ๋นเส้าจากมาว่า เมืองจวิ๋นเทียน!
พอจวิ๋นเส้าได้ยินผู้คนเรียกขานด้วยชื่อนี้บ่อยเข้า จึงเปลี่ยนคำแนะนำตัวกลายเป็นว่า นายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียน นั่นเอง!