ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 597 ศพแช่แข็ง (1)
ตอนที่597 ศพแช่แข็ง (1)
ตอนที่597 ศพแช่แข็ง (1)
ณ เมืองเฟิงหลี่ จักรวรรดิตงหลี่
ภายในพระราชวังที่แสนองอาจและยิ่งใหญ่ ยามนี้ตกสู่ท่ามกลางความมืดมิด ปรากฏเพียงแสงไฟดวงน้อยริบหรี่กระพริบจางอ่อน พร้อมกับเหล่าสาวใช้และขันทีจำนวนหนึ่งกำลังเดินต่อแถวเข้าออกตำหนักแห่งนี้อย่างลับๆ
ทุกคนล้วนถือแผ่นถาดขนาดใหญ่ในมือไว้ ภายในนั้นบรรจุก้อนน้ำแข็งอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน!
ขณะนี้คือฤดูร้อนของจักรวรรดิตงหลี่ และยังเป็นช่วงเดือนที่อุณหภูมิอยู่ในจุดสูงสุดของปี กล่าวคือ ถึงแม้พวกผู้คนภายในวังเหล่านั้นจะถือถาดน้ำแข็งเอาไว้ในมือ แต่แผ่นหลังของแต่ละคนกลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคล
แต่ถึงเป็นแบบนั้น ภายในตำหนักที่ว่าแห่งนี้กลับหนาวเย็นเป็นพิเศษ ราวกับบ้านน้ำแข็งท่ามกลางฤดูร้อนระอุ
ทุกครั้งที่พวกผู้คนเหล่านั้นถือลำเลียงถาดน้ำแข็งเข้าไปในตำหนัก จากที่เหนื่อยหอบกลายเป็นเย็นสดชื่นขึ้นทันตา
และภายในตำหนักหลังนั้น ยังมีหญิงสาวนางหนึ่งสวมชุดแพรพรรณผ้าโปร่งสีแดง นางคือไป๋หลี่อวี๋อิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ปั้นสีหน้าเคร่งเครียดผิดวิสัยปกติ แผ่นหลังของนางพิงพักอยู่บนพนักเก้าอี้ ตัวเอียงเสียจนราวกับสามารถไหลคะมำลงพื้นได้ทุกเวลา
สีหน้าผิวพรรณของนางไม่ค่อยจะดูดีนัก อีกทั้งยังซูบผอมลงกว่าเดิมมาก จากที่เคยสวมใส่ชุดแพรพรรณวังหลวงสีแดงเพลิงแล้วออกมาดูสวย ตอนนี้กลับดูหลวมจนโคร่ง และเนื่องด้วยว่าเป็นชุดสีแดงจึงทำให้ผิวพรรณของนางยิ่งดูขาดเลือดเข้าไปใหญ่
นางเหม่อมองฝูงชนเรียงแถวเดินกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไป๋หลี่อวี๋อิงนางนี้ราวกับไร้ซึ่งชีวิตชีวา กระทั่งแววตายังเรียบนิ่งไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ใดพัดผ่าน เสมือนบ่อน้ำสักแห่งที่โดนทิ้งร้าง
ขันทีขั้นสามผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาหยุดต่อหน้าไป๋หลี่อวี๋อิง และประสานมือโค้งศีรษะให้ด้วยความเคารพนอบน้อม
“เรียนองค์หญิง น้ำแข็งทั้งหมดที่กักตุนอยู่ในห้องใต้ดินได้ถูกย้ายขึ้นมาที่นี่หมดแล้ว ท่านจะ…”
ทว่าพริบตานั้น จู่ๆไป๋หลี่อวี๋อิงก็มีปฏิกิริยาตอบสนองพลัน แต่นี่ทำให้ขันทีสะดุ้งเฮือกใจเต้นแรงด้วยความตกใจ
ไปหลี่อวี๋อืงไม่พูดพร่ำใดๆ ชำเลืองสีหน้าแววตาอันเมินเฉยไปทางขันทีคนนั้นอยู่ทีหนึ่ง ร่างอันผอมแห้งของนางเริ่มขยับเขยื้อนจากเก้าอี้อีกครั้ง คล้ายกับว่าพยายามจะลุกขึ้นมา เห็นดังนั้น ขันทีจึงรีบลุกขึ้นมาคว้าตัวประคองเอาไว้อย่างรวดเร็ว และเมื่อแตะสัมผัสเท่านั้น เขาถึงกับต้องประหลาดใจยิ่งกว่า องค์หญิงตัวซูบผอมกว่าที่คิดไว้มาก เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่น้ำหนักของตัวนางกลับลดลงอย่างน่าใจหาย
ไป๋หลี่อวี๋อิงค่อยๆเหลียวศีรษะเหลือบไปทางห้องด้านในแห่งหนึ่งที่อยู่หลังม่านสีทึบ และภายในนั้นเองคือแหล่งที่มาของความเย็นทั้งหมดที่กระจายไปทั่วทั้งตำหนักหลังนี้ วันนี้เป็นคืนฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวเกินบรรยาย อุณหภูมิด้านนอกถือว่าสูงมาก ส่งผลให้ไม่ว่าจะนำน้ำแข็งมาเติมสักกี่ก้อน พวกมันล้วนแต่ละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว นานเข้าจึงไหลหยดสั่งสมจนกลายเป็นแอ่งน้ำนองกว้างอยู่บนพื้นราวกับกระจกสะท้อนเงาคนได้
“ก้อนน้ำแข็งอยู่ไหน! ก้อนน้ำแข็งมันไม่พอ! เจ้ารีบนำก้อนน้ำแข็งทั้งหมดที่มีอยู่ภายในวังมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!”
ขันทีคนนั้นตกใจขวัญเสีย รีบคุกเข่าโขกศีรษะลงต่อแทบเท้าของนาง
“องค์หญิงโปรดเมตตา! ตอนนี้ไม่มีน้ำแข็งเหลือแล้วจริงๆ นี่คือทั้งหมดที่อยู่ในห้องใต้ดินแล้ว!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ก็มีเสียงตบหน้าดังเปียะสนั่นลั่น! ผิวแก้มทั้งแถบนั้นของขันทีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉ่าและบวมเป่งในเวลาต่อมา เมื่อลองอ้าปากคลายเลือดออกมาก็ยังมีฟันสองซีที่หลุดร่วงตามลงมาด้วย
“ไม่ได้เรื่อง!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงแผดเสียงดุดันตะคอกใส่ขึ้นพลัน ทำเอาทุกคนต่างรีบทิ้งตัวคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว ไม่ต้องกล่าวเลยว่า นางในเวลานี้ดูน่าขนลุกสยดสยองมากเพียงใด ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดังเล็ดลอดออกมาด้วยซ้ำ…
“หากในวันนี้ พวกเจ้าไม่สามารถนำส่งน้ำแข็งมาให้ข้าได้ ข้าจะเชือดคอพวกเจ้าทิ้งให้หมด! แล้วอีกอย่าง ข้าเองก็รู้ด้วยว่า ครอบครัวพี่น้องของพวกเจ้าล้วนแต่อาศัยอยู่ในชนบท บางคนพ่อแม่ก็แก่ชราอายุสังขารไม่แข็งแรงแล้ว หากไม่อยากใครคนพวกนั้นถูกจับขังลืมอยู่ในคุกใต้ดินวังหลวงแห่งนี้ พวกเจ้าก็ไปหาน้ำแข็งมาให้ข้าเพิ่มซะ!!”
“องค์หญิงโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
ขันทีและสาวรับใช้คนอื่นๆหวาดผวาเสียขวัญสุดขีดจนศีรษะลีบแทบเป็นกระเทียมกันแล้ว!
ภายในห้องหนังสือของตำหนักจักรพรรดิ ไป๋หลี่เย่กำลังเอนกายฟุบศีรษะนอนบนโต๊ะ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขามัวแต่คลุกตัวอยู่ในห้องแห่งนี้เพื่ออ่านหนังสืออย่างขมักเขม่น แต่ตอนนี้ก็บังเอิญผล็อยหลับไป อย่างไร นอนไปได้ไม่นานนักก็เริ่มกระสับกระส่ายกระวนกระวายเนื่องด้วยความร้อนอบอ้าว
จนในที่สุด เขาก็โพลงตาเบิกกว้างด้วยความหงุดหงิด ยืดตัวเหยียดตรงพร้อมมือข้างเดียวที่เหลือทุบโต๊ะเสียงดังปัง
“ไฉนถึงร้อนปานนี้!”
เสียงคำรามนี้ทำเอาสาวรับใช้รอบข้างและนางสนมที่คอยพัดให้อยู่เคียงข้างสะดุ้งโหย่งตกใจไปเป็นตามๆกัน และเป็นนางสนมที่ตกใจจนเผลอไผลทำพัดในมือร่วงหล่นตกพื้น ด้ามพัดที่สร้างจากหยกเขียวแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆในพริบตา
นางสนมคนนี้เป็นหญิงโปรดคนใหม่ของไป๋หลี่เย่ นามว่า นางสนมจิน เมื่อเห็นว่านางหน้าซีดจนถอดสีเพราะความตกใจ ไป๋หลี่เย่จึงรีบเข้าปลอบโยนกล่าวว่า
“อย่าได้ตกใจไป สนมรักของข้า!”
ขณะเดียวกัน ไป๋หลี่เย่ก็โน้มตัวเข้าสวมกอดนางสนมจิน พลางยกมือขึ้นจับคลึงบริเวณหน้าอกของนาง พร้อมรอยยิ้มเปี่ยมตัณหาและอารมณ์จากสวนลึกในจิตใจที่เริ่มพลุ่งพล่าน
นางสนมจินเบือนหน้าชำเลืองไปทางเหล่าสาวรับใช้ที่อยู่รอบข้าง ปั้นสีหน้าขวยเขินเล็กน้อย พร้อมบิดเรือนร่างเผยแสดงสัดส่วนโค้งเว้าไร้ที่ติ หลบเลี่ยงมือไม้ของอีกฝ่ายออกไป ไป๋หลี่เย่เห็นดังนั้นก็พึงเข้าใจในบัดดล จึงโบกมือไล่พวกนางออกไปก่อน
หลังจากบรรเลงรักกันได้สักครู่ใหญ่ ไป๋หลี่เย่ก็เริ่มมีเหงื่อออกมาขึ้นและมากขึ้นกระทั่งชุ่มชโลมไปทั่วทั้งตัว จนท้ายที่สุดนี้ก็พึงตระหนักทราบ มันชักจะไม่ปกติแล้ว ไฉนวันนี้ถึงร้อนผิดปกติขนาดนี้ ซึ่งก็ยังเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้วด้วย!
สักครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยปากบ่นรำพึงขึ้นว่า
“อากาศปีนี้น่าจะร้อนกว่าปีก่อนมาก”
นางสนมจินมุมปากพลันกระตุกขึ้นทีหนึ่งเมื่อได้ยิน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
ไป๋หลี่เย่เอื้อมมือปาดเช็ดเหงื่อให้นางสนมจิน และกล่าวอีกว่า
“ดูท่าสภาพอากาศปีนี้จะหาใช่ธรรมดาจริงๆ เดี๋ยวสั่งให้ใครสักคนไปนำก้อนน้ำแข็งจากห้องใต้ดินมาเติมเพิ่มจะดีกว่า”
ได้ยินประโยคดังนั้น มุมปากนางสนมจินยิ่งกระตุกแรงขึ้นสองสามครา
ไป๋หลี่เย่คล้ายจะสั่งเกตเห็นท่าทีที่แปลกไปของนาง พึงทราบได้ทันทีว่าจะต้องมทีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วแน่นอน เขารีบตะโกนเรียกสาวรับใช้ที่อยู่หน้าห้องหนังสือให้เข้ามาโดยไว ถามหาว่าใครเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องการเติมน้ำแข็งในวันนี้ และเริ่มเอ่ยปากดุด่าทันที
“นี่เจ้าไม่รู้สึกบ้างรึไง! อากาศร้อนขนาดนี้! แล้วยังไม่รีบไปเอาน้ำแข็งมาเติมอีกรึไง!?”
สาวรับใช้ผู้รับหน้าที่เติมน้ำแข็ง ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ! หาใช่ว่าหม่อมฉันไม่ต้องการนำน้ำแข็งมาเพิ่ม แต่เพราะว่า…ตอนนี้ไม่เหลือน้ำแข็งสำรองอยู่ในห้องใต้ดินแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!?”
ก้อนน้ำแข็งนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อวังหลวงในช่วงฤดูร้อน แล้วตอนนี้จะไม่มีน้ำแข็งสำรองเหลือได้เยี่ยงไร? มันกล้าพูดจาไร้สาระออกมาเช่นนี้ได้ยังไง!
ไป๋หลี่หานสีหน้ามืดทมิฬลงโดยพลัน ซัดฝ่ามือตบโต๊ะหนังสือตรงหน้าจนแหลกละเอียดเป็นผุยผง
“ไอ้บัดซบ! เจ้านี่มันสวะชัดๆ! ไม่เห็นหรือไงว่า ฝ่าบาทผู้นี้ทรงพิโรธอยู่! รีบไปลากคนดูแลเรื่องน้ำแข็งภายในห้องใต้ดินออกมา แล้วสับมันให้เป็นชิ้นๆต่อหน้าข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สาวรับใช้นางนั้นก็ยิ่งสั่นกลัว ก้มศีรษะจรดติดพื้นไม่กล้าเงยขึ้นมา กล่าวว่า
“ฝ่าบาทโปรดเมตตา! เรื่องนี้หาได้ข้องเกี่ยวกับพวกเราเลย แต่เป็นเพราะ…”
ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ นางสนมจินสับสนลังเลยิ่งที่จะเอ่ยกล่าวใดๆออกมา จวบจนตอนนี้นางแอบกระตุกแขนเสื้อของไป๋หลี่เย่อยู่หลายที ก่อนเอ่ยขึ้นเสริมอีกแรงว่า
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้มีเหตุผลความเป็นมา ควรฟังนางให้จบ!”