ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 599 ฆ่าเซียถง! (1)
ตอนที่599 ฆ่าเซียถง! (1)
ตอนที่599 ฆ่าเซียถง! (1)
ไม่มีใครคิดคาด องค์หญิงผู้สง่างามแห่งจักรวรรดิตงหลี่จะเก็บศพมนุษย์แช่เย็นเอาไว้ในตำหนักนอนของตัวเอง เพื่อต้องการมิให้เนื้อศพเน่าเปื่อย นางจึงใช้น้ำแข็งทั้งหมดที่มีเนรมิตห้องด้านในนี้ให้กลายเป็นโลงศพน้ำแข็ง!
นางสนมจิตตื่นตกใจสุดขีดจนเป็นลมหมดสติไปทันที กระทั่งไป๋หลี่เย่เองยังตะลึงไม่แทบไม่อยากเชื่อสายตา
แต่เมื่อปรับสายตามุ่งพินิจให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้นว่า ศพมนุษย์ที่ไป๋หลี่อวี๋อิงแอบนำมาเก็บไว้ในห้องนอนคือใคร เขาก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่า อุทานขึ้นลั่นติดอ่างเจียนไม่เป็นภาษาขึ้นว่า
“จะ-เจ้า…เจ้า…ไฉนถึงเป็นเขาได้?!”
เมื่อเห็นว่าเรื่องของนางถูกเปิดโปงจับได้แล้ว ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ไม่คิดปิดบังใดๆ อีกต่อไป และเอ่ยปากยอมรับอย่างตรงไปตรงมา!
“แล้วทำไมจะเป็นเขาไม่ได้!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเอ่ยกล่าวออกไปดังนั้น จึงค่อยเดินตรงไปที่ศพและหยุดลงต่อหน้า นางค่อยๆ โน้มตัวก้มศีรษะลงอย่างแช่มช้า สีหน้าแววตายามที่จ้องมองไปทางศพช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยน นางยกสองมือขึ้นโอบกอดเขาเอาไว้ พร้อมประกบจูบกับริมฝีปากของศพโดยไม่มีทีท่าขยะแขยงรังเกียจใดๆ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากของนาง จากนั้นไป๋หลี่อวี๋อิงก็เริ่มพูดคนเดียวอยู่กับศพ ราวกับเป็นคู่รักที่กำลังกระซิบกระซาบสนทนากันตามปกติ
เมื่อได้เห็นภาพฉากนี้ก็ยิ่งทำให้ไป๋หลี่เย่รู้สึกขนหัวลุกเข้าไปใหญ่
เขาโพล่งตะคอกทันควัน
“อวี๋อิง เจ้ามันบ้าไปแล้ว! เขาคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิซีฉิน! แล้วไฉนเจ้าถึงมีศพของอีกฝ่ายอยู่ที่นี่! หากองค์จักรพรรดิซีฉินล่วงรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างเพื่อบุกโจมตีจักรวรรดิตงหลี่ของเราแน่นอน!!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงหาได้สนใจไม่
“ข้าไม่สน! สิ่งเดียวที่ข้ารู้ก็คือ ชิงเยวี่ยเป็นคนเดียวที่ข้ารัก!”
“เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ!!”
ไป๋หลี่เย่เดือดพิโรธจัด ชี้นิ้วใส่หน้าไป๋หลี่อวี๋อิงและตะคอกดุต่อเนื่องว่า
“รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการชักศึกเข้าบ้าน! จักรวรรดิตงหลี่กำลังมีมหันต์ภัยร้ายเพราะเจ้า! เพราะเหตุนี้เองรึ เจ้าถึงขนก้อนน้ำแข็งทั้งหมดในห้องใต้ดินมา? เพื่อเก็บรักษาร่างของอีกฝ่ายเอาไว้? อวี๋อิง เขาตายไปแล้ว! แล้วไฉนถึงไม่เอาศพไปฝัง?”
ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า เหตุที่ไป๋หลี่เย่รู้สึกหนาวสั่นจับขั้วกระดูกเช่นนี้เป็นเพราะอุณหภูมิภายในห้องแห่งนี้ที่มีแต่น้ำแข็ง หรือเป็นเพราะหลังจากที่ได้เห็นศพของชิงเยวี่ยกันแน่!
สักครู่หนึ่ง ไป๋หลี่เย่เพิ่งจะนึกได้ แสดงว่าหลายเดือนที่ผ่าน ร่างศพของชิงเยวี่ยก็ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้? นี่เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกับศพคนตายมาโดยตลอดเลยรึ?! ทันใดนั้นถึงกับขนลุกขนชันขึ้นมา เขาแทบอยากจะอาเจียนออกมาเสียตรงนี้!
และพอเห็นว่าไป๋หลี่อวี๋อิงยังมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับศพทั้งกอดทั้งหอม ไป๋หลี่เย่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ หนังศีรษะลุกซู่วด้วยความสยดสยอง พริบตานั้น เขาระเบิดพลังลมปราณออกมา พุ่งเข้าไปพยายามจะดึงน้องสาวตัวเองให้ออกห่างจากศพ แต่สุดท้ายกลับถูกนางผลักออกมา
เท้าข้างหนึ่งของไป๋หลี่เย่ดันไปเผลอเหยียกแอ่งน้ำจนลื่นล้ม แผ่นหลังทั้งแผ่นร่วงกระแทกกับก้อนน้ำแข็งบนพื้นโดยตรง!
เขายิ้มทั้งน้ำตาแสนเจ็บปวดนัก แทบอยากจะวิ่งไปซัดใส่ไป๋หลี่อวี๋อิงสักทีหนึ่งให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่สุดท้ายนี้ก็ทำได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น เพราะไม่กล้าพอ! ไม่ว่ากรณีใด นางก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเขาคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นนักหลอมโอสถผู้เก่งกาจเพียงคนเดียวที่มีอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นนักพิษฝีมือฉมัง คงดีหากจู่ๆ นางสิ้นใจตายไปเสียตอนนี้เลย แต่ในความเป็นจริง มันกลับมิเป็นเช่นนั้น นางยังไม่ตายและไม่ยอมตายง่ายๆ แน่นอน เพราะเขารู้จักน้องสาวคนนี้ดีที่สุด ในชั่วชีวิตที่เหลือ นางมีไว้สำหรับการแก้แค้นเท่านั้น!
นักพิษ แม้ชื่อจะฟังดูเรียบง่ายและไม่มีอะไรน่าครั่นคร้ามเท่าไหร่นัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นตัวตนที่น่ากลัวและควรระวังเป็นที่สุด ตัวอย่างก็เช่นหยุนซีในตอนนั้น ไม่มีใครสักคนที่กล้ายุ่มย่ามกันนางโดยง่าย
“เสด็จพี่ ข้าทราบดีว่าท่านกำลังกังวลในสิ่งใด แต่อย่าได้คิดมากจนเกินไป ข้าไม่ได้บ้า! และตอนนี้ก็ใกล้จะบรรลุขึ้นเป็นเซียนโอสถเต็มทีแล้ว หากตั้งใจฝึกปรือให้หนัก ย่อมสามารถเลื่อนระดับฝีมือได้ภายในเวลาอันสั้นแน่นอน! จากนั้นข้าก็จะสามารถหลอมโอสถโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นได้เสียที!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงระบายยิ้มแช่มบาน มุ่งมองไปทางไป๋หลี่เย่พลาง และพอเห็นสีหน้าของผู้เป็นพี่ชายที่ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นางจึงรีบอธิบายต่อทันทีว่า
“เสด็จพี่ ท่านลืมไปแล้วรึ? ย้อนกลับไปในตอนนั้น ชายที่ชื่อจือหยวนก็ถูกหยุนซีเก็บซ่อนร่างศพเอาไว้ในสถานศึกษาเซิงหลิงเสียนาน เขาพลาดท่ากินยาพิษร้ายแรงจนตายกลายเป็นศพไร้ชีวิตอยู่นานกว่าสิบปีเต็ม แต่ต่อมา เซียถงหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้สำเร็จ และปลุกชีพของจือหยวนให้ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง และปัจจุบันก็ยังใช้ชีวิตอยู่ดีมีความสุข!”
กล่าวมาถึงจุดนี้ ไป๋หลี่อวี๋อิงกุมมือศพของชิงเยวี่ยเอาไว้แน่น นางเงยหน้าจับจ้องไป๋หลี่เย่พร้อมด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง
หากนางสามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้สำเร็จอย่างที่เซียถงเคยทำ และมอบให้แก่ชิงเยวี่ยได้กิน เขาจะต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน! ภแล้วาพสะท้อนในแววตาคนแรกที่เขาจะได้เห็นก็คือนาง!
จากนั้นเขาก็จะเริ่มเอ่ยปากขอบคุณนาง บอกรักนางและขอนางแต่งงาน…
ไป๋หลี่อวี๋อิงจมดิ่งสู่ห้วงภวังค์ความฝันอันแสนสุขที่ตนกำลังวาดฝัน คลี่ยิ้มระรื่นเหม่อลอยอยู่คนเดียว
ภาพฉากนี้ยิ่งทำให้ไป๋หลี่เย่รู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่!
ปรากฏว่าน้องสาวคนนี้มีแผนไว้อยู่แล้ว! ถึงว่าไม่น่าแปลกใจ เหตุไฉนระดับฝีมือในด้านนักหลอมโอสถของนางถึงเลื่อนขั้นพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดภายในเวลาอันสั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะชิงเยวี่ย! เป็นเพราะความรักของนางที่มีต่อชิงเยวี่ยคนนี้!
แต่ถึงแบบนั้นก็ตามที…
ไป๋หลี่เย่รีบลุกขึ้นทันทีโดยหาได้สนใจความเจ็บปวดบนแผ่นหลังใดๆ คว้าไหล่ทั้งสองข้างของไป๋หลี่อวี๋อิงมาเขย่าอย่างแรงสองสามที พยายามปลุกนางให้ตื่นจากฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
“เลิกเพ้อฝันสักที! เขาตายไปแล้ว! ดวงวิญญาณที่เคยอยู่ในร่างนี้ได้กระจัดกระจายหายไปนานแล้ว! ในเวลานี้ก็แค่ร่างศพที่ว่างเปล่า! เจ้าไม่มีวันช่วยเขาได้!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงโกรธจัด ปัดมือไม้ของไป๋หลี่เย่ทิ้งไปและตะคอกสวนกลับไปทันที
“ไฉนท่านถึงพูดจาเช่นนั้นออกมา! ข้าหรือจะช่วยชิงเยวี่ยไม่ได้? เขา…เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับข้า! ขะเขา…เขารักข้าคนนี้! แล้วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะช่วยเขาไม่ได้! ข้าต้องทำได้! ทำได้แน่นอน! ข้าจะต้องช่วยเขาให้ได้ในสักวัน!!”
จู่ๆ ไป๋หลี่อวี๋อิงก็เริ่มแหกปากโวยวายเสียงดัง อารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“ขนาดตอนนั้นที่เซียถงหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นมา ยังสามารถช่วยชีวิตคนที่ตายนับสิบปีให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้! แล้วทำไมข้าจะช่วงชิงเยวี่ยไม่ได้! เขาเพิ่งตายจากไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แล้วมีหรือจะไม่สามารถฟื้นชีพเขาขึ้นมาได้?”
ไป๋หลี่เย่มุ่นคิ้วขมวดถักแน่น เหม่อมองไป๋หลี่อวี๋อิงด้วยสายตาที่ผิดแปลกออกไป ราวกับว่าน้องสาวคนนี้โดนปีศาจสิงสู่ นางยังคงรำพึงรำพันเรื่องช่วยชีวิตชิงเยวี่ยอยู่แบบนั้นซ้ำไปเวียนมา ก่อนจะเริ่มคุมคลั่งทำลายข้าวของรอบข้าง จนมือข้างหนึ่งไปปัดโดนก้อนน้ำแข็งเฉียวใส่เทียนไขเล่มหนึ่งจนดับมอดลงทันที
สังเกตเห็นเปลวไฟบนเทียนไขที่ถูกดับโดยบังเอิญ ไป๋หลี่เย่พลันนึกอะไรขึ้นได้ทันทีและหันมากล่าวกับไป๋หลี่อวี๋อิงที่กำลังคลุ้มคลั่งว่า
“เหตุผลที่เซียถงสามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้สำเร็จ เป็นเพราะนางมีเพลิงพิภพเก้าดุษณี! แต่ตัวของเจ้านั้นกลับไม่มีเจ้าสิ่งนี้ในครอบครอง แล้วเช่นนั้นจะสามารถหลอมกลั่นได้เยี่ยงไร? พึงทราบ ขนาดหยุนซีและไป๋ปิงที่พยายามนับสิบปีก็ยังล้มเหลว แล้วนับประสาอะไรกับเจ้า!”
“เพลิงพิภพเก้าดุษณี…”
ไป๋หลี่อวี๋อิงตะลึงไปชั่วขณะ และหยุดคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของลงทันที สักครู่หนึ่ง นางค่อยหันมามองหน้าไป๋หลี่เย่
ดวงตาคู่สวยของน้องสาวกลับมาเปล่งประกายมีชีวิตชีวาอีกครึ่ง ไป๋หลี่เย่พึงทราบทันที น้องสาวคนนี้ได้สติกลับมาแล้ว เขาจึงรีบพูดเสริมขึ้นต่อว่า
“ถูกต้อง! หากไม่มีเพลิงพิภพเก้าดุษณี เจ้าก็จะไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นมาได้! สิ่งแรกที่ควรทำคือ แย่งชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมาจากเซียถงให้ได้เสียก่อน!”
“แล้วข้าจะไปชิงมันจากนางเยี่ยงไร?”