ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 60 ปะทะไป๋หลี่หาน (2)
ตอนที่60 ปะทะไป๋หลี่หาน (2)
เซียถงก่นเสียงเย็นคำโต สะบัดข้อมือตอบสนองโดยไว บิดร่างท่ามือใช้นิ้วแม่มือกับนิ้วชี้หักย้อนไปกดบริเวณเส้นชีพจรบนข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่นมิให้เลือดเดิน กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“องค์รัชทายาทสันดานเสีย เกรงว่าหากข้าไม่เคลื่อนไหวสั่งสอนมันสักหนึ่งบทเรียน คงต้องขอถอนสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองสี่จักรวรรดิใหญ่ในครั้งนี้เสียแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปหาคนอื่นลงแข่งแทนเอาเอง”
ความหมายของนางค่อนข้างชัดเจน ข้าผู้นี้ถือเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันคนสำคัญยิ่งยวดในงานประลองของสี่จักรวรรดิใหญ่ที่กำลังจัดขึ้น ซึ่งตัวนางนั้นสำคัญถึงขั้นที่ว่า ฝ่าบาทออกปากเชิญชวนด้วยตนเอง ดังนั้นมิใช่ว่าจะดูแคลนได้ง่ายๆ
“ในเมื่อฝ่าบาทตรัสคำพบัญชาออกไปแล้ว เจ้าในตอนนี้ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เข้าร่วมงานประลองโดยมิอาจถอนตัวได้ เอาล่ะ ข้าจะไปส่งเจ้าออกวังหลวงเอง”
ไป๋หลี่หานมิได้สนใจเลยว่า เส้นเลือดใหญ่ตรงชีพจรข้อมือจะถูกเซียถงกดระงับไว้แน่นหนาปานใด เพียงหนึ่งความคิด พลิกข้อมือแก้ทางเล็กน้อย เขาก็หลุดจากพันธนาการท่ามือของเซียถงได้อย่างง่ายดาย…
“เสด็จอา นังอสุรกายอัปลักษณ์ตัวนี้มันรังแกข้า! ท่านจะปล่อยมันไปเช่นนี้มิได้!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงที่เดือดดาลจัดเป็นฟืนเป็นไฟ ขมวดคิ้วมุ่นใส่ไป๋หลี่หาน แต่ก็มิกล้าทำอะไรมากกว่านั้นเช่นกัน
เฉกเช่นเดียวกับไป๋หลี่เย่ เขาขอเว้นระยะอยู่ห่างเสด็จอาท่านนี้เป็นดีที่สุด
“เสด็จอาผู้นี้ย่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมคืนแก่เจ้า แต่อย่างไร นางเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานประลองสี่จักรวรรดิใหญ่ในครั้งนี้ ส่วนเจ้าก็เอาแต่สร้างปัญหาสารพัดให้นางตอนอยู่ในวัง หรือไม่กล่าวเสด็จพ่อของเจ้าตำหนิติเตียนเลย?”
ดวงตาคู่คมกริบของไป๋หลี่หาน เลื่อนเข้าสังเกตเห็นแววความรวนเรบนใบหน้าของไป๋หลี่อวี๋อิง เขาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยต่อขึ้นว่า
“แล้วไฉนไม่ให้ข้าพานางออกไปจากวังก่อนแล้วค่อยลงโทษ?”
“ดี! ดีเลยเสด็จอา! ท่านต้องลงโทษนังนี่ให้หนัก!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเพ็งสายตาใส่เซียถงด้วยความโกรธจัด เสมือนมีเปลวไฟแห่งความอาฆาตแค้นพวยพุ่งออกมาก็มิปาน
“เสด็จอา! เอาเช่นนี้เสียแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะออกไปส่งมันพร้อมท่านด้วย จะอย่างไร นี่เป็นความขับข้องใจระหว่างข้ากับมัน หากมิได้ตบนางในวันนี้…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ไป๋หลี่อวี๋อิงถึงกับชะงักหยุดปากกะทันหัน เผชิญหน้าภายใต้สายตาคู่เย็นเยียบของไป๋หลี่หานเพียงปราดเดียว นางถึงกับเนื้อตัวสั่นเทา ขนหัวลุกวูบวาบโดยไม่มีเหตุผล สุดท้ายนี้ไม่กล้าทักท้วงกล่าวอันใดต่อ จำทนกัดฟันปิปากเงียบไป แต่ยังคงจับจ้องเซียถงด้วยความแค้นอาฆาตไม่คลายอ่อน
เซียถงมิอาจเข้าใจถึงเจตนาความคิดอที่อยู่ในหัวของไป๋หลี่หานในยามนี้ได้เลย เขาต้องการอะไรกันแน่?
ชั่วขณะต่อมา นางเลื่อนคมมีดสั้นโผล่ออกมาจากใต้แขนเสื้อ แต่ยังไม่กล้าคว้าขึ้นมาลงมือเคลื่อนไหว เซียถงอยู่ห่างจากไป๋หลี่อวี๋อิงไม่ถึงสองสองคืบ หากมิใช่เพราะยำเกรงในตัวไป๋หลี่หานที่ยืนอยู่เคียงข้าง เกรงว่าปานนี้ นางคงคว้าจับมีดสั้นขึ้นมาแทงนังปีศาจน้อยแสนเอาแต่ใจนางนี้ที่อยู่ต่อหน้าไปแล้ว
บรรดาทหารองครักษ์ที่อยู่เบื้องหลังไป๋หลี่อวี๋อิงรีบชักดาบกระชับอาวุธขึ้นมาในทันใด พร้อมเล็งเป้าเข้าใส่เซียถง
ทว่าชั่วจังหวะนั้นเอง ไป๋หลี่หานกลับตรงเข้ามาบีบมือของนาง ระงับการเคลื่อนไหวไว้ได้อย่างง่ายดาย ต่อให้นางจะพยายามระดมลมปราณทั่วกายาออกมามากเพียงใด แต่มืออีกฝ่ายเปรียบเสมือนตาข่ายใยเหล็กที่ทนทานและแข็งแกร่งเกินพรรณนา
สัมผัสได้ถึงแรงขัดขืนที่ส่งตรงผ่านมือ ไป๋หลี่หานหยิบใช้ลมปราณออกมาหนึ่งเสี้ยว คลื่นพลังที่แผ่ซ่านออกจากร่างกายาปราศจากสีสัน จึงมิอาจล่วงรู้ได้ถึงระดับชั้นความแข็งแกร่ง แต่ชั่วขณะอึดใจ รัศมีแรงกดดันขุมใหญ่พลันปะทุพลุ่งพล่านออกมา แผ่ไพศาลกระจายทั่วสารทิศทั้งเขตรัศมีละแวกนั้น
หนึ่งสายลมหวนพัดผ่าน ผู้คนทั้งหมดในอานัติบริเวณต่างหน้าถอดสี เริ่มหอบหายใจลำบาก
เซียถงที่ซึ่งอยู่ใกล้เขามากที่สุด นางจึงได้รับผลกระทบจากรัศมีแรงกดดันขุมดังกล่าวมากที่สุดเช่นกัน แข้งเข่าถึงขั้นอ่อนยวบทรุดลงกับพื้น พยายามสำแดงใช้ลมปราณทั้งหมดที่มีเข้าต่อต้านรัศมีแรงกดดันดังกล่าว ชั่วขณะต่อมา ทั่วทั้งหน้าผากปรากฏเหงื่อเย็นผุดไหลรินออกมาไม่หยุด ริมฝีปากซีดเผือดแห้งกระดากในทันใด
ชายคนนี้มีระดับลมปราณสูงส่งปานใดกัน? ถึงสามารถปลดปล่อยคลื่นแรงกดดันปริมาณมหาศาล ทะลักท่วมท้นไม่หยุดหย่อนขนาดนี้ได้ทั้งที่ยืนอยู่เฉยๆ!? ดูไป เซียถงเองก็เสมือนกับมดน้อยตัวหนึ่งกำลังโดนเหยียบ คำพูดนี้หาได้เกินจริง!
ไป๋หลี่หานหันหน้ามองนาง แก้วตาคู่นั้นเสมือนดวงดารากว้างใหญ่ไพศาล เปี่ยมล้นบารมีดั่งราชาปกครองทั่วผืนพิภพ
“หากไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นขอตัว”
แสงสีเย็นฉายแล่นผ่านดวงตาคู่นั้นส่งถึงทุกคนที่ปราดมอง
ราวกับว่า นี่เป็นคำเตือน หากใครกล้าขวาง ก็อย่าหาว่าเขาไม่สุภาพ!
แววตาของไป๋หลี่หานมันสื่อออกมาแบบนั้น
เผชิญหน้าเฝ้ามองความทรงบารมีดั่งราชา เซียถงรู้สึกหนาวสะท้านจับใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ถึงความกลัว ชายผู้นี้…แข็งแกร่งเกินไปซะจนตัวนางไม่คิดอยากจะต่อต้านอีกต่อไป สุดท้ายปล่อยให้อีกฝ่ายฉุดลากออกไปจากจุดนั้น
ไป๋หลี่เย่เพ่งสายตาจับจ้องเซียถงที่ถูกไป๋หลี่หานลากออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วเช่นกัน ภายในใจก็ได้แค่หวังว่า เสด็จอาจะลงโทษเซียถงจริงๆ
เดินจากโถงพระคลังออกมา ไป๋หลี่หานลดระดับแรงกดดันที่แผ่จากร่างกายา กุมมือเซียถงให้เดินติดตามเขาอยู่ท้ายหลังต่อไป ข้อมือขวาถูกอีกฝ่ายลากจูงออกไปอย่างว่าง่าย ส่วนมือข้างซ้ายถือกล่องบรรจุเห็ดหลินจือมรกตเอาไว้แน่นมิห่างกาย เหลือบมองแผ่นหลังของปีศาจชั่วคนนี้เป็นระยะ ในหัวระดมความคิดเร็วจี๋ วางแผนหลบหนีออกจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันอย่างไรดี?
“เจ้าต้องการทำอะไรกับข้ากันแน่?”
เซียถงเอ่ยปากถามขึ้น ขณะเดินผ่านส่วนเงียบไร้ผู้คนในวัง เอื้อมจับข้อมืออีกฝ่ายพยายามบิดกลับมาให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ส่งเจ้าออกจากวังหลวงไง”
ไป๋หลี่หานกระชับกำมือน้อยๆ ของนางและบิดกลับอยู่เหนือนางอีกครั้ง พร้อมขานตอบโดยไม่แม้แต่เหลียวมอง
“แล้วหลังจากออกวังไปล่ะ?”
“หลังจากออกวังไปก็…”
ในคราวนี้ ไป๋หลี่หานชะงักฝีเท้าหยุดลงชั่วขณะ เหลียวศีรษะหันกลับมามองเซียถง หรี่สายตาแสนเจ้าเล่ห์ลง ส่อแววอันตรายส่องสะท้อนออกมา ริมฝีปากเชิดขึ้นแผ่วบาง ส่งยิ้มเย็นชามอบให้ว่า
“แน่นอน ก็ต้องพาไปลงโทษ ฐานที่เจ้าเฆี่ยนองค์หญิง แต่โชคยังดีที่เมื่อครู่มิได้ลงมือสังหารองค์รัชทายาทลงไปด้วย มิฉะนั้น โทษทัณฑ์อาจหนักหนากว่านี้ไม่รู้กี่ร้อยพันเท่าทวี!”
เมื่อกล่าวมาถึงฝประโยคนี้ สายตาของเขาสาดส่องเป็นประกาย ซึ่งลึกลงไปเต็มไปด้วยความเข้มงวดกรวดขัน
ขนาดอยู่ในวังหลวง นางยังกล้าลงมือลงไม้ถึงขนาดนี้ แล้วหากในวันใดวันหนึ่ง บังเอิญจอเข้ากับองค์รัชทยาทที่ข้างนอก นางไม่เอาถึงตายเลยรึไง? ตามที่ไป๋หลี่หานคาดเอาไว้ หากนางมีโอกาส ต่อให้จุดไฟเผาวังหลวงให้วอดวาย เขาก็สามารถพยันได้ทันทีว่า นางกล้าแน่นอน
“กระทั่งฝ่าบาทยังไม่คิดติดใจเอาความข้า แล้วเจ้าเป็นใครงั้นรึ? เหตุใดต้องเหยียบย่ำรังแกสตรีเพศที่อ่อนแอเช่นข้า? เพื่อสร้างความดีความชอบแก่ตนต่อหน้าองค์รัชทายาทกระมัง?”
เซียถงหยุดฝีดท้าลง เฝ้ามองใบหน้าอันเย็นชาของอีกฝ่าย
แววตาดวงกลมโตของเซียถงสดใสเป็นประกาย ช่างงดงามอย่างหาที่สุดไม่ นางส่งสายตาหวานฉ่ำแก่อีกฝ่าย
ทันทีทันใด น้ำเสียงวาจาพลัยเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง กล่าวพร้อมสีหน้าท่าทางดูน่าสงสัยยิ่งว่า
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ โปรดปล่อยข้าไปสักด้วยเถิด ผู้น้อยคนนี้ขอสัญญา จะไม่ยุ่มย่ามสร้างความเดือดร้อนแก่อง
ค์รับทาชาทและองค์หญิงอีกแล้วในอนาคต”
กะพริบตาปริบส่งให้ไป๋หลี่หาน สายตาดูหวานชื่นราวกับเป็นคนละคนจากก่อนหน้า แต่ในขณะเดียวกัน เซียถงก็ลอบโคจรลมปราณอย่างเงียบเฉียบในร่างกาย
สู้ไม่ได้ก็ต้องใช้มายาร้อยเล่มเกวียนเข้าสู้!
เมื่อพบเห็นทัศนคติท่าทางที่เปลี่ยนไปโดยกะทันหันของนาง แววตาดวงปราดเปรียวของไป๋หลี่หานพลันส่อแววขี้เล่นมากขึ้นหนึ่งส่วน จะอย่างไรก็ยังมิได้ปริแกพูดอะไร เพียงเชิดหน้าชูคางขึ้นสูง เดินลากนางบังคับให้เดินตามต่อไปอย่างเย่อหยิ่ง
“ฝ่าบาท!”
เซียถงหันหลังขวับ กรีดร้องตะโกนโหลั่น น้ำเสียงฟังดูตกใจสุดขีดราวกับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นโดยพลัน จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น ทิ้งน้ำหนักลงทั้งตัว เป็นผลให้ฉุดมืออีกฝ่ายกระตุกลงมาด้วยเช่นกัน