ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 600 ฆ่าเซียถง! (2)
ตอนที่600 ฆ่าเซียถง! (2)
ตอนที่600 ฆ่าเซียถง! (2)
“ข้าได้ยินมาว่า เพลิงพิภพเก้าดุษณีได้สลักจำเซียถงเป็นนายของมันโดยสมบูรณ์แล้ว เพราะสมบัติมหัศจรรย์แห่งฟ้าดินจำพวกไฟวิเศษ คือกลุ่มก้อนจิตวิญญาณที่สามารถจดจำเจ้าของตัวเองได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้เจ้าได้มันมาครอบครอง คือการฆ่าเจ้าของคนปัจจุบันทิ้งซะ!”
ไป๋หลี่เย่กล่าวอธิบายอย่างเป็นลำดับขั้นตอน
“ใช่แล้ว! ข้าอยากได้เพลิงพิภพเก้าดุษณี! ข้าจำต้องใช้มันเพื่อหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้า! ข้าต้องฆ่าเซียถง! นังเซียถง…ข้าจักต้องฆ่าเจ้าให้จงได้! เพื่อชิงเยวี่ยของข้า…”
เมื่อเห็นว่าไป๋หลี่อวี๋อิงเลิกยุ่งกับศพเสียที ไป๋หลี่เย่ก็คอยโล่งอก แอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และกล่าวต่อว่า
“น้องข้า จงดูเสีย ช่วงนี้มันกลางฤดูร้อน อุณหภูมิภายในวันค่อนข้างสูงมาก แล้วเจ้ายังจะเอาศพของชิงเยวี่ยไว้…”
เสี้ยวอึดใจนั้นที่กล่าวคำว่า ศพของชิงเยวี่ย เขาก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายส่งสายตาอาฆาตใส่ตนโดยพลัน เผชิญพบกับแววความดุร้ายของไป๋หลี่อวี๋อิงที่มุ่งเขม็งใส่เช่นนี้ เขารีบกลับคำเปลี่ยนคำพูดโดยไว
“หมายถึงร่างของชิงเยวี่ยน่ะ! เจ้าอย่าเก็บร่างของเขาไว้ที่นี่เลยดีกว่า หากอุณหภูมิร้อนจัดจนเกินไป มีสิทธิ์ที่จะให้ผิวหนังของเขาเน่าเปื่อยลงได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ต่อให้เจ้าจะหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นมาได้สำเร็จ มันก็คงไร้ประโยชน์จริงหรือไม่?”
“ไม่มีทาง! ข้าใช้ก้อนน้ำแข็งไปเป็นจำนวนมากเพื่อคงรักษาอุณหภูมิร่างกายของเขาไว้แล้ว!”
“ข้าทราบดี แต่นี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวเท่านั้น เจ้าคิดหรือว่า คนอย่างเซียถง พวกเราจะหาตัวพบได้โดยง่าย? โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่อีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว มันคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อซ่อนตัวแน่นอน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะเสาะหาเบาะแสมาได้ เรื่องหาจับตัวนางอย่างน้อยก็หลักปี แล้วเจ้ามีน้ำแข็งมากพอถึงตอนนั้น? ฉะนั้นแล้ว เหตุใดเราถึงไม่พาชิงเยวี่ยมาเก็บรักษาร่างในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินแทนล่ะ? ภายในนี้มีอุณหภูมิต่ำมาก สามารถเก็บเขาไว้ในนี้ได้เป็นหลายปี เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย นางรู้สึกทึ่งยิ่งนัก!
“เสด็จพี่! นี่เป็นวิธีที่ดีมาก!”
เมื่อเห็นว่าไป๋หลี๋อวี๋อิงคล้อยตามยินยอมแล้ว ไป๋หลี่เย่ก็รีบหันไปหาองครักษ์ที่ยืนเฝ้าหน้าประตูตำหนัก และกล่าวสั่งการขึ้นว่า
“พวกเจ้ามานี่! รีบย้ายร่างของท่านปรมาจารย์ชิงเยวี่ยผู้นี้ลงไปเก็บไว้ในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินเร็ว!”
“พวกเจ้าต้องระวัง! อย่าทำให้เขาบาดเจ็บ!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเฝ้าดูทุกอากัปกิริยาระหว่างที่เหล่าองครักษ์วิ่งเข้ากรูเข้ามาช่วยแบกหามร่างของชิงเยวี่ย นางกล่าวเตือนเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
เห็นว่าไป๋หลี่อวี๋อิงมัวแต่ยืนมองร่างของชิงเยวี่ยถูกเคลื่อนย้ายออกไปชนิดไม่มีวางตา ไป๋หลี่เย่ก็เดินเข้ามาตบไหล่ของนางเบาๆ กล่าวปลอบประโลมใจว่า
“อวี๋อิง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ทุกอย่างล้วนต้องเป็นไปได้ด้วยดี! ร่างของชิงเยวี่ยจะถูกธำรงรักษาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดภายในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดิน ดังนั้นแล้วตอนนี้ สิ่งที่เจ้าควรต้องจำจดเอาไว้มีเพียงสองข้อเท่านั้น!”
ไป๋หลี่เย่เดินกอดไหล่น้องสาวของตนพาเข้าสู่ห้องหลอมกลั่นโอสถ ใบหน้าของเขายิ้มระรื่นมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“ในภายภาคหน้า หลังจากที่เจ้าหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้สำเร็จ สภาพร่างกายชิงเยวี่ยในตอนที่ฟื้นขึ้นมาคงอ่อนแอแย่ ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องอุทิศชีวิตทั้งหมดให้แก่การหลอมกลั่นโอสถทุกชนิด!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงในเวลานี้ไม่ค่อยมีสติอยู่กับร่องกับรอยนัก ไม่ว่าไป๋หลี่เย่จะปริปากพูดอะไรก็ดูสมเหตุสมผลไปเสียหมด ได้ยินแบบนั้น นางก็เห็นดีเห็นงามด้วย พยักหน้าให้ซ้ำๆ ไม่หยุด!
“แล้วข้อสองล่ะ?”
ไป๋หลี่เย่ส่งนางพาเข้าห้องหลอมกลั่นโอสถด้วยตัวเอง จากนั้นก็เดินออกมาหยิบกระดาษและพู่กัน บรรจงเขียนอักษรลงไปเพียงสามตัวเท่านั้น ‘ฆ่าเซียถง!’
ไป๋หลี่เย่โยนพู่กันด้ามนั้นทิ้งจากมือไป และแปะกระดาษแผ่นนั้นติดกับผนังในห้องหลอมกลั่นโอสถเอาไว้แน่น ชี้ให้ไป๋หลี่อวี๋อิงได้เห็นพร้อมกล่าวปลุกใจเสียงดังว่า
“นี่คือข้อสองที่พวกเราต้องทำให้สำเร็จ!”
“ฆ่า-เซีย-ถง!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงอ้าปากสะกดคำออกมาทีละพยางค์แช่มช้า นางพยักหน้าให้อีกครั้งอย่างแรง
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! ข้าต้องฆ่าเซียถง!”
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูห้องหลอมกลั่นโอสถสีชาดบานตรงหน้าก็พลันปิดลงอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงกระแทกดังปัง!
ไป๋หลี่อวี๋อิงทอดสายตามองออกไปอย่างว่างเปล่า ตอนนี้นางถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ เพราะประตูบานนี้ถูกลงกลอนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย!
ทันทีที่สิ้นเสียงประตูปิดลง ไป๋หลี่เย่ถอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
องครักษ์คนสนิทที่อยู่ข้างเคียง รีบเดินปรี่มาสอบถามว่า
“ฝ่าบาท แล้วจะทำเยี่ยงไรกับศพในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดิน!”
ไป๋หลี่เย่ขมวดคิ้วแน่นแทบติดชน พอคิดว่าตนเองจะต้องใช้น้ำแข็งที่อยู่ร่วมห้องกับศพเน่าเปื่อยไปอีกตลอดหลายปี เขาถึงกับขนลุกซู่วยันหันศีรษะ สักพักเหมือนรู้สึกได้กลิ่นศพติดตามเนื้อตัว ก็รีบถอดเสื้อคลุมสีเหลืองออกด้วยความขยะแขยงโดยไว และโยนให้องครักษ์คนสนิท เร่งกล่าวว่า
“เอาศพของมันไปเผาทิ้งเสีย! แล้วเอาเสื้อคลุมตัวนี้ไปเผาร่วมด้วย! ห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินจะให้มีศพอยู่ด้วยได้ยังไง! ข้าศพของมันให้เกลี้ยงอย่างให้เหลือร่องรอย! แล้วห้ามใครผู้ใดแพร่งพรายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยเด็กดขาด หากข้ารู้ภายหลังว่า มีข่าวเรื่องนี้หลุดออกมาสู่ภายนอก ข้าจะประหารชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องสิบชั่วโคตร!”
“ขอรับ!”
ต่อให้เป็นองครักษ์คนสนิทยังต้องผวาตัวสั่น! เขารีบโค้งศีรษะคำนับให้ทันที เหงื่อเย็นปริมาณมากผุดซึมทั่วหน้าผากและแผ่นหลังจนเปียกชุ่มในเวลาต่อมา ก่อนลาจากออกไป ถึงกับอดเหลียวหลังชำเลืองมองบานประตูสีชาดที่ถูกปิดตายอยู่ด้านหลังมิได้
และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไป๋หลี่อวี๋อิงก็เอาแต่หลอมกลั่นโอสถอยู่หน้าเตาอย่างบ้าคลั่งประดุจทาส และไม่เคยมีใครได้เห็นนางก้าวเท้าย่างออกจากบานประตูห้องหลอมกลั่นโอสถสีชาดอีกเลย
ทุกครั้งที่หลอมกลั่นโอสถเสร็จแต่ละเม็ด ไป๋หลี่อวี๋อิงก็มักจะเฝ้าอ่านกระดาษแผ่นนั้นที่แตะอยู่บนผนังอย่างใจจดใจจ่ออยู่ทุกวัน! ราวกับว่าตอนนี้ การฆ่าเซียถงได้กลายมาเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตของนางไปเสียแล้ว!
นางใช้ชีวิตอยู่แบบนี้เป็นเวลาตลอดทั้งปี ภายหลังหนึ่งปีเต็ม ไป๋หลี่อวี๋อิงก็หลงลืมทุกสิ่งอย่างที่เคยปรารถนาจะทำ หรือไปถึงปณิธานทุกอย่างที่เคยยึดมั่น ทั้งเรื่องช่วงชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมาครอบครอง เรื่องหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้า รวมกระทั่งเรื่องที่จะช่วยชิงเยวี่ย นางกลับลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียหมด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่เคยลืมเลือน มันคือ…อักษรสีจางเพียงสามตัวบนกระดาษแปะผนัง!
ฆ่าเซียถง!
ยามอาทิตย์อัสดง แสงจันทร์ครองท้องนภาฟ้าตระหง่านอีกครั้ง ไป๋หลี่เย่ยังคงง่วนอยู่กับกองตำราหนังสือตรงหน้า เหตุอันเนื่องมาจาก การด่วนสิ้นพระชนม์ของอดีตองค์จักรพรรดิตงหลี่พระองค์ก่อน จึงทำให้จวบจนตอนนี้ เขาก็ยังหาพระราชกฤษฎีกาหงสาไม่เจอเสียที สิ่งนี้เปรียบเสมือนมงกุฎแห่งราชันย์ที่ใช้กุมอำนาจการปกครองทั้งหมด และยังมีความลับอยู่หลายสิ่งอย่างนักในวังหลวงแห่งนี้ที่เขามิได้ล่วงรู้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือ การนั่งค้นตำราหนังสือที่เสด็จพ่อทิ้งเอาไว้ให้ในห้องแห่งนี้!
ดั่งคำกล่าวที่ว่า มีอำนาจแต่เหมือนไม่มี ไป๋หลี่เย่เพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้!
อย่างไรเสีย เขาก็ยังมีตัวหมากชั้นเยี่ยมอยู่ในมือ ซึ่งก็หมายถึง ไป๋หลี่อวี๋อิง น้องสาวของเขานั้นเอง ระดับพลังฝีมือในด้านการหลอมกลั่นโอสถของนางในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าความสามารถของนางรุกคืบพัฒนาได้อย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ นางสามารถหลอมกลั่นโอสถและยาพิษระดับสูงได้ในปริมาณที่มากมายยิ่งต่อวัน ซึ่งโอสถและยาพิษทุกชนิดที่หลอมกลั่นได้ ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในกำมือของไป๋หลี่เย่โดยธรรมาชาติ เขาอาศัยใช้ยาพิษเหล่านี้เข้าควบคุมคณะขุนนางทุกคนในพระราชสำนักให้ทำตามทุกประการ!
ในอีกด้านหนึ่ง ณ จักรวรรดิต้าซิ่งของเย่หลีเทียน นับวันก็ยิ่งมีขุมพลังแกร่งกล้าน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และมันน่ากลัวเสียจนไป๋หลี่เย่นอนหลับได้ยากขึ้นทุกคืน!
แต่กระนั้น แม้ว่าจักรวรรดิต้าซิ่งของเย่หลีเทียนจะทรงพลังปานใด แต่ในปัจจุบันกลับมีศัตรูที่สุดแสนจะร้ายกาจผวาดขึ้นมาต่อกรอย่างสูสี นั่นก็คืออีกหนึ่งจักรวรรดิที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา มีอาณาเขตที่ตั้งหลักอยู่บนหุบเขาจ้าวอาชา
สถานที่แห่งนั้นมีชื่อว่า จักรวรรดิเซีย!