ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 601 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่601 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่611 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (1)
เวลาผ่านไปไว้ดุจโกหก!
เพียงหนึ่งปลายนิ้ว ชีวิตพลิกผันแปรเปลี่ยน!
ความเหน็บหนาวมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง ฤดูร้อนพ้นลาจาก! ในคืนเดือนหงาย บานหน้าต่างไม้ถูกใครบางคนผลักให้เปิดออก ปรากฏเป็นร่างแพรพรรณสีแดงเพลิง แขนเสื้อวงกว้างกำลังพิงพักอยู่ที่บานระแนงหน้าต่างดังกล่าว กำลังเชยชมกอไผ่ตั้งตระหงานตรงอยู่ภายนอก!
จันทร์จ้าวขาวสว่าง ดวงไฟสีละมุนนวล กอไผ่อุดมสมบูรณ์สีเขียวขจี ร่างอรชรเพรียวบางในชุดสีเพลิงแดง และผมยาวสลวยดำขลับดุจน้ำหมึก ผสมผสานภาพฉากเหล่านี้เป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นความวิจิตรงดงามอย่างน่าอภิรมย์ ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจละสายตาได้แม้เสี้ยวอึดใจ กระทั่งก้าวย่างปรารถนาเดินไปหาใครหรือเต็มใจ เพราะกลัวเสียเหลือเกินว่า นี่จะเป็นการรบกวนและทำให้ภาพฉากแห่งความฝันอันทรงคุณค่านี้ต้องมัวหมอง
แต่อย่างไร ร่างอรชรสีเพลิงแดงคล้ายจะรู้สึกได้ว่า มีใครบางคนกำลังเฝ้ามองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นางก้มศีรษะแช่มมองเล็กน้อย ในที่สุดก็เห็นว่า คนๆนั้นเคลื่อนตรงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าแล้ว
“จวิ๋นเส้า!”
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา เซียถงก็ยิ้มกว้างส่งเสียงเรียก
“เซียถง!”
จวิ้นเส้ายิ้มตอบพลางโบกมือให้เล็กน้อย
นางเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่เจ้ามาถึงนานรึยัง?”
“เพิ่งมาถึงนี่เอง”
เซียถงเดินลงไปเปิดประตูให้ ผายมือให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเชื้อเชิญให้เข้ามา ตรงมาถึงภายในก็หยิบถ่านสีดำก้อนหนึ่งโยนลงไปในเตาผิงที่ร้อนฉ่าแดง เอ่ยขึ้ยพลางว่า
“อิ๋งเอ๋อร์หลับไปแล้ว เลยต้องเรียกเจ้ามาคุยในนี้แทน”
เห็นว่าเตาผิงร้อนได้ไม่ทันใจนัก เซียถงจึงแอบเติมเชื้อไฟด้วยเพลิงพิภพเก้าดุษณี นางยิงมันออกจากปลายนิ้วเข้ากองไฟภายในเตา พริบตาเท่านั้น พวกมันพลันลุกฮือปะทุโชติช่วง กระจายความอบอุ่นไปทั่วทั้งบ้านหลังนี้ในทันที จากนั้น ค่อยเดินไปชงชาวางไว้บนโต๊ะ ทุกกลวิธีการชงช่ำชองคล่องแคล่วนัก รินให้เสร็จสรรพจึงผลักชาจอกหนึ่งมอบส่งแก่ตรงหน้าจวิ๋นเส้า
จอกชาใบนี้ทำขึ้นจากหยกขาวคุณภาพสูง ภายในนั้นกอปรสีเขียนอ่อนจากตัวชาแผดไออุ่นระเหย กลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งตลบ เมื่อนำผนวกกับบรรยากาศอันหนาวเย็นและเตาผิง ก่อเกิดเป็นสุทรียภาพดุจงานศิลปะที่ละเอียดลออไร้ขอบเขต
เพียงหนึ่งคำที่ริมจิบ กลิ่นสุคนธรสพลันหอมทะลักตลบอบอวลไปทั่วทั้งช่องปาก จวิ๋นเส้าระบายยิ้มกว้างอย่างแสนสุขใจ เงยหน้ากล่าวกับเซียถงว่า
“ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ชงชาได้รสชาติดีปานนี้ สาวรับใช้ของเจ้าหลับไปแล้วรึ? จะเป็นอะไรหรือไม่…หากให้เจ้าช่วยปลุกนางขึ้นมาที?”
แต่เซียถงพึงทราบอยู่บ้าง นี่คงหาใช่เรื่องสำคัญอันใด จึงกล่าวตอบไปว่า
“คงเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกกระมัง? ถึงจะเป็นสาวรับใช้แต่นางก็เป็นคนเหมือนกัน เหนื่อยเป็นเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วอีกอย่าง อิ๋งเอ๋อร์ก็เปรียบเสมือนน้องสาวข้าคนหนึ่ง แล้วไฉนต้องไปรบกวนนางในเวลากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้?”
หลังจากอยู่กับเซียถงมานานหนึ่งปีเต็ม จวิ๋นเส้าคล้ายกับมีภูมิคุ้นกันต่อคำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมาของนาง กล่าวคือ มนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคำกล่าวอะไรเช่นนี้ เขาก็อดขำขันทุกครั้งไปมิได้ หาใช่เป็นเพราะว่าแนวคิดของทั้งสองขัดแย้งกัน แต่เป็นเพราะ หญิงสาวนางนี้มักจะจริงจังอยู่ทุกขณะ
จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา
“เซียถง นี่ก็ผ่านไปปึหนึ่งแล้ว เจ้ายังมีนิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!”
“นั่นสิ นี่ก็ผ่านไปตั้งปีหนึ่งแล้ว! เร็วจริงๆ!”
เซียถงอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมามิได้ นี่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มแล้วที่นางอาศัยอยู่ในทวีปจวิ๋นเทียน
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน จวิ๋นเส้าได้เอ่ยปากเชื้อเชิญให้เซียถงติดตามกลับไปที่ทวีปจวิ๋นเทียน
และนางก็เลือกที่จะตอบตกลงโดยลังเล
ต่อมา ด้วยความช่วยเหลือของจวิ๋นเส้า จึงทำให้เซียถงสามารถหนีจากการไล่ล่าของนานาจักรวรรดิ จนหนีออกจากทวีปเทียนหลางได้เป็นที่สำเร็จ หลังจากเดินเรืออยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ถึงสามเดือนเต็ม ในที่สุดนางก็พาท่านแม่ของตนมารับแดดรับลมถึงบนผืนพิภพแห่งทวีปจวิ๋นเทียน!
ทันทีที่ก้าวขึ้นฝั่ง แม้แต่เซียถงผู้รอบรู้ยังต้องตื่นตกใจกับทุกสิ่งเบื้องหน้า! ทวีปจวิ๋นเทียน หรือเมืองจวิ๋นเทียนที่ผู้คนในทวีปเทียนหลางชอบเรียกกัน มีพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นหมู่เกาะท่ามกลางมหาสมุทรเขตนี้ และจำนวนเกาะที่อยู่ใต้การปกครองมีมากกว่าหนึ่งพันแห่ง! ซึ่งเหล่านี้มิได้เรียงตัวกันแบบกระจัดกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เป็นเกาะเล็กเกาะน้อยต่างเกาะกลุ่มกันอย่างเหนืองแน่น แบ่งได้เป็นชั้นนอกกับชั้นใน โดยที่มีเกาะใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ ณ ใจกลางทั้งหมด
ซึ่งแต่ละเกาะยังมีสะพานเหล็กเย็นที่เชื่อมต่อติดกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทาง วัตถุที่ใช้ทำสะพานเป็นแร่เหล็กเย็นที่มีคุณสมบัติทนทานต่อน้ำทะเลกัดกร่อน มีความแข็งแรงทนทานอยู่ในระดับดีเยี่ยม
เซียถงลอบสังเกตการณ์สรรพสิ่งอย่างรอบตัวด้วยความระมัดระวังสุดขีดในทีแรกที่ไปถึง แต่อย่างไร นางกลับต้องรู้สึกผิดคาด เพราะสิ่งเดียวที่นางเห็นจากบรรดาผู้คนภายในที่แห่งนี้คือ รอยยิ้มที่แสนสดใสและเป็นมิตร พวกเขาเหล่านี้ราวกับเป็นที่มาเติมพลังงานบวกให้แก่นางอีกครั้งหนึ่ง
และเมื่อผู้คนภายในนั้นเห็นว่าจวิ๋นเส้าเดินทางกลับมาแล้ว ทุกคนต่างก็โบกไม้โบกมือให้อย่างมีความสุข ส่งเสียงตะโกนเรียกขานอย่างเป็นกันเอง
“จวิ๋นเส้า!”
“จวิ๋นเส้า!”
……..
ช่างเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูเงียบง่ายและจริงใจ ปราศจากลับลมคมในและเจตนาร้ายแฝงซ่อนใดๆ
เซียถงทราบดี แม้ว่าจวิ๋นเส้าผู้นี้จะเป็นนายน้อยแห่งทวีปจวิ๋นเทียน และในปัจจุบันยังเป็นผู้กุมอำนาจอิทธิพลเกือบทั้งหมดของที่นี่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แบบนั้น เขาก็ยังเดินหน้าปกครองสถานที่แห่งนี้อย่างเป็นธรรม ดูได้จากภาพสะท้อนของเหล่าประชาชนที่ต่างยิ้มแย้มมีความสุขในตอนเห็นเขา
ในตอนแรกสุด เซีนถงคิดว่า จวิ๋นเทียนเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่ต่อมาหลังจากที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากจวิ๋นเส้า นางก็พลันนึกไปว่า เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ที่มีระบอบการปกครองเป็นของตนเอง แต่ที่ไหนได้ เมื่อได้เห็นจำนวนเกาะน้อยใหญ่กว่าพันแห่งที่อยู่ล้อมรอบ นางถึงกับประหลาดใจยิ่งและเชื่อได้เลยว่า หากนำเกาะทั้งหมดมาประกอบกันเป็นแผนภาพแผ่นใหญ่ๆ สักผืน พื้นที่ทั้งหมดของทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้จะกว้างใหญ่ไพศาลเสียยิ่งกว่าจักรวรรดิซีฉินซึ่งเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเทียนหลางเกือบสิบเท่า!
ยิ่งได้เห็นนางยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้น แม้แต่ฮูหลินหลี่เองยังต้องร้องอุทานขึ้นคำโต นางไม่อยากเชื่อจริงๆ เลยว่า ยังมีทวีปอื่นนอกจากทวีปเทียนหลางอยู่บนผืนพิภพแห่งนี้ด้วย!
เซียถงหันไปมองหน้าอิ๋งเอ๋อร์ทีหนึ่ง และเมื่อเสาะพบแววความตะลึงงันผ่านในดวงตาของอีกฝ่าย นางก็พึงทราบทันที นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่อิ๋งเอ๋อร์ได้มาที่นี่! เซียถงเฝ้ามองจวิ๋นเส้าที่ได้กลับสู่ภูมิภาคบ้านเกิดอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างที่แสนความสุขเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของเขา ทั้งยังวิ่งเข้าไปทักทายทุกคนอย่างอบอุ่น การที่เขาเป็นจ้าวผู้ปกครองทวีปแห่งนี้ แต่ยังสามารถวางตัวเป็นกันเองและเข้ากับประชาชนได้อย่างเป็นมิตรไม่ถือตัว นี่หาใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปฏิบัติตามกันได้ ซึ่งนี่เองก็ทำให้เซียถงแอบรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจอยู่เล็กน้อย
เมื่อเห็นจวิ๋นเส้าได้กลับมา ณ ทวีปจวิ๋นเทียนพร้อมกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของประชาชนทุกคน นี่ทำให้เซียถงหวนคิดถึงไป๋หลี่หานขึ้นมาทันที หากย้อนกลับไปในตอนนั้นที่นางอภิเษกสมรสกับเขา และเดินทางกลับสู่ดินแดนอี้เฉิงมาด้วยกัน เหล่าประชาชนของอี้เฉิงเองก็ต่างปูพรมแดงให้การต้อนรับกันเป็นอย่างดี
นางไม่มีวันลืมได้เลย ไป๋หลี่หานก็เป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่ว่าตัวเป็นกันเองกับประชาชนในอี้เฉิง และนางก็ทราบดีว่า เขาอาศัยความจริงใจนี้ชนะใจของทุกคนมาได้! นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ไฉนจากดินแดนหิมะที่แห้งแล้งจึงกลายมาเป็นอาณาจักรแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองได้ภายในเวลาอันสั้น ทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้ฝีมือการปกครองของไป๋หลี่หานที่ใช้ความจริงใจเข้าสู้ทั้งสิ้น!
ถึงกระนั้นเอง เซียถงก็ยังมองออก ภายใต้ความจริงใจที่ไป๋หลี่หานปฏิบัติต่อชาวอี้เฉิง นางกลับรู้สึกได้ว่า เขายังมีความเห็นแก่ผลประโยชน์เจือผสมอยู่ในนั้น เพราะนี่สามารถดูได้จากองค์จักรพรรดินีเหลิ่งที่ยังทะนงตนวางอำนาจไม่ต่างจากพวกราชวงศ์ชั้นสูงของจักรวรรดินอื่นๆ
แต่จวิ๋นเส้าคนนี้กลับต่างออกไป จากสายตาของเขาที่มีต่อชาวจวิ๋นเทียน ราวกับว่าเห็นผู้คนเหล่านี้เป็นญาติพี่น้องของตัวเองจริงๆ