ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 602 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (2)
ตอนที่602 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (2)
ตอนที่602 ความจริงของทวีปจวิ๋นเทียน (2)
ขณะเดินข้ามผ่านเกาะเล็กๆแห่งแรก บนถนนสายน้อยปรากฏหญิงสาวชาวนาคนหนึ่งเดินตรงมาหาสรรค์สร้างเส้า กล่าวว่า
“จวิ๋นเส้า นี่เป็นแตงกวารอบแรกของปีที่ครอบครัวของข้าเพิ่งเก็บเกี่ยวมาได้ อยากให้เจ้าได้ลองชิม”
เซียถงอดประหลาดใจมิได้เมื่อเห็นแตงกวาสดลูกใหญ่เรียงแน่นอยู่ในตะกร้าไม้ไผ่ในมือของหญิงสาวชาวนา และนางพลันต้องยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อได้ยินจวิ๋นเส้ายิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวใดๆ ว่า
“โอ้! ได้เลย! ได้เลย! รอบนี้ก็ดูน่ากินเหมือนเคยเลย!”
กล่าวจบจึงรับตะกร้าไม้ไผ่ใบนั้นมาถือ ทั้งยังหยิบแตงกว้าขึ้นมาลูกหนึ่งกัดเข้าปากไปคำโตโดยไม่ได้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนใดๆ! เสียงเคี้ยวกรุบกรอบแสดงถึงความสดใหม่ดังต่อเนื่อง จวิ๋นเส้าพยักหน้าส่งให้หญิงสาวชาวนารัวๆ ยิ้มตอบขึ้นว่า
“หวานมาก! น้าจาง ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางไปนอกเกาะ ท่านเคยวานให้ข้าไปเสาะหาเมล็ดพันธุ์พืชชนิดใหม่ๆ กลับมาใช่หรือไม่? นี่สำหรับท่านทั้งหมดเลย มีทั้งเมล็ดและตัวอย่างผลิตผล ค่อยๆ ลองเอาไปศึกษาดู”
“สุดยอดไปเลย!”
น้าจางเห็นกองเมล็ดพันธุ์และตัวอย่างที่มีผู้ใต้บัญชาของจวิ๋นเส้าเข็นออกมาให้ก็ตาลุกวาวเป็นประกาย นางหัวเราะอย่างมีความสุขกล่าวว่า
“เดี๋ยวศึกษาเสร็จ ข้าจะนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนลองปลูกเลย!”
เซียถงยังคงเฝ้าดูจวิ๋นเส้าเดินตระเวนพูดคุยกับชาวบ้านอีกหลายครัวเรือนตามเกาะต่างๆ ที่เดินทางผ่าน ราวกับว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น และประชาชนเหล่านี้ก็คือเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
หลังจากเดินเยี่ยมไปตามทางจนเกือบหมด เขาก็ย้อนกลับมาหาเซียถง ยื่นแตงกวาจากในตะกร้าไม้ไผ่ส่งให้เซียถงลูกหนึ่ง
“ลองชิมดูสิ มันรสชาติเข้าขั้นดีเยี่ยมเลยล่ะ ข้าเคยมีโอกาสกินมันตอนที่อยู่ในจักรวรรดิหน่านเฟิงในตอนเดินเรือเมื่อครั้นก่อนโน้น เห็นว่ารสชาติของแตงกวาที่นี่อร่อยไม่เหมือนใคร จึงขอซื้อเมล็ดพันธุ์กลับมาเพื่อศึกษาและเพาะปลูก เห็นน้าจางยังสาวยังสวยเช่นนี้ แท้ที่จริงอายุเกือบสี่สิบกว่าแล้ว และอย่าได้ดูถูกไปเชียว นางถือเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งด้านงานเกษตร แค่นำเมล็ดพันธุ์ไปศึกษาไม่นาน ก็สามารถเพาะปลูกพวกมันจนเติบโตงอกงามได้แล้ว!”
เซียถงหยิบแตงกวาออกมากัดเคี้ยวคำโต ชั่วอึดใจนั้น นางเชื่อในคำกล่าวของจวิ๋นเส้าอย่างสนิทใจ!
ในทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้ คนทั่วไปต่างใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุข ต่างคนต่างพึงพอใจในการงานอาชีพที่ตนเองประกอบทำ และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เซียถงได้ค้นพบว่า ผู้คนโดยส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนสามารถบำเพ็ญตบะฝึกลมปราณได้ บางคนเห็นว่าเป็นเพียงชาวนาชาวไร่โดยผิวเผิน ทว่าความเป็นจริงแล้ว กลับมีระดับพลังความแข็งแกร่งสูงถึงขอบเขตเสาหลักเขียว! และยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงรุ่นเยาว์ให้พบเห็นอีกมากมายในสถานที่แห่งนี้!
ก็ว่าไม่น่าแปลกใจ ที่ไฉนจวิ๋นเส้าถึงดูไม่ค่อยจะทึ่งกับขอบเขตพลังความแข็งแกร่งอันน่าภาคภูมิใจของเซียถงเท่าไหร่เลย
อันเนื่องด้วยจวิ๋นเส้าตระเวนเดินเยี่ยมทักทายผู้คนตามบ้านเรือนตลอดทาง ทำให้พวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งวันเต็ม จึงค่อยมาถึงเกาะหลัก ณ ใจกลางทวีปจวิ๋นเทียน
เกาะหลักแห่งนี้มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมดของทวีปจวิ๋นเทียน
ซึ่งเกาะหลักจะมีความแตกต่างจากเกาะทั่วๆ ไปอย่างมาก แค่ด่านหน้าก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยป้อมปราการสูง มียอดปรมาจารย์มากมายที่คอยยืนเฝ่าอยู่บนนั้น และพวกเขาแต่ละคนล้วนมีรากฐานพลังลมปราณอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเซียถงทั้งสิ้น
พอมาถึงที่นี่ เซียถงก็พบกับหญิงสาวในชุดแพรพรรณสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ รูปร่างหน้าตาเช่นนี้เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
หญิงสาวในชุดแพรพรรณสีแดงเองก็ประลหาดไม่น้อยทันทีที่เห็นเซียถง แต่ทั้งหมดพลันอันตรธานหายวับไปทันทีที่ได้เห็นจวิ๋นเส้าเดินตรงมาหา หลังจากทั้งสองพูดคุยกันสักครู่ จึงพาเซียถง ฮูหยินหลี่และอิ๋งเอ๋อร์เข้าพักผ่อน
ย่อมสังเกตเห็นแววความสงสัยโฉบแล่นผ่านคู่แววตาของเซียถง จวิ๋นเส้าจึงชิงกล่าวขึ้นก่อนว่า
“ข้าทราบว่าท่านมีคำถามมากมายในใจ แต่มากับข้าก่อนสักครู่ อยากจะพาไปดูที่แห่งหนึ่งเสียก่อน”
และที่แห่งนั้นที่จวิ๋นเส้าพาเซียถงไปก็คือ บริเวณจุดสูงสุดของเกาะหลัก มันเป็นประภาคารสูงเปิดโล่งที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเกาะทั้งมวล
ด้วยระดับความสูงของมันจึงทำให้ผู้คนสามารถทอดสายตามองเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งเกาะ พอมาถึงและลองทอดสายตากวาดมองสุดขอบฟ้าไกล เซียถงก็ค้นพบว่า ยังมีเกาะอีกจำนวนมากมายนักที่ยังไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ซึ่งเกาะเหล่านั้นที่ว่าล้วนอุดมสมบูรณ์เขียวขจี ไอหมอกที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เปี่ยมล้นควบแน่นอยู่เหนือเกาะเหล่านั้น เมื่อลองมุ่งจิตเข้าสัมผัส พลันสบปะทะเข้ากับกลิ่นอายสุดแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนภายในนั้น
เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ เสี่ยวฮั่วอดร้องอุทานขึ้นมิได้ว่า
“ก็ถึงว่า! ไม่น่าแปลกใจที่ไฉนมีแต่ยอดฝีมือระดับลมปราณลึกล้ำมากมายนักในทวีปแห่งนี้ นายท่าน ดูสิ! เกาะแถวละแวกนั้นมีสมุนไพรหายากนับไม่ถ้วนถูกปลูกเอาไว้อยู่!”
เสี่ยวฮั่วรวบรวมพลังจิตรับรู้ทั้งหมดและแผ่ขยายออกไปให้กว้างไกลที่สุดเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด จนกระทั่งมันร้องอุทานขึ้นลั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจยิ่ง รีบกล่าวกับเซียถงว่า
“นายท่าน! ข้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของผลบัวศักดิ์สิทธิ์! มันใกล้จะสุกงอมเต็มที่แล้วด้วย!”
แม้กระทั่งสมุนไพรวิเศษที่แสนล้ำค่าปานนั้นก็ยังมี? พึงทราบ สิ่งที่ทำให้จักรวรรดิซีฉินโดดเด่นและยิ่งใหญ่กว่าจักรวรรดิอื่นๆ โดยรอบเป็นเพราะหุบเขาซีเยว่ บนหุบเขาแห่งนั้นอุดมไปด้วยสมุนไพรที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้จำนวนเหลือคนา และยังมีสมุนไพรล้ำค่าในตำนานที่มิอาจเสาะหาได้จากที่ไหนอีกแล้วในทวีปเทียนหลางอย่าง ผลบัวศักดิ์สิทธิ์
แต่ที่ทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้กลับมี!
กล่าวได้ว่า เกาะทั้งเกาะตรงหน้าของนางเปรียบเสมือนยกหุบเขาซีเยว่ทั้งลูกมาวางไว้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีขนาดกว้างใหญ่เสียยิ่งกว่าหุบเขาซีเยว่ไม่รู้กี่เท่า! ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่จวิ๋นเส้าหาได้สนใจตัวตนของเซียถงในฐานะนักหลอมโอสถเลย
เสี่ยวฮั่วถึงกับส่งยิ้มอันขมขื่นให้เซียถง กล่าวว่า
“ที่นี่มีสมุนไพรหายากมากมายนับไม่ถ้วน และยังมากซะจนไม่ต้องการนักหลอมโอสถเลยด้วยซ้ำ เวลาเป็นอะไรขึ้นมา ก็แค่เดินไปเด็ดสมุนไพรพวกนี้มาเคี้ยวเข้าปากเป็นพอ! สมุนไพรชนิดใดที่ว่าหายากนักหนาในทวีปเทียนหลาง ภายในนี้กลับมีเยอะจนเดินเจอได้ทั่วไป!”
เซียถงลอบกลืนน้ำลายอึดใจด้วยความหวั่นเกรง สถานที่แห่งนี้น่าจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
กวาดสายตาสำรวจมองได้สักพัก นางเพิ่งจะสังเกตเห็นถึงความไม่ปกติอะไรบางอย่าง รูปแบบการจัดเรียงของเกาะพวกนี้ไฉนถึงดูเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดธรรมชาติปานนี้? ทั้งในด้านขนาดและตำแหน่งการมีอยู่ของพวกมันเสมือนกับถูกจัดวางไว้หมดแล้ว
แววความฉงนสงสัยฉายวาบในดวงตาของเซียถง จวิ๋นเส้าเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกประหลาดใจมิได้ นางเพิ่งจะขึ้นมาดูหมาดๆ ไม่นาน ทว่าตอนนี้กลับตรวจพบถึงสิ่งผิดปกติได้แล้ว? เขายิ้มกล่าว
“ท่านรู้ตัวแล้วกระมัง?”
“เกาะทั้งหมดเหล่านี้ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์?”
จวิ๋นเส้าไม่คิดปิดบังใดๆ อยู่แล้ว จึงพยักหน้ายอมรับและกล่าวอธิบายไปตามตรงว่า
“ถูกต้อง! เหล่านี้คือเกาะเทียมที่พวกเราสร้างขึ้นมา โดยอาศัยกระบวนการทางปฏิกิริยาระหว่างหยินหยาง นี่เป็นศาสตร์ความรู้แขนงใหม่ที่พวกเราเพิ่งจะคิดค้นได้ไม่นานนี้”
เหล่าผู้ทรงอำนาจในทวีปเทียนหลาง ล้วนเอาแต่พึ่งพาดินแดนอันกว้างใหญ่และทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา แต่สำหรับพวกเขาชาวจวิ๋นเทียนกลับไม่ใช่แบบนั้น! ทุกคนต่างถือกำเนิดบนเกาะที่ห่างไกลจากอริยธรรมความเจริญ และพื้นที่อาศัยในขอบเขตที่จำกัด และหากต้องการมีชีวิตอยู่รอดไปอีกวัน พวกเขามีเพียงต้องสู้เท่านั้น! จึงมีผู้คนจำนวนมากที่ยอมอุทิศตนกับการศึกษาและวิจัย เพื่อที่จะสร้างส่วนขยายของเกาะเพิ่ม ถึงแม้จะกว้างขึ้นแค่นิ้วเดียว แต่คนเหล่านี้ยอมสละได้กระทั่งชีวิต!
ด้วยองค์ความรู้ต่างๆ มากมายที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ก็ส่งผลให้ทวีปจวิ๋นเทียนอุดมสมบูรณ์และยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้!
ผู้คนในทวีปเทียนหลางต่างสวดภาวนาต่อสรวงสวรรค์ ขอให้พืชพันธุ์เจริญงอกงามงั้นรึ?
ไม่! ในทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้ไม่จำเป็น!
“ไม่อยากจะเชื่อ!”
แม้ความจริงจะปรากฏชัดอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่เซียถงยังมิอาจทำใจเชื่อได้ลง นี่พวกเขาสามารถสรรสร้างเกาะทั้งเกาะได้ด้วยตัวเอง? นี่ทำได้ยังไงกัน? หรือศาสตร์ความรู้แขนงใหม่ที่ว่าหมายถึง…วิทยาศาสตร์?
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะสามารถสรรค์สร้างขึ้นมาได้จากอากาศขึ้นมาได้เลย พวกเราจำเป็นจะต้องเดินเรือเสาะหาเกาะร้างที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อใช้ขยับขยายสร้างเพิ่มต่อเติมขึ้นมา จากนั้นก็ใช้โซ่ตรวนเหล็กเย็นลากมันเข้ามาประกอบเข้าด้วยกันอีกทีหนี่ง!”
จวิ๋นเส้ากล่าวมาถึงจุดนี้ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ดังนั้นแล้ว เราจึงต้องการนักอัญเชิญอสูรเป็นอย่างมาก!”