ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 608 ผู้อาวุโสใหญ่ผู้พึงระวัง (2)
ตอนที่608 ผู้อาวุโสใหญ่ผู้พึงระวัง (2)
ตอนที่608 ผู้อาวุโสใหญ่ผู้พึงระวัง (2)
ภายหลังจากที่จวิ๋นเส้ากล่าวจบ เขาก็เลื่อนสายตามองไปทางผู้อาวุโสใหญ่ ทั้งสองต่างสบปะทะสายตาจ้องกันอยู่สักครู่หนึ่ง คล้ายว่าหาจุดลงตัวตัดสินใจกันได้ ก็เป็นจวิ๋นเส้าที่ละสายตาถอนออกมา กวาดหาไปทางทุกคนและกล่าวว่า
“ตอนนี้ยังเช้าตรู่อยู่มาก ทุกคนแยกย้ายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยามรุ่งสางก็ต้องขึ้นฝั่งแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ ส่วนเรื่องข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกว่านี้ รอให้เจ้าเทียนน้อยส่งสัญญาณมาอีกรอบ จนถึงตอนนั้นก็น่าจะได้ตำแหน่งที่แน่นอนของคุนเผิงแล้ว”
แต่ดูเหมือนว่าคำกล่าวนี้จะให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่อย่างไร จวิ๋นเส้าเอ่ยปากกล่าวเองเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ เขาเองก็ไม่คิดจะล่วงเกินหักหน้าใดๆเช่นกัน ทำได้เพียงหันไปบอกกับซ่งเหว่ยว่า
“นายน้อยเหว่ย หวังว่าจะเข้าใจความหมายที่นายน้อยเส้าเอ่ยไป สัตว์วิญญาณของท่านควรต้องตรวจจับสัญญาณของคุนเผิงได้มากกว่านี้ ภารกิจที่พวกเราดำเนินกันอยู่เกี่ยวพันถึงชีวิตของพวกเราชาวจวิ๋นเทียนทุกคน หวังว่าท่านจะตั้งใจ!”
“ขะ-ขอรับ!”
ซ่งเหว่ยถึงกับเนื้อตัวสั่นสะท้าน และในขณะเดียวกัน เซียถงเองก็ยังรู้สึกได้ทันทีว่า ผู้อาวุโสใหญ่ผู้นี้กำลังแอบใช้พลังจากตราผนึกอสูรสร้างแรงกดดันเข้าปราบปรามซ่งเหว่ยให้กลัว!
นางเคลื่อยสายตาจับจ้องไปที่ซ่งเหว่ย อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีเท่านั้น แต่ไฉนผู้อาวุโสใหญ่ถึงต้องรังแกเขาแบบนี้ด้วย? ซ่งเหว่ยเองก็พยายามทำเต็มที่แล้วเช่นกัน แต่ดูตอนนี้สิ แววตาของเขาตอนนี้มีแต่ความตื่นตระหนกหวาดกลัว โดยสัญชาตญาณของเซียถงแล้ว นางต้องการเข้าช่วยเหลืออีกฝ่ายโดยคิดลังเล ทว่าทันใดนั้น นางกลับถูกหงอวี๋คว้ามือจับเอาไว้แน่น หญิงสาวทั้งสองสบมองกัน และก็เป็นหงอวี๋อีกครั้งที่ส่ายหัวให้เบาๆราวกับพยายามจะสื่อว่า ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย
อึดใจต่อมา ก็มีผู้อาวุโสอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือโต๊ะประชุมลุกพรวดขึ้นมา เสียงเลื่อนเก้าอี้กระแทกกระทั้นเสียงดังราวกับจงใจ
“ผู้อาวุโสใหญ่ หากไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้แล้ว ข้าขอตัวพาลูกชายกลับก่อน!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ผู้อาวุโสคนนั้นก็ช่วยพยุงแขนซ่งเหว่ยออกไป
ตลอดที่ผ่านมา เซียถงไม่เคยพบเจอกับซ่งเหว่ยมาก่อน กล่าวคือนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายตัวเป็นๆ และจนกระทั่งตอนนี้ นางเองก็เพิ่งค้นพบว่า ขาของซ่งเหว่ยดูเหมือนจะพิการ ยิ่งได้เห็นเช่นนั้น เซียถงยิ่งรู้สึกแย่กับผู้อาวุโสใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก จิตใจต้องทำด้วยอะไรถึงมีหน้ามารังแกข่มเหงเด็กพิการเช่นนี้?
ระหว่างภาพฉากนี้กำลังดำเนินไป จู่ๆผู้อาวุโสใหญ่ก็เคลื่อนสายตากหันมามองเซียถง ซึ่งนางเองก็สบสายตากลับอย่างไม่กลัวเกรงใดๆเช่นกัน ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักครู่ใหญ่อย่างไม่มีใครยอมใคร เสี้ยวแวบเดียวเท่านั้น เซียถงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งผ่านแววตาของผู้อาวุโสใหญ่คนนี้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยความโลภ
ขนาดเสี่ยวฮั่วเองยังส่งเสียงเตือนอยู่ในใจเซียถงว่า
“นายท่าน ต้องระวังผู้อาวุโสใหญ่คนนี้ให้ดี!”
จวิ๋นเส้ารู้สึกได้ว่า ชักมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบลุกขึ้นและกล่าวกับเซียถงทันที
“เซียถง ไปกันเถอะ! ข้ามีเรื่องต้องการจะคุยกับเจ้า”
จากนั้นเข่าก็ฉุดแขนพาเซียถงออกไปโดยตรง
เดินพ้นห้องโถงมาได้ จวิ๋นเส้าก็เอ่ยกระซิบข้างหูเซียถงว่า
“เจ้าต้องระวังผู้อาวุโสใหญ่ให้ดี!”
ถึงแม้จวิ๋นเส้าจะโน้มหน้าเข้ามากระซิบใกล้ชิดปานนี้ แต่ไม่วายที่เซียถงจะหันหน้าสบมองหา จ้องตาอีกฝ่ายไม่กะพริบ และด้วยระยะที่ชายหญิงชิดใกล้กันเกินไปนี้ ก็เป็นจวิ๋นเส้าที่ต้องยอมแพ้ เร่งถอดถอนใบหน้าออกห่างด้วยความประหม่าในท้ายที่สุด
“บอกความจริงมา เจ้ามีจุดประสงค์อันใดอื่นกันแน่ที่เชิญข้ามายังทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้?”
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เซียถงอยู่อาศัยในทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้ แต่ที่ผ่านมา นางเองก็ยังหาเหตุผลไม่ได้เช่นกัน ไฉนจวิ๋นเส้าถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้แก่นาง?
จวิ๋นเส้าเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าจริงจังขึ้นถนัดตา เขาเองก็ไม่คิดปิดบังอีกต่อไป
“มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังที่หนึ่ง ถึงตรงนั้นแล้วย่อมอธิบายให้เจ้าฟังโดยธรรมชาติ”
จากนั้นเขาก็พาเซียถงไปยังห้องพักของซ่งเหว่ย
หงอวี๋กำลังอุ้มเจ้าเทียนน้อยมาดื่มน้ำพอดีอยู่ในห้อง ส่วนซ่งเหว่ยก็กำลังเหม่อภาพฉากดังกล่าวด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มเอ็นดู ซึ่งนี่ทำให้เซียถงได้รู้ว่า ซ่งเหว่ยรักเจ้าเทียนน้อยของตนมากเพียงใด
ต่อจากนั้น สายตาของเซียถงก็เลื่อนไปหยุดที่ขาคู่นั้นของซ่งเหว่ย นางได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาคนนี้มาบ้าง ส่วนตัวจริงก็เพิ่งเห็นวันนี้
ไม่นานเกินรอ ความเคลือบแคลงสงสัยของเซียถงที่มีต่อขาคู่นั้นของซ่งเหว่ยก็ได้รับการคลี่คลายโดยไว
หลังจากที่จวิ๋นเส้าวานให้หงอวี๋ออกไปเฝ้าหน้าประตูเสร็จสรรพ เขาก็หันมากล่าวว่า
“มันไม่สำคัญหรอกว่า ขาของซ่งเหว่ยจะเดินได้หรือไม่ แต่ครั้งนี้ หากเราไม่สามาถหยุดพวกผู้อาวุโสเอาไว้ได้ มีหวังอนาคตดับสูญกันหมด!”
เซียถงจับจ้องขาคู่นั้นของซ่งเหว่ยไม่คลายอ่อน เพราะนางรู้สึกได้ว่า ขาของอีกฝ่ายมิได้พิการตั้งแต่กำเนิด และเกิดจากโรคแปลกๆบางชนิดที่อาจทำให้ขาของเขากลายเป็นแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังที่จวิ๋นเส้าเอ่ยกล่าวออกมา นางถึงกับเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที
เห็นทั้งสองมองหน้ากันอยู่นาน ซ่งเหว่ยจึงเอ่ยปากทำลายความเงียบเหล่านั้นลง
“ท่านพี่เซียถง ข้าหวังเพียงว่า ท่านจะสามารถช่วยทำให้ความฝันของพี่เส้าเป็นจริงได้!”
จวิ๋นเส้าได้ยินดังนั้นก็ผงะพลัน แต่เซียถงกลับรู้สึกอดหัวเราะมิได้
“ไม่ว่าจักรวรรดิหรือดินแดนใด ล้วนต้องมีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองเป็นของคู่กันจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้! แต่อย่างไร ดูท่าแล้ว เจ้าต้องการยืมกำลังข้ามาช่วยฝ่ายผู้อาวุโสพวกนั้นมิใช่รึ? แล้วไฉนถึงพูดจาที่ดูสวนทางกันเช่นนี้ออกมา?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความช่างสังเกตของเซียถง จวิ๋นเส้ารู้สึกราวกับตนเองแพ้หมดรูปอย่างแท้จริง เขากล่าวว่าอธิบายตอบกลับไปว่า
“ข้ามิได้หมายถึงพวกผู้อาวุโสในสภาสูง แต่สิ่งที่ต้องการจริงๆคือ ข้าอยากให้เจ้าช่วยกำจัดผู้อาวุโสใหญ่ทิ้งไป!”
แต่เดิมในอดีต กลุ่มผู้อาวุโสทั้งสิบสามแห่งสภาสูงคือสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และพวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งโดยประชาชนอย่างยุติธรรม ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างมีวาระการดำรงตำแหน่งได้สูงสุดเพียงห้าปี และทุกๆห้าปีถัดมา จำเป็นจะต้องมีการคัดเลือกกันใหม่ ซึ่งทุกคนมีโอกาสสูงสุดขึ้นดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระเท่านั้น กล่าวคือ ในหนึ่งคนสามารถอยู่ได้นานสูงสุดไม่เกินสิบปี แต่อย่างไร เท่าที่เซียถงทราบมา ผู้อาวุโสใหญ่ดำรงตำแหน่งนี้มานานกว่าสิบแปดปีแล้ว!
ไม่ต้องบอกก็รู้ เรื่องนี้ต้องมีความไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่!
จวิ๋นเส้าอธิบายต่อว่า
“เดิมทีตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่จะถูกสงวนไว้ให้สำหรับนักอัญเชิญอสูรที่มีระดับพลังสูงสุด เขาจึงดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลายาวนานเกินกว่าขอบเขตที่กำเนิด และคนเดียวที่สามารถโค่นอีกฝ่ายลงจากตำแหน่งได้ คือผู้เป็นนักอัญเชิญอสูรที่มีระดับชั้นเหนือกว่า เซียถง เจ้าคือผู้มีตราผนึกจักรพรรดิฟ้าตั้งแต่กำเนิด ดังนั้น จะมีก็เพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถจัดการอีกฝ่ายลงได้! ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ในทวีปจวิ๋นเทียนของเรา แทบไม่มีนักอัญเชิญอสูรผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงถือกำเนิดมาเลย! เจ้าเข้าใจความหมายที่พยายามจะสื่อหรือไม่?”
เซียถงได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจได้ในทันที ผู้อาวุโสใหญ่ได้รับตำแหน่งนี้ตั้งแต่สิบแปดปีก่อนแล้ว กล่าวคือได้รับมาตอนอายุประมาณห้าสิบต้นๆเองเท่านั้น และเขายังมีพลังกายเหลือเฟือที่จะก้าวขึ้นสู่จุดที่อยู่สูงกว่าต่อไป และที่อันตรายที่สุดคือ ดูท่าแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่คนนี้จะเป็นพวกมีความทะเยอทะยานสูงมาก!