ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 610 ความหลังของจวิ๋นเส้า (2)
ตอนที่610 ความหลังของจวิ๋นเส้า (2)
ตอนที่610 ความหลังของจวิ๋นเส้า (2)
สำหรับเรื่องนี้แล้ว จวิ๋นเส้าเปล่งวาจาออกมาเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ทว่าเซียถงกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเกลียดชังระหว่างเขากับผู้อาวุโสใหญ่ได้ชัดแจ้งเกินไป เมื่อหวนนึกถึงภาพฉากระหว่างประชุมก่อนหน้า ที่เขาแสร้งทำเป็นวางตัวพูดจากด้วยความเคารพรักต่อผู้อาวุโสใหญ่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซียถงก็อดขนลุกมิได้ จวิ๋นเส้าผู้นี้เปรียบเสมือนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองใต้ดินที่มีทักษะการวางตัวสูงมากจริงๆ
จวิ๋นเส้าจ้องหน้าเซียถงไม่คลายอ่อน กล่าวว่า
“หากเจ้าสามารถรักษาขาของเสี่ยวเหว่ยได้จริงๆ ข้า จวิ๋นเส้าคนนึถือว่าติดหนี้บุญคุณเจ้าครั้งใหญ่หลวง! ข้าจะเร่งจัดเรือเล็กแอบไปรับเจ้าออกมาก่อนคืนนี้ มีผู้อาวุโสใหญ่ค่อยอยู่ใกล้ๆดั่งปัจจุบัน เกรงว่าจะไม่สะดวกนักหากพวกเราจะเคลื่อนไหวอันใด ละแวกเกาะเหล่ยเฟย ยังมีเกาะเล็กๆอยู่อีกแห่ง จงใช้ที่นั่นเป็นแหล่งกบดาลรักษาเสี่ยวเหว่ย ส่งเจ้าล่วงหน้าไปก่อน หากภารกิจครั้งนี้ทำสำเร็จ ข้าจะรีบตามไปสมทบ แต่หากไม่แล้ว เจ้าจงพาน้องชายคนนี้หนีจากทวีปจวิ๋นเทียนไปให้ไกลที่สุด!”
เฉพาะเวลานี้เท่านั้น เซียถงพึงตระหนักได้ทันทีว่า ทั้งเรื่องจับพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงก็ดี ทั้งเรื่องค้นหาเกาะใหม่ก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นเพียงข้ออ้างของจวิ๋นเส้า เพื่อล่อผู้อาวุโสใหญ่ออกให้ห่างจากเกาะและจัดการทิ้งเสีย!
“อีกปัญหาหนึ่งก็คือ พญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเพิงกำลังมุ่งหน้าทาทางนี้จริงๆ! ผู้อาวุโสใหญ่เองก็หาใช่พวกโง่หัวทึบ จะล่อลวงอีกฝ่ายให้ติดกับของเราคงไม่ง่ายนักเช่นกัน แต่อย่างไรก็มีเพียงโอกาสนี้เท่านั้นที่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้! เยี่ยงไรต้องลองสักตั้ง! ครั้งนี้ข้านำพรรคพวกของจ้าแอบแฝงมาด้วย คงมีแต่ต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในมือเข้าโถมจัดการ อย่างมากก็แค่ตาย!”
คล้ายสัมผัสได้ถึงร่องรอยความสงสัยที่ฉายผ่านใบหน้าของเซียถง จวิ๋นเส้ารีบอธิบายต่อทันที
“พี่เส้า! ไม่! ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น! ข้า…”
เห็นว่าท้ายที่สุดนี้ จวิ๋นเส้าก็ยังเลือกที่จะช่วยเขา ซ่งเหว่ยรั้นกล่าวด้วยความดื้อดึง ทว่ายังไม่ทันสิ้นประโยคดี จวิ๋นเส้าฉวยโอกาสทีเผลอ ยกบั้งมือขึ้นสับต้นคอของอีกฝ่ายจนสลบมอดในพริบตา
ถึงแม้วิธีนี้จะดูรวบรัดงานหยาบไปเสียหน่อย แต่ก็สามารถหยุดซ่งเหว่ยได้อย่างอยู่หมัด
เซียถงจ้องเข้าไปในดวงตาของจวิ๋นเส้า พร้อมพยักหน้าตอบรับด้วยแววมุ่งมั่น
ในเสี้ยวพริบตาที่สบมองกัน เซียถงได้เห็นทั้งแววความเกลียดชังและความรักที่มีต่อครอบครัวภายในแววตาคู่นั้นของจวิ๋นเส้า และสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ในเบื้องลึกที่สุดนั้นคือ อุดมการณ์อันแสนยิ่งใหญ่!
นึกไปแล้ว ดวงตาเช่นนี้ช่างคล้ายคลึงกับไป๋หลี่หานเสียเหลือเกิน!
นางเองก็มิทราบ บางทีอาจเป็นเพราะความคล้ายคลึงกันนี้ระหว่างจวิ๋นเส้ากับไป๋หลี่หาน หรืออาจเป็นความสัมพันธ์อันดีตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมากับเขา แต่นั่นสามารถทำให้เซียถงเปลี่ยนใจได้จริงๆ จากห้องพักบรรยากาศเงียบสงัด จู่ๆสุ้มเสียงของเซียถงก็เปล่งขึ้น แม้จะแผ่วเบาแต่เร้นแฝงไปด้วยความหนักแน่นยิ่งนัก!
นางกล่าวว่า
“หากรักษาซ่งเหว่ยสำเร็จทัน ข้าจะรีบหาทางผนึกคุนเผิง สัญญาเลย หลังจากที่ข้าได้คุนเผิงเป็นสัตว์วิญญาณได้แล้ว จะรีบมาช่วยเจ้าต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่อีกแรง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งหลิวซูกับเสี่ยวฮั่วพลันส่ายหัวสะบัดหน้าสุดแรง! ปริปากบ่นสารพัดครั้งแล้วครั้งเล่า! ยิ่งเจ้านายของพวกมันแข็งแกร่งมากขึ้นปานใด ก็ดูเหมือนว่าความบ้าระห่ำก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย! มีเรื่องให้ใจสั่นหวาดเสียวได้ทุกวันโดยแท้!
ภายหลังจากตัดสินใจแล้ว จวิ๋นเส้าก็ดูผ่อนคลายกว่าเดิมเล็กน้อย และยิ่งได้ฟังเซียถงกล่าวเช่นนี้ไป ก็เหมือนว่าจะโล่งใจไปอีกหลายเปาะ
ระหว่างนั้น เซียถงก็เริ่มลงมือวินิจฉัยซ่งเหว่ยทันทีโดยไม่รอช้า ก่อนจะพบว่าเขาถูกลอบวางยาพิษ และนั่นเป็นพิษกู่ที่ไม่สามารถบังเอิญไปเจอได้โดยธรรมาชาติ แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์!
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีใครบางคนพยายามจะปองร้ายชีวิตของเขาอยู่!
“พิษงั้นรึ?”
“ถูกต้อง พิษกู่เป็นคำเรียกรวมๆของยาพิษที่เกิดจากการสกัดของสัตว์มีพิษ นั่นแสดงว่าจะต้องมีใครบางคนจงใจสร้างพิษชนิดนี้ขึ้นมา เพื่อปิดกั้นความสามารถของซ่งเหว่ยเอาไว้!”
ซึ่งไม่ต้องบอกก็เป็นอันทราบ ผู้ใดกันที่คือใครคนนั้นอันมีเจตนาร้าย!
กระนั้นเอง ถึงแม้จะรู้สาเหตุของปัญหาแล้ว แต่กลับไม่รู้เลยว่า เซียถงจะสามารถรักษาได้หรือไม่?
ในขณะที่เซียถงเอ่ยกล่าว นางก็วานให้เสี่ยวฮั่วลองตรวจสอบดูอีกรอบทันที ทั้งสองไม่มีเวลามานั่งตอบคำถามจวิ๋นเส้าอีกต่อไป และเริ่มศึกษาตัวพิษกู่เพื่อเสาะหาแนวทางรักษาโดยทันที
เข็มเงินเล่มหนึ่งมีขนาดเรียวบางเท่าเส้นขนวัวในมือเซียถง เคลื่อนไสววูบวาบดุจภูตพรายไปมา และทุกครั้งที่นางลงเข็มสกัดเข้าจุดสำคัญต่างๆทั่วขาของซ่งเหว่ย ก็มักจะมีหนอนเส้นด้ายขนาดจิ๋วจำนวนกว่าหลายสิบตัวคลานออกมาตามอณูรูขุมขนออกมามากมาย
บางตัวมีขนาดยาวเท่าเส้นผม พอจับพวกมันมากองรวมกันนับเป็นร้อยตัว ภาพฉากตอนที่เหล่านั้นดิ้นส่ายไปมาช่างเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงยิ่งนัก แม้แต่จวิ๋นเส้าที่เห็นแบบนั้นยังแทบอาเจียน!
เซียถงก็นำถ้วยกระเบื้องใบหนึ่งมา ใส่ผงยาและเครื่องเทศชนิดกลิ่นแรงพิเศษลงไป เพื่อล่อให้หนอนเส้นด้ายจำนวนที่เหลือคลายออกมาจากขาของซ่งเหว่ย ปล่อยไว้แบบนี้จนกระทั่งไม่มีพวกมันคลานออกมาอีกเลยแม้แต่ตัวเดียว
เสร็จสรรพเซียถงก็หยิบโอสถระดับเก้าขั้นสูงสุดชนิดหนึ่งออกมา และป้อนเข้าปากของซ่งเหว่ยไป ผ่านไปได้สักพัก จู่ๆอีกฝ่ายก็พ่นเลือดสกปรกสีดำกระอักอาเจียนออกมาคำโต และท่ามกลางกองเลือดสกปรกสีดำเหล่านั้น คล้ายมีบางอย่างลักษณะเหมือนกับผลไม้ทรงกลมส่งกลิ่นเหม็นเน่า
เสี่ยวฮั่วบอกให้เซียถงลองสับมันให้ขาดเป็นสองส่วนโดยทันทีและเมื่อลองทำตามที่บอก ปรากฏว่า หนอนเส้นด้ายที่ดีดดิ้นเหล่านั้นในถ้วยก็พลันหยุดเคลื่อนไหวลงทันที
จวิ๋นเส้าหรือจะคาดคิด เจ้าบางสิ่งคล้ายผลไม้ลูกนี้เพียงลูกเดียวจะสามารถทำลายอนาคตของซ่งเหว่ยตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ได้จริงๆ?! และเรื่องที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือ หนอนเส้นด้ายขยะแขยงเหล่านี้นับร้อยตัวจะอาศัยอยู่ในร่างของน้องชายเขามาโดยตลอด! มองพวกมันนับร้อยที่กองอยู่ถ้วยส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาต่อเนื่อง จวิ๋นเส้าอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบมิได้ เห็นทีเขาจะตัดสินใจถูกต้องแล้วจริงๆ ที่เลือกให้เซียถงช่วยเหลือซ่งเหว่ย มิฉะนั้นแล้ว เกรงว่าพวกหนอนน่าขยะแขยงเหล่านี้คงตกค้างอยู่ในตัวของอีกฝ่ายเช่นนี้ไปตลอด และบางทีจนกระทั่งวันตายก็ยังไม่มีใครรู้ตัว!
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่? เห็นทีเรื่องราวภายในสภาสูงจะงำประกายซ่อนคมเหลี่ยมมากกว่าที่คิดไว้! ใครก็ตามที่ถูกเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อตัวมัน มันคงเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อกำจัดทิ้ง! เจ้าคนพวกนี้จะถวิลหาอำนาจอิทธิพลอะไรมากมายปานนั้นกัน?”
เอ่ยกล่าวออกมาสองสามประโยค เซียถงอดถอนหายใจเฮือกใหญ่มิไกดเ พลางเฝ้าดูอาการของซ่งเหว่ยที่กำลังหลับพักผ่อนอยู่ ขณะเดียวกันก็กล่าวขึ้นว่า
“เสี่ยวฮั่ว ดูเหมือนว่าพลังตราผนึกของซ่งเหว่ยจะดูดีขึ้นมาแล้ว?”
เสี่ยวฮั่วพยักหน้าตอบ อาศัยพลังจิตวิญญาณของตนเพ่งพินิจมองผ่านเข้าไปในร่างกายซ่งเหว่ย ดูท่าแล้ว ตราผนึกแห่งจักรพรรดิเทวะโดยกำเนิดของอีกฝ่ายจะเริ่มฟื้นคืนความแกร่งกล้ากลับมาได้กว่าหลายส่วนแล้ว
“โชคยังดีนักที่ตราผนึกจักรพรรดิเทวะในกายของเขายังไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง! นายท่านสามารถวินิจฉัยพบพิษกู่ได้ทันท่วงทีจริงๆ! หากปล่อยไป พวกมันจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ห้วงมิติอสูรภายในจิตวิญญาณของเขาได้ และเนื่องด้วยพวกมันสามารถแพร่พันธุ์ขยายจำนวนได้ในอัตราที่เร็วมาก ภายในหนึ่งปี เขาจะสิ้นใจตายลงทันที สาเหตุมาจากร่างกายขาดแคลนพลังงาน พวกมันเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับกาฝาก เป็นปรสิตที่จะดูดกลืนพลังชีวิตเจ้าของร่างอาศัยจนตาย! แต่ตอนนี้ทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว ข้าเองก็ซ่อมแซมตราผนึกจักรพรรดิเทวะที่เสียหายแก่เขาแล้วเช่นกัน อีกสักพักก็คงหายดีเป็นปกติ!”
เซียถงได้ฟังเช่นนั้นค่อยโล่งใจ นางหันไปกล่าวถามกับจวิ๋นเส้าว่า
“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสใหญ่ก็แค่สวะดีๆชิ้นหนึ่ง! นอกเหนือจากเขาแล้ว ยังมีใครกล้าหยิบใช้วิธีสกปรกเช่นนี้อีก? ไม่ต้องหาเรือแยกให้ข้าไปไหนแล้ว ในวันพรุ่งนี้ พวกเราต้องเสาะหาทางแยกจากบรรดาฝูงชน ข้าจะไปลองกำราบคุนเผิงด้วยตัวคนเดียวว่าพอไหวหรือไม่!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจอันเด็ดขาดของเซียถงปานนี้ จวิ๋นเส้าถึงกับผงะไปชั่วครู่หนึ่ง จับจ้องนางด้วยความตกใจราวกับเห็นผี!
กล่าวได้ว่า ผู้อาวุโสใหญ่คือนักอัญเชิญอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ว่าจะเป็นในกาลอดีตหรือปัจจุบัน แต่กระนั้นเขาเอง ยังไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่นักว่า ตนเองแค่ลำพังจะสามารถกำราบคุนเผิงได้อยู่หมัด จึงได้ขนเหล่านักอัญเชิญอสูรระดับสูงมาเต็มลำเรือ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่เป็นนักอัญเชิญอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปทั้งสิ้น บ้างยังบรรลุไปถึงระดับเทพอสูรครึ่งขั้นแล้ว!
ทว่าสุดท้ายนี้ เซียถง…นางคิดจะกำราบคุนเผิงด้วยตัวคนเดียวจริงๆงั้นรึ?