ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 612 ความลับที่ดำมืด (2)
ตอนที่612 ความลับที่ดำมืด (2)
ตอนที่612 ความลับที่ดำมืด (2)
เซียถงจงใจคว้ามีกสั้นที่เหน็บข้างเอวขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวโดยไว วานให้หลิวซูขึ้นไปช่วยอารักขาพวกที่อยู่บนชายฝั่ง ขณะเดียวกันนางก็เรียกเสี่ยวฮั่วให้ปีนลงหน้าผากสู่เหวิ้งอย่างระมัดระวัง
ก่อนอื่นก่อนใดยังไม่ทันลู่ตัวลงไป ก็พลันได้ยินเสียงสะท้อนกึกก้อง ซึ่งแต่เดิมนั้นก็ฟังดูดังมากอยู่แล้ว พอยิ่งลงมาเซียถงก็ยิ่งตระหนักได้ว่าสุ้มเสียงเหล่านี้ดังขึ้นและดังขึ้น คล้ายกับเสียงลมพัดผ่าน ฟังอีกทีเสมือนเม็ดฝนหยดปรอยๆ
ทว่าอย่างไร เมื่อลงมาถึงเหวิ้งใต้หน้าผาแห่งนี้ สุ้มเสียงกลับรุนแรงดุจพายุ!
สายลมกระโชกคลั่งสนั่นดังปัง ปัง ปัง ก้องกังวานเช่นนี้ไม่มีสิ้นสุดจนแก้วหูแทบฉีกทะลุ!
เซียถงไม่สามารถทนฟังได้ไหวอีกต่อไป จึงรีบฉีกชายเสื้อแพรพรรณของตนสองส่วนยัดใส่รูหูแน่นหนา จากนั้นค่อยตบเท้าเดินแช่มสำรวจต่อไป
ผ่านไปได้สักระยะสิบฉื่อ กลิ่นไอโลหิตคุกรุ่นโชยกระแทกใบหน้าของนางหอบใหญ่ พริบตาดังกล่าวนางแทบจะอาเจียนออกมา และในทันทีทันใด ก็มีน้ำทะเลเหนียวหนืดหย่อยหยดลงมาสัมผัสกับผิวแก้มของนาง เจ้าสิ่งนี้เหลวอุ่นน่าคาดไม่ถึง เมื่อนั้นเซียถงลองเอื้อมมือขึ้นแตะและนำมาดมพิสูจน์ใต้ปลายจมูก นางถึงกับเบิกตาโตด้วยความตะลึง สิ่งนี้หาใช่น้ำทะเลที่ไหน แต่เป็นเลือดอย่างชัดเจน!
ในขณะเดียวกัน ลมทะเลพัดโบกแผ่ไพศาลไกลสุดขอบฟ้า ทว่าพริบตานั้น ลมทะเลเสมือนถูกตีกลับมาพร้อมชักนำเมฆาสีทมิฬหนาทึบประดุจไอหมอกคืบคลานเข้าหาแทน แสงจันทร์เจ้าสีเงินทอประกายสาดทะลุรูช่องชั้นหมอกเหล่านั้น ก่อเกิดเป็นธารแสงสีระยับอ่อนส่องกระทบสู่เหวิ่งใต้หน้าผา ช่างเป็นภาพฉากที่หาดูได้ยากนักแล
ทว่าอย่างไร คล้อยหลังจากปรากฏการณ์ที่แสนสวยงามนี้สาดส่องเข้ามา ในที่สุดเซียถงก็ได้พบเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างภายในเวิ้งใต้หน้าผาแห่งนี้ ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากสถานที่ฆาตกรรมฉากใหญ่ที่มีแต่เลือดและกลิ่นอายความเหี้ยมโหด!
ฝูงสัตว์อสูรจำนวนนับพันกำลังรุมเข่นฆ่ากันเองอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็กำลังกัดแทะซากศพของเพื่อนกันเองอยู่อย่างดิบกระหาย ส่งผลให้ธารเลือดสีแดงข้นสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งเวิ้งถ้ำแห่งนี้!
ในเสี้ยวพริบตานั้น สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนได้ตายลงจากการห้ำหั่นฆ่ากันเอง ถึงกระนั้น ศึกการต่อสู้ก็ยังไม่จบลง พวกมันบางตัวที่ยังพอมีลมหายใจหลงเหลือ ราวกับถูกบังคับให้ยืนหยัดขึ้นสู้อีกครั้ง และเข้าฆ่ากันจนตัวตายในท้ายที่สุด ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับแหล่งซากสัตว์ที่ถูกทิ้งจากโรงเชือดเลย!
แม้แต่เซียถงที่เคยพบเคยเจอกับภาพฉากโศกนาฏกรรมฉากใหญ่มาแล้วนัดต่อนัด เจอแบบนี้เข้ายังอดที่จะอาเจียนมิได้!
ทันใดนั้นเอง เสี่ยวฮั่วก็เอ่ยขึ้นผ่านห้วงความคิดของนางว่า
“นายท่าน สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนแต่มีเจ้าของทั้งสิ้น!”
ได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจพลัน เซียถงรีบใช้จิตสมาธิมุ่งเข้าสัมผัสกระแสจิตวิญญาณเนื้อลึกในตัวของพวกมันเหล่านั้นทันที และต้องอดประหลาดใจมิได้ที่ค้นพบว่า พวกมันหาใช่สัตว์อสูรเถื่อนตามป่านตามเขา แต่ทั้งหมดล้วนคือสัตว์วิญญาณที่ได้รับการทำสัญญากับมนุษย์! และนางเองยังเป็นถึงนักอัญเชิญอสูรระดับสูง ย่อมทราบมากกว่านั้นว่า สัตว์วิญญาณทั้งหมดภายในนี้ล้วนมีเจ้านายเป็นคนๆเดียวกัน!
เซียถงถึงขนาดอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ หากว่าสัตว์วิญญาณั้งหมดภายในนี้ล้วนเป็นของนักอัญเชิญอสูรคนเดียวกันจริง แล้วไฉนปล่อยพวกมันไว้ที่นี่ แล้วสั่งให้มาฆ่ากันเอง? นี่มันโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ไปแล้ว! “เจ้านายของพวกมันสั่งให้สัตว์วิญญาณทุกตัวเข่นฆ่ากันเอง ทั้งหมดก็เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ!”
ในฐานะที่เป็นถึงเทพอสูร แม้ว่าเสี่ยวฮั่วจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดดั่งกาลก่อนได้ แต่พลังในด้านจิตสัมผัสและสัญชาตญาณของมันยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง จึงสามารถรับรู้ได้ว่า จุดประสงค์ที่ปล่อยให้สัตว์อสูรเข่นฆ่ากันเองเช่นนี้ก็เพื่อใช้กลิ่นเลือดกลิ่นเนื้อของพวกมันเป็นเหยื่อล่อ สำหรับดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังยิ่งกว่าอันซึ่งอาศัยอยู่ใต้สมุทรใกล้เคียง!
แน่นอน ไม่นานหลังจากนั้น เซียถงก็สัมผัสได้ว่า กำลังมีฝูงสัตว์อสูรอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้! และเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ภายในเวิ้งนี้ก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้ฆ่ากันเองอย่างบ้าคลั่งเข้าไปใหญ่ พวกมันต้องการเฟ้นหาผู้เหลือรอดเพียงหนึ่งเดียว เพื่อหนีออกไปจากตรงนี้ก่อนที่ผู้อยู่เหนือกว่ากลุ่มใหม่จะมาถึง!
และทันใดนั้น พลันปรากฏแสงสว่างสีขาววาบฉายส่องลงมาสู่เวิ่งใต้หน้าผากแห่งนี้!
ปฏิกิริยาของเซียถงไม่เป็นสองรองใคร เสี้ยวอึดใจนั้น นางรีบวิ่งหาที่เลี่ยงหลบหลังโขกหินงอกที่ด้านหนึ่งของเวิ้งถ้ำ ซ่อนตัวปกปิดกลิ่นอายของตนอย่างมิดชิด
ตราผนึกอักขระโบราณปรากฏขึ้นบนพื้น พร้อมคลื่นสมุทรที่ซัดโถมเข้ามา บรรดาสัตว์อสูรที่ยังเหลือรอดยิ่งทวีความบ้าคลั่ง แยกเขี้ยวกัดกันอย่างดิบกระหาย และไม่นานจากนั้น ฝูงสัตว์อสูรกลุ่มใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก็มาถึง และเข้าร่วมศึกเข่นฆ่านี้ เพิ่มความเถื่อนให้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงขีดสุด
“ละ-เหลือ…เหลือเชื่อ!”
เสี่ยวฮั่วถึงขั้นอดถอนหายใจมิได้ น้ำเสียงเปล่งดังอธิบายขึ้นต่อด้วยหลากหลายคลื่นอารมณ์ที่ถาโถม
“ฝูงสัตว์อสูรกลุ่มใหม่เหล่านี้ล้วนแต่เป็น…เทพอสูรชั้นกลาง! พวกมันแทบจะทรงพลังเทียบเคียงเทพอสูรชั้นสูงอยู่แล้ว!! เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับข้าก็ว่าได้… ใครกันที่สามารถควบคุมพวกมันให้อยู่ใต้อาณัติด้วยตัวคนเดียวได้? ความสามารถเช่นนี้มัน…ระดับปีศาจแล้ว!!”
เซียถงได้ยินเช่นนั้น พลันรู้สึกใจเต้นกระหน่ำเร็ว เริ่มปรากฏร่องรอยความครั่นคร้ามขึ้นซ่อนลึกในดวงตาของนาง สักครู่หนึ่งจึงตั้งสติเอ่ยถามเสี่ยวฮั่วไปว่า
“พลังนักอัญเชิญอสูรของอีกฝ่ายอยู่ในระดับใด?”
เมื่อเสี่ยวฮั่วมุ่งจิตเข้าตรวจจับดู จู่ๆก็พลันหัวเราะเยาะออกมาให้แก่ความอ่อนด้อยของตนเอง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับม่วง ตกใจจนแทบเป็นลม มันกล่าวกับเซียถงว่า
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้! หากต้องการขึ้นกลายเป็นนักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูร จำเป็นจะต้องมีตราจักรพรรดิฟ้าขึ้นไป! มิฉะนั้นจะเท่ากับว่าขาดซึ่งคุณสมบัติ และยังไม่มีทางเลื่อนขั้นไปเป็นนักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูรได้! แต่เขา…เขาคนนี้ไม่มีตราผนึกจักรพรรดิฟ้าที่ว่าเลย!”
เซียถงได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งฉงนสงสัยอย่างหนัก!
“การจะเลื่อนขั้นกลายเป็นนักอัญเชิญอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งระดับเทพอสูร หาใช่ว่าตราผนึกจักรพรรดิฟ้าเป็นเงื่อนไขอย่างต่ำ? แล้วนี่ไม่ต้องกล่าวถึงตราผนึกจักรพรรดิฟ้าด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะสามารถผนึกเทพอสูรชั้นกลางให้อยู่ใต้อาณัติโดยปราศจากตราผนึกจักรพรรดิเทวะได้ยังไง? นี่เป็นไม่ได้เลย!”
เสี่ยวฮั่วพยักหน้าโดยไว รีบกล่าวตอบทันที
“นี่แหละคือสิ่งที่ข้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีแม้แต่ตราผนึกจักรพรรดิฟ้าด้วยซ้ำ! นายท่าน บุคคลที่เรากำลังจะเผชิญหน้าด้วยน่ากลัวเกินไปจริงๆ รีบเสาะหาโอกาสเหมาะสมแล้วหนีไปตั้งหลักก่อนจะดีกว่า!”
เซียถงรู้สึกได้เช่นกัน อีกฝ่ายหาใช่คนที่ควรยั่วยุล้ำเส้นเป็นอย่างยิ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่สามารถเข้าใจได้เลยก็คือ อีกฝ่ายกลายมาเป็นนักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูรได้อย่างไรโดยไม่มีแม้กระทั่งตราผนึกจักรพรรดิฟ้า?
อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อแสงจันทร์สีเงินระยิบระยับสาดส่องเป็นประกายเข้ามา บุคคลผู้นั้นที่มาพร้อมกับฝูงเทพอสูรของตนก็ปรากฏกายในท้ายที่สุด มวลพลังวิญญาณมหาศาลที่เอ่อล้นออกมาจากกองซากศพของบรรดาสัตว์อสูรที่เข่นฆ่ากันก่อนหน้านี้นับไม่ถ้วน ล้วนถูกฝูงเทพอสูรเหล่านี้กลืนเขมือบเข้าไปเพื่อเติมเต็มพลังความแข็งแกร่งของพวกมัน!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก!
เร็วเสียจนเซียถงยังต้องตกใจ!
และเมื่อมวลพลังวิญญาณเหล่านั้นถูกดูดกลืนจนหมดสิ้น วงแหวนอักขระสีขาวบนพื้นก็ค่อยๆจางหายไป เผยให้เห็นใบหน้าของใครคนนั้น!
ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ประดุจมีสายอสนีบาตฟันฟาดผ่ากลางจิตใจของเซียถงดังเปรี้ยง!
“ที่แท้ก็เป็นเขา!”