ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 615 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (1)
ตอนที่615 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (1)
ตอนที่615 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (1)
แม้ว่าเสียงร้องเตือนของซ่งเหว่ยจะดังกังวานเพียงใด แต่ทั้งหมดล้วนถูกเสียงฟ้าคำรามและผืนสมุทรกรีดร้องกลบโดยสิ้น
ใครหรือจะคาดถึง เมื่อพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเซียถง นางถึงกับตกตะลึงอย่างยิ่ง เจ้าสิ่งนี้ไม่มีความคล้ายคลึงกับคุนเผิงเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม อันเนื่องลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรอันโดดเด่นของมัน ก็มีชื่อของสัตว์เทพอีกตนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว มังกรสมุทร เจียวหลง!
เจียวหลงคือสัตว์เทพผู้ล้มเหลวที่ไม่สามารถวิวัฒนาการกลายขึ้นเป็นมังกรฟ้าได้!
เซียถงหรือจะคาดคิดว่า เจ้าสิ่งที่ทุกคนหลงเชื่อว่าเป็น พญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง แท้จริงแล้วจะเป็นสัตว์เทพอีกตนหนึ่ง ผู้มีนามว่า มังกรสมุทร เจียวหลง!
ท้องนภายามนี้วิปลาสประดุจกำลังจะถล่มลงมา สายอัสนีบาดฟันฟาดสะบั้นผ่าลงมาอย่างไม่มีหยุดยั้ง แม้กระทั่งเสียงลมฟ้าลมฝนยังเห่าหอนกังวาลเสียดแทงแก้วหู
เมื่อลมฟ้าลมฝนเหล่านี้พุ่งเข้าปะทะใบหน้า ก่อให้เกิดกระแสความรู้สึกเจ็บแปลบ
ในเสี้ยวพริบตาเดียวกัน กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือเซียถงก็เปล่งแสงสีม่วงสว่างจัดจ้าน ตามมาด้วยใบกระบี่ทั้งใบที่ถูกเปลวอัคคีสีทองอร่ามแผดผลาญลุกไหม้ดุจคบเพลิง กระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ฉาบเคลือบด้วยเพลิงพิภพเก้าดุษณีเล่มนี้ ต่อให้นำไปจุ่ม ณ ใจกลางมหาสมุทร มันก็ยังเปล่งแสงอัคคีสีม่วงทองโชติช่วงไม่มีวันมอดดับ เสี้ยวพริบตาเดียวกัน เซียถงยกมือข้างหนึ่งขึ้นพัลวันประกอบสร้างวงแหวนผนึกสีขาวสว่างไสวเจิดจรัสขึ้นมา
เมื่อเห็นภาพฉากดังกล่าว ทันใดนั้นเอง ณ ใจกลางตาพายุคลั่ง พลันปรากฏดวงตาลูกกลมโตคู่ดุร้ายเปิดขึ้น พินิจจากสายตาของมันที่เผยแสดงออกมา ดูจะก่อเกิดร่องรอยประหลาดใจอยู่สามส่วน และอีกเจ็ดส่วนที่เหลือคือแววเย้ยหยั่นดูแคลน
สุ้มเสียงอึกทึกโบราณเปล่งดังกึกกังวานจากส่วนลึกสุดภายในมหาสมุทรสีทมิฬ นั่นหาใช่ทั้งเสียงหญิงหรือชาย แต่ใครที่ได้รับต่างต้องขนหัวลุกซู่สะพรึงกลัวจับขั้วกระดูกดำ
“เจ้านักอัญเชิญอสูรตัวน้อย ต้องการผนึกข้าให้อยู่ใต้อาณัติการควบคุมของเจ้ากระมัง?”
มังกรสมุทรเจียวหลง สามารถพูดภาษามนุษย์ได้?
เมื่อได้ยินเสียงนี้เท่านั้น เสี่ยวฮั่วถึงกับสั่นสะท้านหนัก!
แค่ฟังเสียงก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งไร้เทียมทานอันไร้ขอบเขตของเจียวหลงผู้นี้แล้ว และมันยังแข็งแกร่งกว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์อย่างเสี่ยวฮั่วมาก! กล่าวคือ ถึงแม้ตัวเสี่ยวฮั่วเองจะอยู่ในระดับชั้นสูงสุดของเทพอสูรทั้งหมด แต่มันก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจียวหลงผู้นี้!
“นายท่าน! รีบหนีเร็ว! พวกเราไม่มีทางเอาชนะมันได้เลย! หลิวซูมันเก่งเรื่องหนีเป็นที่สุด”
ในขณะที่เอ่ยปากโน้มน้าวเซียถงอยู่นั้นเอง เสี่ยวฮั่วก็เห็นว่านาคีสมุทรจูหรงพุ่งเข้าโจมตีใส่เขาโดยไม่ลังเลเช่นกัน!
“น่ารำคาญนัก!”
ถึงเสี่ยวฮั่วจะไม่สามารถสำแดงใช้ขีดจำกัดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของตนเข้าปราบปรามเจียวหลงได้ แต่สำหรับนาคีสมุทรจูหรงแล้วกลับหาใช่เรื่องยากเกินความสามารถเกินไปนัก แต่อย่างไร มันเองก็ทราบดี จุดประสงค์ที่ผู้อาวุโสใหญ่ส่งนาคีสมุทรออกมาเช่นนี้ก็เพื่อเฟ้นหาความจริง กล่าวคือ หากมันออกโรงต่อสู้ อีกฝ่ายจะทราบทันทีว่า มันเป็นเพียงตัวล่อเท่านั้น
คิดได้ดังนั้น เสี่ยวฮั่วก็แสยะยิ้มอย่างมีนัย แต่กลั้นใจดำดิ่งสู่ก้นสมุทรลึกในทันใด และรีบแวกว่ายไปทางเจียวหลงโดยเร็ว
ภายในห้วงความคิดของนาคีสมุทร จู่ๆก็มีเสียงของผู้อาวุโสใหญ่สื่อจิตส่งผ่านเข้าหาดังกึกก้องว่า
“รีบไปดูเร็ว! จับตาดูให้จงดี อย่าให้คุนเผิงหนีไปได้!”
ได้รับคำสั่งดังนั้น นาคีสมุทรเร่งความเร็วติดตามเสี่ยวฮั่วจนสุดท้าย จนพุ่งไปชนเข้ากับบางสิ่งที่มีขนาดมหึมาดุจหุบเขากลางมหาสมุทร และเมื่อชูศีรษะโผล่ขึ้นจากผิวน้ำ มันก็พบกับ สิ่งที่ทุกคนต่างเรียกมันว่า‘คุนเผิง’ นาคีสมุทรตนนั้นพลันหน้าถอดสีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกแรงดึงมหาศาลจากใต้ก้นสมุทรฉุดกระชากลากหางของมันลงน้ำไปในพริบตา
ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆต่างเฝ้ามองสถานการณ์จากทางไกลอย่างใจจดใจจ่อ และในตอนที่จู่ๆนาคีสมุทรก็หายตัวไปนั้น พวกเขาทั้งหมดต่างปั้นหน้าตื่นตะลึงตกใจกันอย่างยิ่ง
จวิ๋นเส้าเองยังต้องขมวดคิ้ว สองมือใต้แขนเสื้อยาวกำแน่นจนกลายเป็นกำปั้นที่สั่นเทา เขาแอบเป็นกังวลยิ่งกว่าใครๆ เซียถง! เจ้าต้องปลอดภัย! เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด ในตอนแรกนั้น เขาเพียงคิดว่า จะเชิญเซียถงมาเพื่อช่วยเหลือแผนการของเขา โดยเชื่อว่า นางคือบุคคลผู้ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสในการปฏิวัติและล้มล้างอำนาจเก่าได้ ทว่าภายหลังจากที่ได้รู้จักกับนางมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ถึงแม้เขาจะทราบดี เซียถงมีชายอื่นอยู่ในใจแล้ว แต่เบื้องลึกในจิตใจ จวิ๋นเส้าก็ยังคาดหวังว่า เซียถงจะเห็นเขาอยู่ในสายตาบ้างสักครั้ง ใช่แล้ว เขาตกหลุมรักนางเข้าให้แล้วจริงๆ ทว่าตอนนี้ จวิ๋นเส้ากลับรู้สึกเสียใจยิ่งต่อการตัดสินใจของตนเอง ที่ดึงเซียถงเข้ามาพัวพันกับเรื่องอันตรายเหล่านี้ และมิอาจทราบได้เลยว่า บนผืนสมุทรอีกฟากฝั่งหนึ่งมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง…
บทสรุปสุดท้ายหลังจากที่จบบทสนทนาหารือกับเซียถงในตอนนั้นคือ นางจะหาทางยับยั้งพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง เพื่อเปิดโอกาสให้เขาลอบสังหารผู้อาวุโสใหญ่!
จวิ๋นเส้ากัดฟันกรอดเสียงซี่ฟันเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด เขาถอนสายตาออกจากภาพฉากตรงหน้า เหลือบชำเลืองหาหงอวี๋ทั่อยู่เคียงข้างพลางผงกศีรษะส่งสัญญาณให้ จากนั้นนางก็ก้าวถอยหลังและถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ
จวิ๋นเส้าตบเท้าเดินขึ้นหน้าไปหาผู้อาวุโสใหญ่และกล่าวว่า
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ นี่เกิดอะไรขึ้นกัน? เหตุไฉนเทพอสูรนาคีสมุทรของท่านถึงได้หายตัวไปทั้งแบบนั้น?”
ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ฉงนใจไม่น้อยกว่าใคร
“แปลกมาก! ทั้งที่จับสัมผัสได้แน่ชัดแล้วว่าเป็นคุนเผิง ตามหลักแล้วก็ควรจะเป็นมันไม่ผิดแน่ แต่ไฉนผืนสมุทรท้องนภาถึงยังสงบนิ่งเช่นนี้ได้!”
จวิ๋นเส้าแสร้งทำเป็นปั้นสีหน้าลังเลชักไม่แน่ใจ กล่าวขึ้นด้วยความกังวลว่า
“หรือจะมีอะไรผิดพลาดไป? ลองส่งเรือไปตรวจสอบดูเองดีกว่าหรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วเป็นกังวลไม่เสื่อมคลาย เขานำข้อเสนอแนะของจวิ๋นเส้าเก็บมาครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายนี้ เขากลับไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง เพราะไม่ว่าในกรณีใด ก็มิอาจปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง ถือเป็นสิ่งล่อตาล่อใจของนักอัญเชิญอสูรระดับสูงทุกคน พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงผืนพิภพทั้งหมดในแบบที่ต้องการได้ ขอเพียงมีคุนเผิงอยู่ใต้อาณัติควบคุม ดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่จึงให้ความสำคัญและระมัดระแวงเรื่องนี้เป็นพิเศษ สิ่งใดที่อาจเป็นปัญหาได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเล็กน้อยปานใด เลี่ยงได้เขาก็จะเลี่ยงมัน!
ดังนั้นแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับข้อเสนอนี้ของจวิ๋นเส้า ผู้อาวุโสจึงแสร้งทำเป็นครุ่นคิดทบทวน ก่อนจะนำกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า
“ส่งเรือไปสำรวจเกรงจะหาใช่หนทางที่เหมาะนัก ภายใต้สถานการณ์อันตรายปานนี้ มิอาจปล่อยให้บุคลากรของเราต้องเสี่ยงเด็ดขาด!”
จวิ๋นเส้าได้ยินเช่นนั้นก็แอบหัวเราะเย้ยหยั่นกับตัวเองในใจ เขากับเซียถงแท้ที่จริงได้คาดการณ์ถึงบุคลิกนิสัยของผู้อาวุโสใหญ่มาอย่างละเอียดครบถ้วนแล้ว คิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่า อีกฝ่ายจะต้องให้คำตอบเช่นนี้มา
เมื่อได้ยินผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยเช่นนั้น จวิ๋นเส้าก็ยิ่แสร้งปั้นหน้าวิตก
“หากท่านไม่ส่งคนของเราไปตรวจสอบ เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไรดี? แม้กระทั่งเทพอสูรนาคีสมุทรของท่านเองก็หายไปแล้ว…”
พริบตานั้น ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยแทรกขัดจังหวะโดยพลัน
“ไม่ต้องห่วง! ข้าจะส่งสัตว์วิญญาณตนอื่นๆไปตรวจสอบที่แห่งนั้นเอง!”
ทันทีที่กล่าวจบ จวิ๋นเส้าก็แลเห็นผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นรุนแรงนับไม่ถ้วนซัดโถมใส่ชายฝั่งบนเกาะเหล่ยเฟย เกิดฟองน้ำผุดออกมาต่อเนื่องเสมือนทะเลผืนนี้กลายมาเป็นน้ำเดือดปุดๆ
เสี้ยวพริบตาต่อมา ปรากฏเป็นฝูงสัตว์วิญญาณธาตุน้ำจำนวนมหาศาลของผู้อาวุโสใหญ่ถูกปลดปล่อยออกมา พร้อมเร่งแหวกว่ายพุ่งตรงออกไป
เสี่ยวฮั่วดำดิ่งสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร ปากกิเลนของมันกำลังฝังเขี้ยวกัดหางของนาคีสมุทรตนนั้นแน่น และก่อนที่นาคีสมุทรจะทันได้ตอบโต้ใดๆ มันก็ดึงนาคีสมุทรกลับสู่ห้วงความคิดของเซียถงไปด้วยกัน!
หลังจากมาภายในห้วงความคิดอันกว้างใหญ่ดุจท้องนภาฟ้าของเซียถง นาคีสมุทรถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น อันเนื่องมาจากรัศมีแรงกดดันศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวฮั่วที่ควบแน่นอยู่ทั่วสถานที่แห่งนี้ อีกทั้ง ลำดับสายเลือดของเสี่ยวฮั่วที่สูงส่งกว่าของนาคีสมุทรตนนี้มาก จึงทำให้เสี่ยวฮั่วสามารถตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างนาคีสมุทรตนนี้กับผู้อาวุโสใหญ่ได้ ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะเปิดโอกาสให้เซียถงแย่งชิงการควบคุมเจ้านาคีสมุทรตนนี้มาจากผู้อาวุโสใหญ่!