ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 617 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (3)
ตอนที่617 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (3)
ตอนที่617 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (3)
ผู้อาวุโสใหญ่เฝ้าดูสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนของเขาที่หายสาบสูญไปจากผิวน้ำอย่างลึกลับ และทันทีที่พวกมันแต่ละตนหายพ้นสายตาไป กระแสจิตที่เคยเชื่อมต่อสื่อสารกันล้วนอันตรธานหายสิ้นไปตามเช่นกัน
ช่างเป็นความตกใจที่ยากเกินอธิบายได้ติดตรึงอยู่กลางใจของผู้อาวุธใหญ่ ทว่าภายนอกเขากลับหาได้แสดงอาการใดๆออกมาให้เห็นเลย
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนเห็นภาพฉากที่เกิดขึ้นทั้งหมด และยังอดรู้สึกประหลาดใจมิได้เช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่! นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผู้อาวุโสใหญ่ทำได้แค่ระบายยิ้มออกมาอย่างใจเย็น กล่าวตอบว่า
“พวกเจ้าจะตื่นตระหนกอันใด!”
ถึงแม้เจ้าตัวจะกล่าวออกมาเช่นนี้ ทว่าภายในใจของเขากลับสั่นระรัวปราศจากความสงบใดๆ เขามุ่งสายตาสะดุดเข้ากับบรรดาสัตว์วิญญาณของคนอื่นๆที่อยู่ท้ายหลัง ทันใดนั้น ความคิดชั่วร้ายประการหนึ่งก็ผุดขึ้น
“สั่งให้สัตว์วิญญาณของพวกเจ้าทั้งหมดออกไปร่วมด้วย!”
ทันทีที่สุ้มเสียงของผู้อาวุโสใหญ่แผ่วลง ทุกคนต่างตะลึงงันตกใจยิ่ง
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่! ทำเช่นนี้แล้วเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก!”
จุดแข็งที่สุดของนักอัญเชิญอสูรก็คือสัตว์วิญญาณของพวกเขา แล้วหากว่าหลังจากนี้ สัตว์วิญญาณของแต่ละคนหายสาบสูญไปเหมือนกับของผู้อาวุโสใหญ่ ยามเกิดภัยอันตรายขึ้นมา แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดออกมาได้เยี่ยงไร? ดังนั้นจวิ๋นเส้าจึงรีบเอ่ยขัดโดยไว
เมื่อเห็นว่าจวิ๋นเส้าแสดงทีท่าไม่เห็นด้วย ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยิ่งปั้นหน้ามืดทมิฬ โพล่งตะคอกเสียงดังที่ฟังดูเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ทั้งหมดล้วนทำเพื่อทวีปจวิ๋นเทียน! แล้วเจ้ายังมัวขี้ขลาดอันใด!? หากพวกเราไม่สามารถจับพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงได้ในคราวนี้ มีหวังทวีปจวิ๋นเทียนที่ทุกคนอุตส่าห์สรรค์สร้างขึ้นมาคงถึงจุดจบแล้ว! จวิ๋นเส้า หรือเจ้าอยากให้อนาคตของพวกเราชาวจวิ๋นเทียนต้องดับสูญ?!!”
นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผู้อาวุโสใหญ่ขานชื่อจริงของจวิ๋นเส้าออกมาโดยตรงเช่นนี้ เขายังกล่าวอีกว่า
“ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร เราก็ต้องจับคุนเผิงมาให้จงได้!!”
จวิ๋นเส้ารู้สึกแน่นหน้าอกเจ็บแปรบขึ้นมาทันใด ทมุ่งสายตาจ้องหน้าผู้อาวุโสใหญ่อยู่สักครู่หนึ่ง
นักอัญเชิญอสูรที่อยู่ท้ายหลัง ณ ปัจจุบัน จำนวนครึ่งหนึ่งเป็นคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่ ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนของฝ่ายจวิ๋นเส้า และในปัจจุบัน สัตว์วิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่ก็ถูกปล่อยออกมาหมดแล้ว
แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง?
ก็เพียงหาข้ออ้างฉวยโอกาสให้ฝ่ายจวิ๋นเส้าปลดปล่อยสัตว์วิญญาณออกมาเพื่อลดทอนพลังอำนาจของเขาลง? แต่ใช้ทวีปจวิ๋นเทียนเป็นเครื่องบังหน้า? จวิ๋นเส้าสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครา ก่อนที่ในที่สุดก็ตัดสินใจกล่าวออกไปว่า
“เอาล่ะ! ฟังที่ท่านผู้อาวุโสใหญ่กล่าวไป! ทุกปล่อยปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของตนออกมา!”
เมื่อเห็นจวิ๋นเส้าตัดสินใจเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ฝ่ายของเขาต่างตกใจขนานหนัก แต่สุดท้ายนั้น พวกเขาก็ยอมปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของตนเองออกมาตามคำสั่ง
สัตว์วิญญาณโดยส่วนใหญ่ของพวกเขาที่เป็นนักอัญเชิญอสูรแห่งทวีปจวิ๋นเทียน ล้วนแล้วคือสัตว์อสูรธาตุน้ำกันทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อพวกเขากว่าหลายร้อยคนปลดปล่อยสัตว์วิญญาณทั้งหมดที่มีออกมา ผืนทะเลและม่านนภาต่างก็เปลี่ยนสีพลัน อัดแน่นไปด้วยสัตว์อสูรธาตุน้ำเบียดเสียดแออัดอยู่เต็มไปหมดอย่างมืดฟ้ามัวดิน มีตั้งแต่นกวิหคจนกระทั่งมัจฉาปลาทะเล ล้วนแต่อยู่พร้อมหน้าแล้ว
ฝูงสัตว์วิญญาณจำนวนคนานับอึงคะนึงอัดแน่นสุดขอบโพ้นทะเล ประดุจกองทัพขนาดใหญ่ยักษ์ที่เคลื่อนพลมาแต่ไกล
ผู้อาวุโสใหญ่เหลียวหลับมองไปที่จวิ๋นเส้า คู่คิ้วถักขมวดเข้าหากันเล็กน้อย กล่าวกับอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจนักว่า
“จวิ๋นเส้า เจ้าเป็นถึงนายน้อยแห่งทวีปจวิ๋นเทียน แล้วสัตว์วิญญาณของเจ้าอยู่แห่งหนใด?”
แต่จู่ๆก็มีนักอัญเชิญอสูรคนหนึ่งที่เป็นคนของฝ่ายจวิ๋นเส้า เอ่ยปากสวนตะโกนแทรกขึ้นมาทันใดว่า
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่! หรือเป็นไปได้ไหมว่า ที่ผ่านมา ท่านหมายปองสัตว์วิญญาณของนายน้อยจวิ๋นมาโดยตลอด!?”
“เจ้ากำลังพล่ามไร้สาระอันใด!”
ผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด! ชี้หน้าด่ากราดนักอัญเชิญอสูรคนนั้นทันทีพร้อมถ้อยคำหยาบคายยิ่งว่า
“ข้ากำลังสนทนากับนายของเจ้าอยู่! เป็นเพียงขี้ข้าไม่มีสิทธิ์พูดแทรกขัดจังหวะ!”
จวิ๋นเส้าตบเท้าก้าวขึ้นหน้า ออกโรงเข้าปกป้องนักอัญเชิญอสูรคนนั้นทันที
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่! ท่านพ่อของข้าเคยกล่าวไว้ว่า ทุกชีวิตในทวีปจวิ๋นเทียนล้วนเท่าเทียมกัน! ไม่มีใครด้อยกว่าใคร และไม่มีใครคือขี้ข้า!”
“หากเช่นนั้น ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของแต่ละคนออกมาแล้ว เจ้ามีอภิสิทธิ์อันใดถึงไม่ยอมเรียกใช้สัตว์วิญญาณของตนเอง? ไหนหรือที่ว่าเท่าเทียม?”
ผู้อาวุโสใหญ่พยายามบีบให้จวิ๋นเส้าปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของเขาออกมาให้จงได้
แทบจะทันทีทันใด จวิ๋นเส้าเปิดขยายห้วงมิติอสูรของตนออกกว้างไพศาล และพริบตาต่อมาก็ปรากฏอสูรเทวทูตเหมันต์ตัวสูงใหญ่สยายปีกกว้าง! ทั้งชีวิตนี้ เขาเฝ้าเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณตนนี้เพียงตนเดียว แต่อย่างไร อสูรเทวทูตเหมันต์แค่ตนเดียวก็มีค่าเท่ากับสัตว์วิญญาณสามัญทั่วไปนับหมื่นแล้ว! อสูรเทวทูตเหมันต์เป็นเทพอสูรที่มีพลังการโจมตีอ่อนแอมาก แต่พลังการรักษากล่าวได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงส่ง น้ำลายของอสูรเทวทูตเหมันต์มีสรรพคุณรักษาบาดแผลอันมหัศจรรย์ยิ่ง กระทั่งหยดโลหิตของมันยังถือว่าเป็น หนึ่งในวัตถุดิบสำหรับหลอมกลั่นโอสถที่แสนมีค่าและหายากยิ่ง
ทันทีที่เห็นอสูรเทวทูตเหมันต์ตนนี้ปรากฏกาย ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับตาลุกวาวเป็นประกาย สายตาคู่ชราเปี่ยมล้นไปด้วยความโลภ เขาปรารถนาที่จะครอบครองเทพอสูรชนิดนี้อยู่เนิ่นนานแล้ว!
ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง จวิ๋นเส้าตระหนักดีอยู่แล้วว่า อสูรเทวทูตเหมันต์ของตนหาใช่สัตว์วิญญาณสายต่อสู้ จึงเลือกที่จะไม่เรียกอัญเชิญออกมา แต่จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็โดนบีบบังคับให้ต้องออกมาอยู่ดี
อสูรเทวทูตเหมันต์ตนนี้เป็นเพศหญิง ร่างกายคล้ายมนุษย์ครึ่งปักษา ทั่วทั้งตัวมีขนนกสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมกระทั่งปีก มองผิวเผินจากทางไกลประหนึ่งก้อนเมฆาสีขาวนวลนุ่มนิ่ม เนื่องจากระดับชั้นของมันบรรลุถึงขอบเขตเทพอสูรแล้ว จึงทำให้เทวทูตเหมันต์ตนนี้ดูเหมือนกับมนุษย์เข้าไปอีก มีรูปลักษณ์สวยงาม ทั้งยังปรากฏกระดิ่งชิ้นหนึ่งห้อยไว้บนคอ เวลาที่ตีปีกสยายบิน จะส่งเสียงสูงโปร่งใส ฟังแล้วไพเราะเสนาะหู
อสูรเทวทูตเหมันต์ตนนี้ตีร่อนลงมาอยู่เคียงข้างกับเจ้านายของมัน โค้งศีรษะให้จวิ๋นเส้าด้วยความเคารพและจงรัก กระนั้นเอง จวิ๋นเส้าแทบจะไม่เผยแสดงทีท่าเอ็นดูหรืออ่อนโยนใดๆมอบให้ ยกมือลูบใบหน้าของมันและพูดขึ้นว่า
“คอยช่วยสนับสนุนกองทัพสัตว์วิญญาณ ระวังตัวด้วย!”
อสูรเทวทูตเหมันต์พยักหน้าตอบให้ทีหนึ่ง และตีปีกสยายกว้างเหินเวหาบินลับออกไปด้วยความเร็วแสนน่าเหลือเชื่อ!
อสูรชนิดนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เพราะเมื่อใดที่มันยอมรับใช้ใครสักคนเป็นเจ้านายของมันแล้ว ไม่ว่าตราผนึกพันธนาการอสูรเหล่านั้นจะทรงพลังและแข็งแกร่งปานใด กลับเป็นเรื่องยากนักที่จะแย่งชิงการควบคุมเดิมจากเจ้าของคนเก่ามา
และถึงแม้จะแย่งชิงมาได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อง!
ขณะที่อสูรเทวทูตเหมันต์เหินทะยานติดตามกองทัพสัตว์วิญญาณของทุกคนออกไป จู่ๆผู้อาวุโสใหญ่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะเยาะดังสนั่น เสี้ยวพริบตาต่อมา เขาก็โรยตัวกระโดดลงจากหน้าผา ทันใดนั้นก็มีนกแร้งตนหนึ่งบินทะยานเข้ามาช้อนรับเอาไว้อย่างแม่นยำ และมุ่งหน้าบินออกไปหากองทัพสัตว์วิญญาณเหล่านั้น ทิ้งให้ทุกคนที่เหลือยืนตะลึงอยู่บนภาคพื้นต่อไป
เขากดสายตาลงมองจากที่สูง สองมือเริ่มพัลวันประกอบสร้างตราผนึกพันธนาการขึ้นอย่างรวดเร็ว อักขระโบราณรูปร่างแปลกตาสีขาวสว่างพวยพุ่งออกจากร่างกายนับไม่ถ้วน! เหล่านั้นล้วนมีเป้าหมายมุ่งตรงไปหาฝูงสัตว์วิญญาณนับหมื่นชีวิต!
ทันทีที่ได้เห็นดังนั้น ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของผู้อาวุโสใหญ่ได้ในทันที! เขาจงใจหลอกให้ทุกคนปลดปล่อยสัตว์วิญญาณออกมา โดยหยิบยกเรื่องของพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงเป็นข้ออ้าง เพราะจุดประสงค์ที่ปรารถนาจริงๆคือ การขโมยสัตว์วิญญาณของนักอัญเชิญอสูรทุกคนในทวีปจวิ๋นเทียนมาเป็นของตัวเอง!
เสียงระเบิดหัวเราะของผู้อาวุโสใหญ่กวาดดังสนั่นคลุ้มคลั่ง พร้อมกับอักขระโบราณแปลกตาสีขาวที่พุ่งเข้าสู่กลางจิตใจของสัตว์วิญญาณทุกตน
นักอัญเชิญอสูรที่มีพลังอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเขา กลายมาเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำนี้ไปเต็มๆ อันเนื่องมาจากถูกพลังจิตวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่ที่ควบแน่นอยู่ในรูปแบบอักขระโบราณสีขาว เข้าแทรกแซงการควบคุมเข้ากะทันหัน ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถตั้งรับได้ทัน จิตวิญญาณได้รับความเสียหายอย่างหนัก บางคนถึงกับหน้าซีดขาว อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีแดงสดคำโตออกมา ก่อนจะล้มแน่นิ่งกับพื้น
บางคนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อต้านทานเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดกลับไม่เป็นผล พวกเขาเริ่มทยอยล้มตายไปทีละคนสองคนในทันที!
ในเวลาเดียวกัน หงอวี๋รีบวิ่งตรงกลับมาและกล่าวกับจวิ๋นเส้าว่า
“ทางข้าจัดการคนของผู้อาวุโสใหญ่หมดแล้ว! รีบขึ้นเรือก่อนเถอะ ต้องรีบหาวิธรีหยุดผู้อาวุโสใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะตายกันหมด!”
ก่อนหน้านี้ที่นางลอบถอยจากไปก็เพื่นำกำลังคนเข้าจัดการกับเหล่าคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่ที่ดักซุ่มตลบหลัง ในเวลานี้ก็ยึดเรือของพวกมันมาได้แล้วเช่นกัน แต่เมื่อหงอวี๋กลับมาถึงเป็นต้องตกใจอย่างมาก นางคาดไม่ถึงเลยว่า ผู้อาวุโสใหญ่จะลงมือได้โหดเหี้ยมปานนี้ กระทั่งคนของฝ่ายตัวเองยังไม่เว้น!