ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 618 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (4)
ตอนที่618 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (4)
ตอนที่618 ฝูงสัตว์อสูรแห่งท้องสมุทร (4)
ทันใดนั้น ก็มีชายชุดดำปรากฏพลันจากความมืดมิด พวกเขาเหล่านี้หาใช่นักอัญเชิญอสูร แต่เป็นนักยุทธ์ผู้มีพลังลมปราณลึกล้ำ พวกเขารีบกระจายตัวไล่สังหารฝูงสัตว์อสูรที่ตกอยู่ใต้อาณัติของผู้อาวุโสใหญ่ที่เบื้องล่างในทันที
จวิ๋นเส้าส่งเสียงตะโกนป่าวประกาศลั่น กล่าวกับเหล่านักอัญเชิญอสูรหลายคนที่โดนพลังจิตวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่เข้าแทรกแซง พวกเขาล้วนแต่ดิ้นทุรนทุรายสีหน้าทรมานอย่างยิ่ง
“ทุกคนอดทนไว้ก่อน! เราจะผ่านบททดสอบที่แสนยากลำบากนี้ไปด้วยกัน! ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่ายจะวิปลาสสูงส่งปานใด แต่อย่างไรก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง! การจะควบคุมฝูงสัตว์วิญญาณทั้งหมดโดยตัวคนเดียว กลับหาใช่สิ่งเป็นไปได้!”
วาจาคำกล่าวเหล่านี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมแก่นักอัญเชิญอสูรไม่น้อยให้กลับมามีใจที่จะสู้อีกครั้ง ทุกคนค่อยๆฟื้นสติจากความตื่นตระหนก ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิทีละคนสองคน สูดหายใจเข้าแช่มลึกควบคุมจังหวะลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นระเบียบ และเพ่งจิตต่อต้านพลังจิตวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่
ในช่วงแรกนั้น ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ทุกคนสามารถผลักไสพลังจิตวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่ออกไปได้ค่อนข้างราบรื่น แต่ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่สัมผัสได้ถึง ขุมพลังกลุ่มก้อนหนึ่งที่ลุกฮือขึ้นต่อต้าน เขาก็หันศีรษะขวับจับจ้องไปที่จวิ๋นเส้าบนขอบผา แสยะยิ้มชั่วร้ายฉีกกว้างมอบให้
“ไม่เลวหนินายน้อยจวิ๋น! หากเช่นนั้นแล้ว ข้าขอช่วงชิงอสูรีเทวทูตเหมันต์ของเจ้าก่อนแล้วกัน!!”
ทันใดนั้น พลันบังเกิดปรากฏการณ์ประหลาด จู่ๆก็มีริ้วคลื่นสีขาวระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างจากมือทั้งสองของผู้อาวุโสที่ประกอบท่าร่ายแปลกประหลาด เมื่อระลอกคลื่นสีขาวเหล่านี้สาดกระทบเข้ากับร่างอสูรเทวทูตเหมันต์ คู่ปีกสยายที่เคยโหมกระพือก็หยุดลงทันตา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนที่แผดดังราวกับกำลังรู้สึกทรมาน!
สีหน้าการแสดงออกของอสูรเทวทูตเหมันต์เผยแสดงความเจ็บปวดออกมาชัดแจ้ง พริบตาต่อมา เริ่มเสียสูญควบคุมตัวเองไม่อยู่จนเกือบร่วงจากฟ้าจมผืนสมุทรเบื้องล่าง
จวิ๋นเส้าถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวลงทันใด ธารเลือดสายหนึ่งไหลซิบออกมาจากมุมปาก จากยืนคือรีบนั่งขัดสมาธิโดยเร็ว ยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดคราบเลือดเหล่านั้นและมุ่งจิตหลับตาลง เพื่อเข้าต่อต้านพลังจิตวิญญาณกับผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อหงอวี๋เห็นดังนนั้น ท่าทางของนางดูกระวนกระวายตื่นตระหนกขึ้นเป็นอย่างมาก
“นายน้อยจวิ๋น ท่านเป็นเยี่ยงไรบ้าง?!”
จวิ๋นเส้าส่ายหัว
“ไม่ต้องสนใจข้า! ดำเนินการตามแผนเดิม!”
แม้ว่าหงอวี๋จะเป็นห่วงนายน้อยจวิ๋นของนางเพียงใด แต่ก็พึงทราบตระหนักดี สถานการณ์ในปัจจุบันมันสำคัญต่อนายน้อยจวิ๋นเพียงใด นางจึงกัดฟันกล่าวตอบไปว่า
“โปรดรักษาตัวด้วย!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ หงอวี๋ก็รีบวิ่งไปทางขอบผา ยกสองมือขึ้นป้องข้างปากและตะโกนสุดเสียงไปทางฟากฝั่งทะเลไกลโพ้นไปว่า
“พี่ถง! รักษาตัวด้วย!!”
ทว่าเสียงนี้ล้วนถูกสุ้มเสียงโหยหวนของเหล่าสัตว์วิญญาณกลบหายไปอย่างรวดเร็ว…
ผู้อาวุโสใหญ่เฝ้ามองสายตาของอสูรเทวทูตเหมันต์คู่นั้นที่ค่อยๆแปรเปลี่ยน กลายเป็นความโกลาหลดุร้าย แน่นอนว่าตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก นอกเหนือไปจากนั้นเอง สัตว์วิญญาณเกือบครึ่งหนึ่งของบรรดานักอัญเชิญอสูรทุกคนก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่า อสูรเทวทูตเหมันต์กำลังเพลี่ยงพล้ำ โดนผู้อาวุโสใหญ่เข้าช่วงชิงการควบคุมทั้งหมดไป ทันใดนั้น จากที่ผืนสมุทรนิ่งสงบพลันเกิดระลอกคลื่นผันผวนรุนแรงขึ้น ดวงตาคู่กลมโตของกิเลนปรากฏขึ้น ณ ใจกลางคลื่นสมุทร และเบิกกว้างจับจ้องมาที่เขาอย่างดุร้ายเกรี้ยวกราด เห็นดังนั้น เจ้าตัวถึงกับร้องอุทานเสียงดังลั่นด้วยความตกใจยิ่งยวด
“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ที่แห่งนี้จะมีกิเลนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานปรากฏกายมาด้วย?!”
เสี่ยวฮั่วเปิดปากอ้ากว้าง กำลังจะพ่นเพลิงศักดิ์สิทธิ์โจมตีใส่ผู้อาวุโสใหญ่ แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของมันก็พลันถูกอสูรเทวทูตเหมันต์ตนนั้นที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายดึงดูดเข้าอย่างจัง จากนัยน์ตาแสนดุร้ายดุจพญาสิงค์ของเสี่ยวฮั่ว ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นนัยน์ตารูปหัวใจสีแดงฉ่ำสู่ภวังค์ความรุ่มหลง…
ร่างกิเลนศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวฮั่วโผล่พ้นน้ำโดยสมบูรณ์ ยกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งชี้ไปทางอสูรเทวทูตเหมันต์ตนนั้น มันแสยะยิ้มกว้างเปี่ยมล้นความปรารถนา กล่าวน้ำเสียงเชิงประจบออกไปคำหนึ่งว่า
“นั่นสัตว์วิญญาณของเจ้า?”
เมื่อได้เห็น เทพอสูรบรรพกาลแห่งหุบเขาคุนหลุนอย่าง กิเลนศักดิ์สิทธิ์จู่ๆก็บังเกิดความรักหวานฉ่ำขึ้นท่ามกลางสมรภูมิเดือดเช่นนี้ ซี่งไม่เข้ากับบรรยากาศการต่อสู้อันแสนดุเดือดในปัจจุบันเลย! ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับผงะพูดไม่ออก โดยไม่มีรีรอใดๆ เสี่ยวฮั่วกระโจนเข้ากอดร่างของอสูรเทวทูตเหมันต์ตนนั้นด้วยความรักใคร่ และด้วยคลื่นอารมณ์ที่คุกรุนร้อนรุ่มอยู่ภายในใจดวงนี้ มันไม่สามารถหักห้ามใจได้ไหวอีกต่อไป ทันใดนั้น พลันบังเกิดภาพฉากที่ไม่คาดฝัน เสี่ยวฮั่วประกบจูบกับอสูรเทวทูตเหมันต์ตนนั้นโดยไม่สนสี่สนแปดใดๆ!
จากบรรยากาศที่แสนมืดหม่น โลกทั้งใบแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพู!
ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง!
พบเห็นฉากดังกล่าว จวิ๋นเส้ายังต้องเบือนหน้าหนี รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก มุมปากพลันกระตุกอยู่สองสามที ภายในใจอดสาปแช่งมิได้เลยจริงๆ นี่คงเป็นสัตว์วิญญาณของเซียถงกระมัง? นิสัยเหมือนกับเจ้าของไม่มีผิด! ที่ชอบมีพฤติกรรมทำราวกับว่า บนผืนพิภพแห่งนี้มีเพียงนางกับชายคนนั้นอยู่เพียงลำพังสองคน!
“ไอ้เสี่ยวฮั่ว! นี่เจ้าอยากตายนักรึไง!?”
ทันใดนั้นสุ้มเสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังก้องขึ้นมาในหัว นั่นมาจากหลิวซูที่กำลังร่วมต่อสู้กับเซียถงอยู่อีกด้านหนึ่ง!
เสี่ยวฮั่วตกตะลึงไปอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะได้สติในท้ายที่สุด เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ มันก็เพิ่งจะค้นพบว่า ตนได้ทำเรื่องที่น่าอับอายต่อชื่อเสียงเจ้านายของมันไปมากเพียงใดแล้ว!
เสี่ยวฮั่วรีบผลักอสูรเทวทูตเหมันต์ที่อยู่ในอ้อมแขน บังคับให้หลบอยู่ด้านหลังของมันทันที และยกอุ้งเท้าขึ้นชี้หน้าผู้อาวุโสใหญ่อีกครั้งด้วยสีหน้าดุร้ายเกรี้ยวกราด คำรามเสียงดังสนั่นว่า
“เจ้ากล้าทำร้ายคนรักของข้า! โทษนี้มิอาจเลี่ยง!”
กล่าวเสร็จ เสี่ยวฮั่วก็พุ่งโจมตีใส่ผู้อาวุโสใหญ่โดยตรง แต่เหมือนว่า จากการที่เสี่ยวฮั่วเสียสมาธิไปเมื่อครู่จะทำให้ค่ายอาคมที่แบ่งกั้นซีกสมุทรเป็นสองส่วนจะเริ่มเกิดรอยแตกร้าวกระจายตัวเป็นวงกว้าง และแน่นอน สิ่งนี้มิอาจหลบพ้นไปจากสายตาของผู้อาวุโสใหญ่ได้ สายตาคู่แก่ชราหรี่ตาลงด้วยความสงสัย เสี้ยวอึดใจเดียวกัน เขาก็ระดมอัดพลังจิตวิญญาณตลบใหญ่กระแทกชนเข้ากับม่านพลังค่ายกลที่ร้าวรานใส่โดยตรง!
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ค่ายอาคมผนึกที่เสี่ยวฮั่วหลอมสร้างเอาไว้ถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆในพริบตา!
รอยแตกร้าวดุจใยแมงมุมแผดขยายกว้างขวางไปทั่วห้วงนภากาศ เสมือนแผ่นกระจกยักษ์ที่แบ่งกั้นระหว่างสองคาบสมุทรแตกสลายทันควัน! บรรยากาศคลื่นทะเลที่แสนเงียบสงบที่เคยมีอันตรธานหายวับไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย!
ทันใดนั้น ลมฟ้าลมฝนก็กระโชกพัดหอบกระหน่ำรุนแรงเข้ามา ผืนสมุทรสีสันครามฟ้าสวยงาม ตาลปัตรกลายเป็นสีดำทมิฬพร้อมคลื่นพายุที่แสนบ้าคลั่ง สรรพสิ่งอย่างวิปลาสมืดมิดประหนึ่งว่ามารปีศาจกำลังบดขยี้ให้สิ้นสูญ
สัตว์วิญญาณจำนวนมหาศาลกำลังผนึกกำลังโรมรันอยู่กับมวลเมฆาสีทมิฬมีรูปร่างคล้ายมังกร รัศมีสังหารเข้มข้นแผ่ไพศาลทั่วสารทิศ และนี่ตัวการที่ชักนำคลื่นยักษ์โลกาวินาศหอบใหญ่ที่กำลังถาโถมเข้ามา!
ท่ามกลางสัตว์วิญญาณทั้งมวลที่รวมใจเข้าสัประยุทธ์ต่อกร เงาร่างสีดำขนาดมหึมายักษ์แหวกว่ายทะลวงฝ่าออกมาด้วยความเร็วสูงสุด
เซียถงอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก น้ำทะเลที่กระหน่ำซัดใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ร่างทั้งร่างของนางเปียกแฉะไปหมด ปอยผมเกาะติดทั่วใบหน้ายุ่งเหยิ่ง ทั้งยังมีธารเลือดสีแดงฉานอาบชโลมทั่วดุจปีศาจ
นางเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเสียงหอบระรัวเหน็ดเหนื่อย เห็นว่าเป็นเสี่ยวฮั่วที่กำลังมองมา นางจึงตะโกนขึ้นทันใด
“เล่นเสร็จรึยัง!”
เสี่ยวฮั่วที่ถูกนางตะโกนใส่เช่นนี้ ก็สลัดความคิดไร้สาระทั้งหมดทิ้งไป พุ่งถลาไปคาบเซียถง จับนางโยนขึ้นบนแผ่นหลังของมัน และทันทีทันใด พลันปรากฏเปลวเพลิงกิเลนศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มปกคลุมทั่วทั้งร่างของมันในพริบตา!
เวลาเดียวกัน เจียวหลงส่งเสียงคำรนกรีดร้องจากส่วนลึกที่หยั่งถึงท่ามกลางห้วงพายุวิปลาส มันผงาดพุ่งออกมาโจมตีใส่เซียถงอย่างเกรี้ยวกราดอาฆาต!
“นั่นหรือคุนเผิง! พญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง!!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตาเป็นประกายทันทีที่ได้เห็นมันเผยตัวออกมา!