ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 62 พิษในกายท่านแม่ (2)
ตอนที่62 พิษในกายท่านแม่ (2)
หลังดื่มน้ำแกงจนหมดชาม ฮูหยินหลี่ก็วางชามที่ยามนี้ว่างเปล่าไม่เหลือแม้นสักหยดลงบนโต๊ะข้างเตียง ส่งยิ้มให้เซียถงพร้อมกล่าวว่า
“น้ำแกงเห็ดหลินจือมรกต รสชาติอร่อยจริงเชียว…”
แต่จู่ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็พลันอ่อนจางลงในทันใด ยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องด้วยความเจ็บปวด ร่างส่วนบนเอียงเอ็นแทบล้มคะมำลงจากเตียง สีหน้าทุกข์ทรมานสาหัสราวกับปวดท้องจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว
“ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป?”
เซียถงรีบตรงเข้าไปประคองร่างของนางขึ้นมา
“ข้า ปวดท้อง ปวดมากเลย!!”
ฮูหยินหลี่นอนขดตัวกลมอยู่ในอ้อมแขนของเซียถง กรีดร้องโอดครวญ สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษแผ่นบาง ริมฝีปากแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงอมดำคล้ำในพริบตา
นี่มันยาพิษ! ท่านแม่ถูกวางยาพิษ! เพราะทันทีที่เห็นริมฝีปากของฮูหยินหลี่ที่แปรสภาพเปลี่ยนด้วยความเร็วที่มองเห็นจากตาเปล่า เซียถงก็สามารถสรุปได้ทันที ท่านแม่ของนางถูกวางยาพิษ และพิษที่ว่าก็น่าจะมาจากน้ำแกงเห็ดหลินจือมรกต…
เซียถงได้ยินเสียงคร่ำครวญร้องระงมของฮูหยินหลี่ไม่เสื่อมคลาย หันขวับสายสายตาใส่อาจูที่ยืนอยู่เคียงข้าง แก้วตาเสมือนว่ามีสายธารโลหิตรินไหลออกมา รัศมีจิตสังหารอันไร้ขอบเขตแผ่ซ่าน กระจายเข้าห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้ในทันที
“คุณหนูใหญ่! บ่าวไม่รู้เรื่องจริงๆ เจ้าค่ะ! บ่าวไม่รู้เรื่องจริงๆ!! บ่าวเพียงนำเห็ดหลินจือมรกตที่อยู่ในกล่องออกมาเคี่ยวเป็นน้ำแกง ทำตามคำสั่งที่คุณหนูใหญ่ให้ไว้ทุกประการ!”
อาจูรู้สึกทันทีว่า ยามนี้ตนโดนใส่ความเข้าอย่างจัง จึงรีบทิ้งตัวคุกเข่าลง โขกศีรษะขอขมาต่อหน้าแทบเท้าของเซียถง
เซียถงยกสันมือขวาขึ้นมา ระดมลมปราณหอบหนึ่งคลุมเคลือบบนฝ่ามือ และสับเข้าต้นคอของอาจูอย่างแรง จนสติล้มตึงไปกับพื้น
“เสี่ยวฮั่ว เห็ดหลินจือมรกตหาใช่ว่ามีสรรพคุณล้างพิษร้อยพันชนิดหรอกรึ? แล้วท่านแม่ของข้าจะถูกวางยาพิษได้อย่างไร? มีวิธีขับพิษออกหรือไม่?”
ผิวพรรณของท่านแม่ยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีขาว เขียวและม่วงอมดำตามลำดับ เซียถงขมวดคิ้วแน่น ใจหนึ่งรู้สึกวิตกสุดขีด กลัวว่าท่านแม่จะต้องมีจุดจบอันทรมานเช่นนี้ มือไม้สั่นเทาเล็กน้อย พยายามคิดหาวิธีแก้ไขโดยไว
“เห็ดหลินจือมีสรรพคุณล้างพิษร้อยพันชนิดได้ คำกล่าวนี้นับว่าไม่เกินจริง แต่สิ่งที่ท่านแม่ของท่านพบเจอกลับเป็น เชื้อราม่วง เป็นพิษร้ายแรงมาก นายท่านลองไปนำกล่องเก็บเห็ดหลินจือมรกตเมื่อครู่มาตรวจสอบโดยละเอียด ว่ามีเชื้อราม่วงที่ว่าอยู่หรือไม่?”
ร่างวิญญาณของเสี่ยวฮั่วลอยออกมาจากใจกลางหว่างคิ้วของนาง แปรสภาพกลายเป็นมณีสีม่วงพราวประกายสว่าง พุ่งเข้าไปในร่างของฮูหยินหลี่หายวับไป
ไม่นานหลังจากนั้น อาการระสับระส่ายของฮูหยินหลี่ในอ้อมแขนของเซียถงก็เหมือนจะคลายอ่อนลงหนึ่งส่วน อาการเจ็บปวดก่อนหน้าเหมือนจะได้รับการบรรเทาลงแล้ว นางยังคงจับจ้องดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นของท่านแม่เอาไว้ หัวใจบีบแน่นด้วยความวิตกกังวล
“นายท่าน ข้าช่วยระงับพิษในกายนางไว้ให้แล้ว โปรดอย่างได้กังวล เราพอซื้อเวลาได้อีกสักระยะ”
ทันใดนั้น ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งของฮั่วหยาง ดังขึ้นในห้วงความคิดของนาง
พอได้ฟังเช่นนั้น หัวใจเซียถงก็คลายอ่อน ลดความวิตกลงเล็กน้อย และจู่ๆ นางก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า
“เจ้าสามารถสื่อสารกับข้าได้ด้วย ทั้งที่มิได้อยู่ในห้วงจิตสำนึกของข้า?”
“เพราะท่านเป็นเจ้านายของข้า ตราบเท่าที่ระหว่างข้ากับท่านไม่ได้อยู่ห่างไกลจนเกินไป ข้าย่อมสามารถสื่อจิตถึงท่านได้ทุกเมื่อ”
เสี่ยวฮั่วกล่าว
“แล้วพิษในกายท่านแม่ ข้าจะกำจัดทิ้งได้อย่างไร?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้น สีหน้าเป็นกังวลยิ่งยวด
“พิษชนิดนี้เกรงว่าต้องใช้โอสถล้างพิษ ซึ่งเป็นโอสถปราณระดับสอง นายท่านต้องเร่งมือหน่อย เนื่องด้วยแม่ของท่านไม่มีลมปราณไหลเวียน ข้าจึงระงับพิษมิให้ลุกลามได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ท่านต้องหาโอสถปราณระดับสองให้ได้ภายในหนึ่งชั่วยาม!”
เสี่ยวฮั่วกล่าว
เซียถงอุ้มร่างของท่านแม่นอนราบบนพื้นในทันใด หันกลับไปเปิดกล่องเก็บเห็ดหลินจือมรกตที่อยู่บนโต๊ะมาตรวจสอบดูโดยละเอียด หรี่สายตาเร่งมองอยู่สักครู่ใหญ่ รูม่านตาดำถึงกับตีบตันตะลึง ภายในตัวกล่องคล้ายว่าจะมีเศษของเหลวเหลียวหนืดขนาดเท่าเสี้ยวเล็บนิ้วก้อยติดอยู่ใต้มุมกล่องสีดำสนิท ซึ่งเจ้าสิ่งนี้มีสีม่วงคล้ำ
ทั้งขนาดที่เล็กจิ๋วและสีที่ดูกลมกลืนกับตัวกล่องเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเรื่องยากหินที่จะสังเกตเห็น
ตั้งแต่รีบกล่องจากขันทีมา เซียถงเปิดออกมาตรวจสอบแค่เพียงครั้งเดียว ซึ่งในครั้งนั้นก็ตรวจสอบแค่ตัวเห็ดหลินจือมรกตเท่านั้น ก่อนจะส่งทั้งกล่องไปให้อาจูนำไปเคี่ยวต่อไป หากให้เซียถงสันนิษฐาน เชื้อราม่วงดังกล่าวน่าจะถูกลอบใส่ไว้ในกล่องตั้งแต่ก่อนที่ขันทีจะเดินเข้าโถงพระคลังไปหยิบให้แล้ว
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของไป๋หลี่อวี๋อิงพลันโฉบแวบขึ้นมาในหัวของนางทันควัน แต่ก่อนที่จะลงมือสอบสวนว่า ใครกันที่เป็นคนวางยาพิษ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การกำจัดพิษที่อยู่ในร่างกายของท่านแม่เสียก่อน
เซียถงเรียกอิ๋งเอ๋อร์ให้มาเฝ้าดูแลในเรือนฮูหยินหลี่แทนตน ส่วนนางรีบหอบสินสอดทองหมั้นทั้งหมดในห้องเก็บของของท่านแม่ออกมา รีบตรงไปที่ร้านขายโอสถเพียงแห่งเดียวของเมืองโดยไว กล่าวกันว่าที่มีเคยมีโอสถปราณระดับสองวางขายอยู่ แต่พอไปถามถึง เสมียนในร้านกลับสส่ายหัวซ้ำๆ ไปมา ตอบกลับมาแค่ว่า ร้านโอสถของพวกเขาไม่มีโอสถปราณระดับสองวางขายนานแล้ว
พอเห็นท่าทีกังวลใจของเซียถง เสมียนคนนั้นจึงอธิบายกับนางเพิ่มเติมว่า หากต้องการโอสถปราณระดับสองโดยด่วน แนะนำให้ไปขอจากองค์หญิงอวี๋อิงเป็นการส่วนตัว เพราะโอสถปราณระดับสองที่พวกเขาเคยนำมาวางขาย โดยส่วนใหญ่ล้วนมาจากองค์หญิงอวี๋อิงทั้งสิ้น
ไป๋หลี่อวี๋อิง!
เซียถงคำรามเรียกชื่อนามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขบฟันกัดกรามดังกรอดอย่างลับๆ ภายในใจ เก้าในสิบส่วน นางมั่นใจแล้วว่าเป็นฝีมือของไป๋หลี่อวี๋อิง ที่เป็นคนลอบใส่เชื้อราม่วงลงในกล่องบรรจุเห็ดหลินจือมรกต หลังจากถูกทำร้ายร่างกาย วิ่งไปฟ้องต่อฝ่าบาทกลับไม่เป็นผล ด้วยความอาฆาตแค้นจัด ก็เลยแอบใส่เชื้อราม่วงลงในกล่องบรรจุเห็ดหลินจือมรกตที่ถูกเก็บไว้ในโถงพระคลัง ก่อนที่ขันทีคนนั้นจะเข้าไปหยิบมาให้เซียถงอีกที
แผนการทั้งหมด มีจุดประสงค์ก็เพื่อจงใจวางยาพิษฆ่านาง!
เซียถงเก็บงำบัญชีแค้นนี้ทดไว้ในใจก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือ การเสาะหาโอสถปราณระดับสอง อย่างไรก็ตาม…ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนปานนี้ มีเพียงไป๋หลี่อวี๋อิงเท่านั้น ที่มีโอสถปราณระดับสองอยู่กับตัว และมั่นใจได้เลย หากเซียถงออกโรงไปขออีกฝ่าย มันไม่มีทางให้มาแน่นอน
ชั่วขณะต่อมา ความคิดนับร้อยพันแผนการวิธีหลั่งไหลเข้าสู่ห้วงความคิดของเซียถง นางยืนอยู่หน้าร้านขายโอสถ ระดมสมองครุ่นพินิจอย่างหนัก และในท้ายที่สุดนี้ นางตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าวังหลวงในตอนกลางดึกโดยลำพัง เพื่อไปบีบบังคับให้ไป๋หลี่อวี๋อิงส่งมอบโอสถปราณระดับสองให้แต่โดยดี หลังวางแผนในหัวเสร็จสรรพ นางก็มุ่งหน้ากลับจวนเสนาบดี เปลี่ยนชุดเสื้อผ้า ย่างสามขุมตรงเข้าสู่วังหลวง