ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 620 ลอบสังหาร (2)
ตอนที่620 ลอบสังหาร (2)
ตอนที่620 ลอบสังหาร (2)
ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกเย็นวาบทั่วแผ่นหลัง มีบางสิ่งบางอย่างแทงทะลุขั้วหัวใจของเขาโผล่ออกมากลางอก เมื่อกดสายตามองลงไปปรากฏว่าเป็นปลายกระบี่แหลมคมที่อาบชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน เมื่อครู่เขากำลังใช้สมาธิทั้งหมดมุ่งควบคุมวงแหวนตราผนึกเพื่อกำราบเจียวหลง แล้วมีหรือจะคาดถึงเหตุการณ์พวกนี้? เนื่องด้วยพลังจิตที่แกร่งกล้าผิดมนุษย์มนาของผู้อาวุโสใหญ่ เขายังไม่ตายในทันที และเหลียวหลังหันกลับมาหาเซียถง แหกปากคำรามกู่ร้องดุจสัตว์ป่าด้วยความโกรธเกรี้ยวอาฆาต
แต่เสี้ยวพริบตานั้น เสียงหวดกระบี่ดังขึ้นอีกครั้งดังฉับ ประเคนส่งคมประกายสีเย็นเยียบตัดผ่านลำคอของผู้อาวุโสใหญ่เป็นแนวนอนประดุจผ่าสวรรค์แยกปฐพี ไอความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจแทรกซึมระเหยผ่านรอยตัดบนลำคอของเขา
“จะ-เจ้า…”
เซียถงยกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นสะบั้นศีรษะของผู้อาวุโสใหญ่สุดแรงจนหลุดกระเด็นจากบ่า ชั่ววินาทีสุดท้ายของชีวิต ผู้อาวุโสใหญ่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ตนจะถูกสาวน้อยตัวเล็กๆคนหนึ่งลอบสังหาร!
ใช่แล้ว… กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ เขาเองก็เคยหยิบใช้มันเพื่อจัดการกับน้องสาวของจวิ๋นเส้ามาก่อนเช่นกัน เพราะเหตุใดกันทุกคนถึงไม่เคยมีโอกาสได้เห็นศพของนาง? เพราะเป็นเขาที่สะบั้นศีรษะของนางทิ้งกับมือ! ทุกอย่างเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนั้นทุกประการ ต่างกันเพียงว่าตอนนี้กลับเป็นเซียถงที่ลงมือ และเขาคือเหยื่อเสียเอง!!
ผู้อาวุโสใหญ่ตายคาที่ในบัดดล ร่างศพที่ไร้ศีรษะยังคงชักกระตุกไม่หยุดราวกับกำลังดิ้นทุรนทุราย น้ำพุเลือดสีแดงฉูดฉาดกระเซ็นสาดดุจสายน้ำ เซียถงตรงเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย พร้อมยกบาทาถีบร่างไร้หัวของผู้อาวุโสใหญ่ตกน่านสมุทรเบื้องล่างอย่างเลือดเย็น
นางเดินมาหยุดตรงหน้าวงแหวนตราผนึกอักขระสีขาวขนาดใหญ่ยักษ์ ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายพลันกระตุกขึ้นบนมุมปาก ในเมื่อตัวปัญหาก็จัดการไปแล้ว เช่นนั้นยังต้องการฆ่าเจียวหลงทิ้งเพื่ออันใด?
ร่างทั้งร่างของเซียถงสั่นสะท้านกระตุกอย่างแรง นางตั้งใจจะดูดกลืนพลังจิตวิญญาณทั้งหมดในตราผนึกอักขระโบราณสีขาวอันนี้เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง!
ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวฮั่วที่ตั้งหลักขึ้นได้ก่อนหน้านี้ก็พุ่งเข้าปะทะชนกับมังกรสมุทรเจียวหลง ยิ่งสองเทพอสูรเข้าใกล้กันมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งนี้ก็ยิ่งดึงดูดภัยพิบัติธรรมชาติมากมายเข้ามา ทั้งฝนฟ้าคะนอง ลมพายุคลั่ง กระทั่งคลื่นยักษ์ถล่มโลกา! บรรยากาศศึกสัประยุทธ์ระหว่างสองเทพอสูร มีพื้นหลังเป็นเสียงอสนีบาตสนั่นคำรน ท้องนภาม่านสมุทรคือสีทมิฬวิปลาส!
เกล็ดกิเลนทั่วร่างของเสี่ยวฮั่วประสานงาเข้าชนกับเจียวหลงแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้เจียวหลงตนนี้จะวิวัฒนาการกลายเป็นมังกรล้มเหลว แต่ด้วยพลังตบะที่มันสั่งสมมาตลอดกว่าพันปี ทำให้มันเหนือชั้นกว่าเสี่ยวฮั่วอยู่ขุมหนึ่ง!
โชคยังดีนักที่เสี่ยวฮั่วยังมีแต้มเป็นต่ออยู่บ้าง ข้างกายของมันมีอสูรเทวทูตเหมันต์ค่อยส่งพลังรักษาฟื้นฟูให้ต่อเนื่อง ทั้งยังมีนาคีสมุทรที่ยามนี้วิวัฒนาการเป็นมังกรแล้ว ค่อยสนับสนุนช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง แตกต่างจากเจียวหลงที่ได้รับบาดเจ็บจากเซียถงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสู้กับเสี่ยวฮั่ว มันก็ยิ่งอาการสาหัสหนักขึ้นเรื่อยๆ
มังกรสมุทรเจียวหลงแผดเสียงร้องคำราม โดนทั้งกรงเล็บกิเลนเข้าตะปบ โดนทั้งนาคีสมุทรฉีกคมเขี้ยวกัดกระชาก มันกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ
เสียงกรีดร้องของเจียวหลงคราวนี้รุนแรงบาดแก้วหูแทบฉีก ทุกคนทั้งใกล้และไกลได้ยินยังใจสั่นจนแทบหยุดหายใจพลัน
ทันใดนั้น แสงสีขาวพราวประกายพลันสว่างวาบกลืนกินทั่วฟ้าดินสารทิศในพริบตาเดียว ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง พร้อมกับผืนสมุทรท้องทะเลที่สงบลงดังเดิม ชั้นเมฆาซ่องซุ่มสีดำทมิฬบนฟากฟ้าทยอยล่าถอยกระจายกันไป เปิดทางให้แสงแรกอรุณในเช้าวันใหม่ทอประกายจรัสเฉิดฉาย เศษซากชิ้นศพจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นอยู่เหนือผิวน้ำ ทะเลวิปลาสสีดำดุจช่วงเวลาแห่งฝันร้ายได้จบลงแล้ว!
“เร็วเข้า! ตามหานางให้เจอ!”
จวิ๋นเส้าสั่งการให้ทุกคนที่เหลือรอดกระจายตัวออกไปตามหาเซียถงอย่างสุดกำลัง
ทว่าท้องสมุทรแห่งนี้กลับหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครเสาะพบแม้แต่เงาของนาง
“ไม่ว่ายังไงก็ตามหานางให้เจอ!!”
ซ่งเหว่ยทอดสายตามองสุดฟ้าไกล หลับตาทั้งสองข้างลงกำหนดจิตจดจ่อไปตามสายลมทะเลเย็น ก่อนจะลืมตาอีกครั้งและกล่าวกับจวิ๋นเส้าว่า
“พี่จวิ๋น ไม่ต้องเป็นห่วงไป ท่านพี่เซียถงไม่มีทางเป็นอะไรไปแน่นอน!”
จวิ๋นเส้าหยุดมองน้องชายคนนี้ที่ราวกับเข้าใจถึงบางสิ่ง สักครู่หนึ่งจึงพยักหน้าขานตอบ
“เข้าใจแล้ว!”
ตกกลางดึกคืนนั้น ผืนสมุทรท้องทะเลตลอดวันนี้ช่างสงบนิ่งราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ใครเห็นก็ยากจะเชื่อว่า ก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดศึกสัประยุทธ์ครั้งประวัติการณ์ขึ้นกันที่นี่!
“นายน้อยจวิ๋น! มาดูนี่เร็ว!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนลั่น ดึงดูดทุกความสนใจของผู้คนในละแวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขามุ่งหน้าแห่กันเข้าไปดู ก็พบว่าเป็นร่างศพของใครบางคนที่ขึ้นอืดแล้วลอยขึ้นมาเกยฝั่ง จุดสังเกตที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นสภาพศพที่ไร้ศีรษะ และชุดเสื้อคลุมสีเทาที่แสนคุ้นเคย
มองผ่านแค่ปาดเดียว ทุกคนต่างระบุได้ในทันที นี่เป็นศพของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ผิดแน่!
“นายน้อยจวิ๋น…”
ทุกคนต่างรอฟังการตัดสินใจของจวิ๋นเส้าอยู่
“เก็บกู้แล้วส่งกลับไปยังทวีปจวิ๋นเทียนของเรา นำไปประกอบพิธีศพตามสมควร ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้เช่นกัน เขาคือผู้อาวุโสใหญ่ที่ประชาชนทุกคนเคารพรัก!”
ในเวลานี้กระทั่งศพของผู้อาวุโสใหญ่ก็ถูกพบแล้ว แต่ไฉนถึงยังไม่เห็นเซียถงอีกล่ะ?
เบาะแสเดียวในวันนี้คือ มีแสงสีขาวแพรวประกายสาดแวบ ฟ้าดินสว่างจ้าชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปต่อหน้าต่อตา เซียถงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งมังกรสมุทรเจียวหลงตนนั้นเองก็เช่นกัน…
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็ยิ่งเป็นกังวลกันอย่างหนัก
เป็นเวลาสามเดือนเต็มนับตั้งแต่วันนั้น จวิ๋นเส้าคอยเฝ้าส่งคนออกไปสำรวจหาเบาะแสของเซียถงในน่านสมุทรที่บริเวณนั้นทุกวัน
ต่อมา ทั้งหลัวซีและเซี่ยหลู่เฟิงก็ถูกเชิญให้มายังทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้ เพื่อช่วยกันออกตามหาเบาะแสของเซียถงอีกแรงหนึ่ง
ณ ใจกลางเกาะแห่งหนึ่งที่โพ้นทะเลอันห่างไกล มีธารน้ำตกไหลกระเซ็นลงมาจากเทือกเขาสูง เบื้องล่างมีสระน้ำใสขนาดใหญ่รองรับอยู่ใต้ล่าง ภายในนั้นมีอิสตรีรูปงามนางหนึ่งกำลังแหวกว่ายเล่นอย่างสำราญใจ และนางก็หาใช่ใครอื่นนอกเสียจาก เซียถงที่ทุกคนตามหา!
ใต้ร่มต้นไม้สีเขียวขจีข้างสระน้ำใส มีกิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งกำลังนั่งแลบลิ้นเลียเกล็ดมังกรสีขาวดุจหิมะอยู่ ซึ่งเกล็ดมังกรชิ้นดังกล่าว ต้องบอกเลยว่าช่างอัศจรรย์พันลึก เพราะมันสามารถเรืองแสงสว่างแพรวพราวได้ตลอดเวลา!
เด็กหนุ่มผู้มีผมยาวสลวยสีเงินประกายในชุดแพรพรรณสีแดงเพลิงเดินเข้าม พร้อมหอบผลไม้กองหนึ่งเข้ามา และโยนใส่กิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก มันกล่าวน้ำเสียงกระชากหงุดหงิดอีกว่า
“เอา! เอา! เลียมันเข้าไป! ชาตินี้จะฟื้นพลังคืนได้ไหม! ทั้งข้าทั้งเซียถงรอเจ้าอยู่ที่นี่จนรากจะงอกแล้ว!”
เสี่ยวฮั่วเงยหน้าข่มมองหลิวซูด้วยความหงุดหงิดไม่ต่าง กล่าวว่า
“ไอ้บ้านี่! คิดว่าเกล็ดมังกรเจียวหลงมันขัดเกลาดูดซับกันง่ายนักรึไง?”
“แล้วใครที่ไหนมันใช้ให้เลียมันเพื่อดูดซับพลังกัน?”
หลิวซูยังแซวต่ออีกว่า
“เลียไข่ตัวเองยังมีประโยชน์กว่าเลย!”
“นี่เจ้า!!”
“พอแล้ว! พอแล้ว!”
เซียถงขึ้นจากน้ำกล่าวหยุดพวกมันไม่ให้ทะเลาะกัน นางยังเคลื่อนสายตามองไปทางเสี่ยวฮั่ว กล่าวว่า
“นั่นเป็นภึงเกล็ดมังกรที่อุดมไปด้วยพลังตบะที่มังกรสมุทรเจียวหลงบำเพ็ญมาชั่วชีวิต กล่าวคือ มันเป็นของวิเศษที่มีสรรพคุณธาตุน้ำ แต่เจ้ากลับเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟ ดังนั้นแล้ว หากสิ่งนี้ไม่มีผลอันใดต่อตัวเจ้าก็คงไม่แปลก! จะพูดให้ถูกคือ สู้เจ้าเลียหินแถวนี้ยังมีประโยชน์กว่า!”
เซียถงคว้าเสื้อคลุมขึ้นมานุ่งห่มมัดปมไว้ล่วมๆเพื่อความสะดวกสบาย หาใช่ว่านางเองก็อยากอยู่ที่นี่นัก แต่ก็เป็นเสี่ยวฮั่วที่บอกว่า ตัวมันจำต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูพลังให้กลับมา แล้วนี่ก็ปาเข้าไปสามเดือนแล้ว!
ในตอนนั้น เนื่องด้วยสัญชาตญาณอะไรบางอย่างก็มิทราบ มันสั่งให้เสี่ยวฮั่วกัดกระชากเกล็ดมังกรบนร่างของเจียวหลงออกมา ถึงจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่สุดท้ายเสี่ยวฮั่วก็ทำตามสัญชาตญาณอยู่ดี
เซียถงตระหนักทราบดี เกล็ดมังกรเจียวหลงชิ้นนี้มันทรงพลังมหาศาลเพียงใด และเนื่องด้วยเสี่ยวฮั่วเป็นฝ่ายฉกชิงเจ้าสิ่งนี้ด้วยสัญชาตญาณของมันเอง ดังนั้นนางจึงคิดว่า มันก็ย่อมรู้มีวิธีดูดซับพลังในแบบของมัน แต่นี่ก็ผ่านมาแล้วตั้งสามเดือนเต็ม ก็ไม่เห็นว่าเสี่ยวฮั่วจะมีอะไรคืบหน้าเลย!
จนมาถึงวันนี้ นางขอยอมแพ้แล้วเช่นกัน!