ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 621 ระยะเวลาที่หายตัวไป (1)
ตอนที่621 ระยะเวลาที่หายตัวไป (1)
ตอนที่621 ระยะเวลาที่หายตัวไป (1)
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา พวกเซียถงทั้งสามต่างใช้เวลาอยู่อาศัยในหมู่เกาะเล็กๆแห่งนี้
แน่นอนว่านี่ย่อมมีเหตุผลอื่นเช่นกัน ประการแรกสุด หลังจากที่ต่อสู้กับมังกรสมุทรเจียวหลง เซียถงได้ดูดซับพลังจิตวิญญาณทั้งหมดของผู้อาวุโสใหญ่และบรรดาสัตว์วิญญาณที่สิ้นชีพตายลงเข้าสู่ร่างกายโดยตรง นางต้องการเวลาเพื่อขัดเกลาหล่อหลอมมันให้บริสุทธิ์ เนื่องจากเหล่านี้เป็นมวลพลังปนเปื้อน ไม่สามารถผสานรวมกับจิตวิญญาณของนางได้
หลังจากพยายามอยู่นาน ดูเหมือนว่ากระบวนนี้จะดำเนินไปได้ช้ามาก เพราะกว่าจะขัดเกลาจนบริสุทธิ์ก็ดี กว่าจะดูดซับย่อยมันลงไปก็ดี ต่อมา เซียถงจึงคิดค้นวิธีใหม่เพื่อใช้สำหรับจัดการกับมวลพลังจิตวิญญาณเหล่านี้ นางอัดฉีดมวลพลังจิตวิญญาณทั้งหมดของผู้อาวุโสใหญ่และสัตว์วิญญาณทั้งหลายลงสู่เตาหลอมโอสถทองคำ และเริ่มกระบวนการทุกอย่างเหมือนกับเวลาหลอมกลั่นโอสถทั่วไป และผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มวลพลังจิตวิญญาณเหล่านั้นถูกชำระล้างสิ่งปนเปื้อนจนบริสุทธิ์ แล้วนางจึงค่อยหลอมผสานเข้ากับจิตวิญญาณตัวเอง
ทั้งหมดนางใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนเศษ ถึงแบบนั้นผลที่ได้ก็นับว่าคุ้มค่าเกินจินตนาการ! พลังจิตวิญญาณขุมนี้ทั้งแกร่งกล้าและเสถียรต่อการควบคุม หลังจากย่อยพวกมันจนหมด เซียถงรู้สึกได้ทันทีถึงร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น เส้นลมปราณทั้งหมดถูกเสริมพลังยกระดับความแข็งแกร่ง ทั้งในด้านความยืดหยุ่นและทนทาน กระแสลมปราณที่ไหลเวียนโคจรคล่องตัวขึ้นเป็นทวีเท่า! และอีกหนึ่งเดือนต่อมา เซียถงเลื่อนระดับกลายเป็นจักรพรรดิอสูร หรือก็คือจุดสูงสุดแห่งเส้นทางนักอัญเชิญอสูร โดยมีตราผนึกจักรพรรดิเทวะอยู่ในครอบครอง!
แต่ตรงกันข้ามกับเสี่ยวฮั่วโดยสิ้นเชิง ในช่วงเวลาสามเดือนนี้ มันกลับไม่มีพัฒนาการใดๆคืบหน้าเลย
ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่มันนั่งเลียเกล็ดมังกรเจียวหลงคือ บาดแผลทั้งหมดที่เคยได้รับความเสียหายของมันฟื้นฟูกลับเป็นปกติ
ในปัจจุบัน ยิ่งมาเจอหลิวซูกับเซียถงกล่าวเช่นนี้ เสี่ยวฮั่วก็รู้สึกหดหู่ใจเสียเหลือเกิน!
มันอ้าปากคายเกล็ดมังกรเจียวหลงชิ้นนั้นออกมาโดยตรง
เกล็ดมังกรเจียวหลงทอแสงส่องประกายระยิบระยับชิ้นนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคาบน้ำลายของมัน เซียถงหยิบมันขึ้นมาล้างกับน้ำทะเลอยู่สักครู่ ค่อยเดินกลับมาหาและกล่าวกับเสี่ยวฮั่วที่นั่งตาละห่อยว่า
“เจ้าต้องการเกล็ดมังกรชิ้นนี้จริงๆรึ?”
เสี่ยวฮั่วตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยเงยหน้าแหงนศีรษะเชยจับจ้องนางด้วยความสงสัย มันไม่ทราบเลยว่า เซียถงกำลังจะสื่ออะไร?
“หากเจ้าไม่สามารถดูดซับพลังจากเกล็ดมังกรชิ้นนี้ได้เลยจริงๆ ก็แค่ส่งคืนให้กับเจ้าของ หรือคิดจะเก็บมันไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอะไรเทือกนั้น? ใช้มันอวดกับคนอื่นว่า ตัวเจ้านั้นเก่งปาดใด? มันน่าภูมิใจแล้วจริงๆเหรอ?”
หลิวซูแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่มันได้ยิน เซียถงของมันหรือจะพูดจาเสียดสีออกมาขนาดนี้? อย่างไร เมื่อลองเก็บมาพินิจดูให้จงดี ก็เป็นความจริงอย่างที่นางกล่าวเอาไว้ หันไปเห็นเสี่ยวฮั่วที่ยังปั้นสีหน้าเศร้าสร้อย ใจมันก็อยากเห็นอีกฝ่ายยิ้มแย้มร่าเริงขึ้นอีกครั้ง จึงกล่าวน้ำเสียงจริงจังเอ่ยขึ้นว่า
“หากต้องการเก็บเจ้าสิ่งนี้เป็นที่ระลึก มันก็เป็นเพียงถ้วยรางวัลชิ้นหนึ่งที่สุดท้ายก็ถูกเก็บไว้ใต้กล่อง แล้วสักวันมันก็จะถูกลืมและหายไปตามกาลเวลา แต่สำหรับตัวเจียวหลงแล้ว สิ่งนี้คือพลังตบะที่มันใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อบำเพ็ญสั่งสมเอาไว้ เสี่ยวฮั่ว เจ้าเองก็น่าจะทราบดี หากสูญเสียเกล็ดมังกรชิ้นนี้ไป ชีวิตของมันจะเป็นเยี่ยงไรต่อไป? ต้องใช้เวลาอีกไม่รู้กี่พันปีกว่าจะเก็บรวบรวมพลังตบะได้ใหม่อีกครั้ง พวกเราเองต่างก็มีอายุเกินคณานับแล้ว การนั่งบำเพ็ญตบะอยู่ตัวคนเดียวลำพังเป็นพันปี มันทรมานปานใด..”
เสี่ยวฮั่วก้มศีรษะคอตกอยู่สักครู่ใหญ่ มองเกล็ดมังกรในมือเซียถงทื่ส่งยื่นมาให้อยู่ต่อหน้า ทันใดนั้นเอง มันก็จำแลงกายเป็นร่างมนุษย์ และหยิบเกล็ดมังกรบินขึ้นสู่ฟากฟ้าโดยตรง เหลียวหลังมองเซียถงกับหลิวซูพร้อมส่งยิ้มบางๆให้ทีหนึ่ง และบินออกไปยังชายฝั่งนอกเกาะ
บริเวณตรงนั้นเป็นสถานที่ที่มังกรสมุทรเจียวหลงพักอาศัยตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เมื่อเห็นเสี่ยวฮั่วบินมาหาพร้อมเกล็ดมังกรของมันในมือ เจียวหลงตนนั้นก็ยกหางตบผิวน้ำจนสั่นกระเพื่อมรุนแรงด้วยความไม่พอใจ แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ชูคอเชิดหน้าขึ้นจับจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ก่อนจะขดตัวฟุบนอนลงอีกครั้งพร้อมท่าทีหงุดหงิด
เสี่ยวฮั่วโบกเกล็ดมังกรชิ้นนั้นในมือไปมาอยู่กลางอากาศ ปลุกกระตุ้นให้เจียวหลงต้องลืมตาตื่นขึ้นมามองอีกครั้ง ซึ่งตัวเจียวหลงคิดว่า เหตุผลที่เสี่ยวฮั่วมาที่นี่ก็เพื่อยั่วยุกลั่นแกล้งมัน จึงส่งเสียงคำรามผ่านลำคอดังขึ้นฟ่อหนึ่งด้วยความโกรธ
เมื่อเซียถงกับหลิวซูตามมาถึง กำลังจะบินทะยานเข้าไปหยุดเสี่ยวฮั่ว จู่ๆมันก็ตะโกนสวนขึ้นว่า
“ไม่ต้องเข้ามา!”
เซียถงกับหลิวซูหันหน้าสบมองกันด้วยความงุนงง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครคาดเดาความคิดของเสี่ยวฮั่วได้เลย
เสี่ยวฮั่วลอยไปหยุดตรงหน้าของมังกรสมุทรเจียวหลง แล้วก็ยื่นเกล็ดมังกรในมือส่งคืนให้
เห็นดังนั้น เจียวหลงพลันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก สะดุดมองเสี่ยวฮั่วพร้อมด้วยสายตาที่สับสนไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดกัน อีกฝ่ายถึงต้องเอาเกล็ดมังกรมาคืนตน?
“รับไป นี่เป็นของเจ้า!”
เสี่ยวฮั่วอาสาช่วยติดเกล็ดมังกรชิ้นนั้นคืนให้จากจุดที่เคยกัดกระชากออกมา
เสี้ยวอึดใจนั้น ดวงตาคู่นั้นของเจียวหลงที่เคยดุร้ายเกรี้ยวกราด ก็ดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยหนึ่งส่วน ยามที่เกล็ดมังกรทั่วร่างของมันถูกติดประกอบสมบูรณ์ เวลาเปล่งแสงสว่างระยิบระยับออกมาช่างเป็นภาพฉากที่สวยงามเกินบรรยาย
มังกรสมุทรเจียวหลงบิดเกลียวลำตัวมหึมาของมันดำดิ่งสู่ห้วงสมุทรลึกเบื้องล่างจมหายไป ละอองน้ำพิสุทธิ์ใสสาดกระเซ็นดุจผงดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เจิดจรัสวิบวับทั่วท้องฟ้า
ละอองน้ำเม็ดบางเบาแสนชุ่มฉ่ำโปรยปรายลงมาอย่างโอนอ่อน พินิจมองแล้วประหนึ่งฝนดาวตกยามเช้าก็มิปาน
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ทันใดนั้นก็ก่อเกิดลำแสงดวงใหญ่ท่ามกลางใต้ห้วงสมุทรลึกล้ำ แต่ไม่นานนักก็ค่อยๆอันตรธานจางหายไป มังกรสมุทรเจียวหลงโผล่ขึ้นจากผิวน้ำอีกครั้ง สีหน้าการแสดงออกของมันดูผิดหวังอย่างมาก
เซียถงมุ่งสายตาสอดส่องไปทางมัน ก็พบว่าเกล็ดบนตัวมันที่วาววับประหนึ่งหยกขาว ในเวลานี้กลับมีรอยแตกสีดำขนาดใหญ่ลากยาวเป็นเส้นสายทั่วทั้งร่าง นี่คือสัญญาลักษณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มันประสบความล้มเหลวอีกครั้งในการวิวัฒนาการกลายเป็นมังกร
เมื่อเสี่ยวฮั่วเห็นดังนั้น จู่ๆมันก็ร้องอ๋อพร้อมตบต้นขาเสียงดังฉะใหญ่
“ข้ารู้แล้ว! ไฉนมันถึงไม่สามารถวิวัฒนาการเป็นมังกรได้เสียที!”
“เพราะเหตุใดงั้นรึ?”
เซียถงเอ่ยถามกลับไปด้วยความสงสัย
เสี่ยวฮั่วชี้ไปที่เส้นรอยแตกร้าวสีดำที่กระจายไปทั่วร่างของเจียวหลง และกล่าวอธิบายทันทีว่า
“เดิมทีเจียวหลงตนนี้เป็นสัตว์อสูรธาตุน้ำสายตรง ไม่มีสายเลือดอื่นแฝงอยู่ในกายเลย ดังนั้นไม่ว่าจะบำเพ็ญตบะฝึกปรือยังไงก็ไม่มีทางกลายร่างเป็นมังกรได้! องค์ประกอบสำคัญของมังกรคือน้ำกับไฟที่สมดุลกัน ส่วนเหตุที่นาคีสมุทรสามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ เพียงได้รับเลือดของท่านเป็นเพราะ ในกายมันมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์อสรพิษเจือผสมอยู่ด้วย จึงค่อนข้างง่ายในการวิวัฒนาการ แต่นั่นก็กลายมาเป็นแค่มังกรชั้นต่ำ กล่าวคือ ยิ่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์เพียงใด ก็ยิ่งวิวัฒนาการได้ยากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงข้าม หากทำสำเร็จ ก็จะกลายมาเป็นสัตว์เทพชั้นสูงได้ในทันที!”
“เจียวหลงตนนี้มีแต่องค์ประกอบธาตุน้ำอยู่ในกาย และหากเป็นไปตามที่ข้าสันนิษฐาน…ปัญหานี้ควรจะมีวิธีแก้ไขอยู่! นายท่าน ลองอัดฉีดเพลิงพิภพเก้าดุษณีของท่านเข้าไปในร่างมันดู! นี่อาจทำให้มันวิวัฒนาการเป็นมังกรได้สำเร็จ!”
“เอาจริงรึ?”
เซียถงชักจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักกับข้อสันนิษฐานนี้ของเสี่ยวฮั่ว แต่เมื่อได้เห็นแววตาที่แสนมุ่งมั่นของเจียวหลง นางก็พึงตระหนักได้ว่า มันเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมอยู่แล้ว โดยไม่มีทางเลือกอื่นใด นางทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา และจุดเพลิงพิภพเก้าดุษณีดวงหนึ่งขึ้นบนฝ่ามือ และยิงใส่ร่างของเจียวหลงโดยตรง!
ทันทีที่เพลิงพิภพเก้าดุษณีสัมผัสกับร่างของเจียวหลง ก็บังเกิดไอน้ำปริมาณมหาศาลระเหยออกมางต่อเนื่อง เกล็ดมังกรที่แตกร้าวเริ่มถูกแผดผลาญจนแห้งกรอบ พร้อมกับเสียงร้องคำรามของมันด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
โฮกกก!!
ร่างทั้งร่างของเจียวหลงลุกเป็นไฟ!
แต่หลังจากที่เวลาผ่านไป ก็เริ่มเกิดปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงขึ้นกับร่างกายของเจียวหลงตนนี้ เกล็ดมังกรทั้งหมดบนตัวมันกลายเป็นชั้นเปลือกกำพร้าที่เหี่ยวเฉาและทยอยหลุดร่วงลง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาเป็นสายแล้วสายเล่า ประดับคู่เสียงร้องคร่ำครวญที่ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย!
กายเนื้อทั้งหมดของมันถูกเผาจนเหลวละลายดูน่าสยดสยอง ก่อนจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการหล่อหลอมเนื้อเยื่อและโลหิตขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนกินเวลานานมาก และทุกวินาทีที่พ้นผ่านล้วนเป็นไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส!
เซียถงที่เฝ้ามองอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจวบจนตอนนี้ยังถึงกับต้องปาดเหงื่อ เสียงร้องคร่ำครวญประหนึ่งร้องขอชีวิตของเจียวหลงตนนี้ ทำให้นางอกสั่นขวัญเสียได้ทุกเวลาอย่างแท้จริง
ผ่านไปเป็นเวลานาน เลือดเนื้อกองนั้นเริ่มหล่อหลอมเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง บนร่างของเจียวหลงเริ่มมีเกล็ดมังกรเงางามก่อตัวขึ้นรูปทีละเล็กละน้อยท่ามกลางกองเพลิง!
เสี่ยวฮั่วเห็นเป็นเช่นนั้นพลันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกว่าใครๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อย ถึงกระนั้น มันเองก็ตระหนักและเข้าใจดี นี่คือผลลัพธ์ของความมุ่งมานะตลอดหลายพันปีของเจียวหลงตนนี้!