ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 622 ระยะเวลาที่หายตัวไป (2)
ตอนที่622 ระยะเวลาที่หายตัวไป (2)
ตอนที่622 ระยะเวลาที่หายตัวไป (2)
เวลาพ้นผ่านปราศจากสิ้นสุด ความเดียวดายอยู่ยงชั่วนิรันดร์…
นี่คือเส้นทางชั่วชีวิตที่มังกรสมุทรเจียวหลงตนนี้ต้องประสบพบเจอ แต่นับว่าฟ้ายังเป็นใจ มีบุญวาสนาได้พบกับนายท่านคนใหม่ของมัน! และนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป มันจะขอฝากตัวรับใช้นาง ไม่มีวันทรยศจนวันตาย!
เสี่ยวฮั่วยกเอื้อมมือขึ้นสะกิดเรียกเซียถงให้มองการเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า เซียถงแหงนศีรษะเงยมอง พลันระบายยิ้มอ่อนอย่างมีความสุข
เมื่อกองเพลิงสีทองอร่ามได้มอบดับลง ก็ปรากฏเป็นอิสตรีรูปงามนางหนึ่งผู้มีผิวพรรณสีขาวเปล่งปลั่งประดุจหยกเดินออกมา บนเรือนร่างโฉมสะคราญของนางสวมชุดแพรพรรณผืนน้อยลวดลายเปลวไฟที่ดำไหม้ปิดคลุม ผมยาวพลิ้วสลวยสีขาวปลิวสยายออก ทุกย่างก้าวที่ตรงเข้ามาใกล้ ล้วนเปี่ยมล้นรัศมีศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องสมุทร
มุมปากเสี่ยวฮั่วถึงกับกระตุกอย่างแรง เบิกตาแทบถลนจับจ้องอิสตรีรูปงามนางนั้นไม่คลาย!
อิสตรีรูปงามตรงหน้าก็คือ…มังกรสมุทรเจียวหลงตัวตะกี้?!
นางเดินมาหยุดตรงหน้าเซียถงและโค้งศีรษะคำนับให้ด้วยความนอบน้อม ซึ่งนี่ทำเอาเซียถงตกใจจนต้องก้าวถอยหลัง
“เดี๋ยว! เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! คนที่ทำให้เจ้าวิวัฒนาการเป็นมังกรได้สำเร็จคือข้ามิใช่รึ? นายท่านของข้าเพียงให้หยิบยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีเฉยๆ! เจ้าควรขอบคุณข้านี่! ไม่รู้บุญคุณเอาเสียเลย! ช่างเถอะ ในเมื่อเสร็จเรื่องแล้วจะไปไหนก็ไป!”
เสี่ยวฮั่วหงุดหงิดเรื่องที่ว่าไม่ได้เกล็ดมังกรมาใช้เป็นทุนเดิม ยิ่งเห็นอิสตรีรูปงามมาโค้งคำนับให้นายท่านของมันอีกก็ยิ่งหงุดหงิด รู้สึกราวกับตนเองกำลังถูกแย่งชิงความรักไป จึงโบกมือไล่ตะเพิดนางออกไปทันที
แต่ในเวลาเดียวกัน หลิวซูก็เหม่อมองอิสตรีรูปงามนางนั้นเช่นกัน ปั้นสีหน้าฉงนงุนงงอยู่ไม่น้อย แล้วพอได้ยินเสี่ยวฮั่วพูดจาขับไล่อีกฝ่ายอย่างเสียๆหายๆเช่นนั้น มันก็รับบทสุภาพบุรุษทวงคืนความยุติธรรมแก่หญิงสาวทันที และวิ่งไปกระชากคอเสื้อเสี่ยวฮั่ว ด่าทอขึ้นว่า
“เจ้ายังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่หรือไม่! พูดจาเช่นนี้ออกมาไม่กลัวสุภาพสตรีท่านนี้จะเสียใจเลยรึไงกัน! ไร้ยางอายสิ้นดี!”
โดนกระชากคอมา จึงกระชากคอกลับไป เสี่ยวฮั่วตอนนี้อารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว จึงยกมือกระชับเป็นกำปั้นซัดหวดใส่หน้าของหลิวซูอย่างแรง! มุมปากพลันบวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
เห็นทั้งสองเริ่มตะลุมบอนทุบตีกันยกใหญ่ อิสตรีรูปงามนางนั้นก็ยิ้มแย้มดูมีความสุขในทันที
นางเหลียวศีรษะมองหน้าเซียถงไม่คลาย ระบายยิ้มที่แสนจริงใจกล่าวขึ้นว่า
“นายท่าน!”
ทันทีที่วาจาคำนี้เปล่งดังออกมาจากปากอิสตรีรูปงาม ทั้งสองต่างก็หยุดตีกันชั่วขณะ มองมาด้วยความตกใจ ทางด้านเซียถงก็เข้าใจได้ทันทีว่า ในเวลานี้เจียวหลงได้ยอมรับนางในฐานะนายท่านของมันแล้ว และก็เป็นเสี่ยวฮั่วที่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง จับจ้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉาริษยา กลิ่นเปรี้ยวหึ่งออกมาแต่ไกล
แต่เดิมนั้น นางก็เป็นถึงสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกับเสี่ยวฮั่วอยู่แล้ว อีกทั้งตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา นางยังเพียรขยันฝึกปรือบำเพ็ญตบะโดยตลอด กล่าวคือ ไม่มีใครอีกแล้วบนผืนพิภพแห่งนี้ที่สามารถต่อกรกับนางได้ หรืออีกนัยหนึ่ง หากนางยังคงฝึกปรือต่อไปให้หนัก ย่อมสามารถพัฒนาขึ้นเทียบเคียงกับจตุสัตว์เทวะในตำนานได้เลย เพียงว่าระดับสายเลือดอาจไม่สามารถวิวัฒนาการได้สูงเท่า ดังนั้นแล้ว ด้วยพลังความแข็งแกร่งที่มีอยู่ นางย่อมถือตัวเองเป็นนายมาตลอดนานนับพันปี กระนั้นเอง ในกรณีนี้จะแตกต่างไปจากเรื่องระหว่างเซียถงและเสี่ยวฮั่ว เพราะถึงแม้ว่าเสี่ยวฮั่วจะจัดเป็นสัตว์เทพชนชั้นเดียวกับเจียวหลงก็จริงอยู่ แต่ครั้งแรกที่เซียถงได้พบกับเสี่ยวฮั่ว ตัวมันตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส กระทั่งรากฐานพลังบำเพ็ญตบะยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอสุดขีด ทั้งสองจึงต่างต้องอยู่ในสภาวะพึ่งพาอาศัยและเติบโตมาด้วยกัน
ทว่าเจียวหลงกลับต่างแตกออกไปโดยสิ้นเชิง รากฐานบำเพ็ญตบะของนางทั้งสูงส่งและทรงพลังเหนือชั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
ดังนั้น นางจึงไม่จำเป็นต้องเรียกใครหรือนับถือใครเป็นเจ้านายของตนด้วยซ้ำ!
“อ่อ…อันที่จริง สิ่งที่เสี่ยวฮั่วพูดไปก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง เจ้าไม่เห็นต้องยอมรับข้าเป็นนายเลย แล้วที่สำคัญ ข้าเองก็มิได้ผนึกเจ้าตั้งแต่แรกด้วย ในเมื่อวิวัฒนาการสำเร็จดั่งใจนึกแล้ว จากนี้จะไปไหนก็ไปเถิด เจ้าเป็นอิสระแล้ว!”
เผชิญพบกับคำปฏิเสธภายใต้ถ้อยคำวาจาที่แสนสุภาพของเซียถง ดวงตาคู่สวยของเจียวหลงพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเห่อร้อนขึ้นในทันใด นางคุกเข่าลงต่อแทบเท้าเซียถงทันควัน และกล่าวย้ำด้วยความดื้อรั้นไม่ยอมรับว่า
“นายท่าน!”
จากนั้นเอง จู่ๆเจียวหลงก็คายลูกแก้วดวงหนึ่งออกมา ซึ่งสิ่งนี้ก็คือแกนอสูรที่อัดแน่นไปด้วยขุมพลังบำเพ็ญตบะเข้มข้นที่นางเก็บสั่งสมไว้ชั่วชีวิต!
เมื่อเห็นถึงความจงรักภักดีถึงขั้นนี้ของนาง แม้แต่หลิวซูยังต้องตะลึง!
อิสตรีนางนี้เอาจริง!
เจียวหลงนางนั้นชำเลืองเหลือบหาหลิวซู ค่อยเคลื่อนผ่านไปมองเสี่ยวฮั่ว ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“ข้าบำเพ็ญตบะฝึกปรืออยู่ตัวคนเดียวในใต้ก้นสมุทรมานานนับพันปี แต่รู้อะไรหรือไม่ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ข้าแอบเฝ้ามองพวกท่านจากตรงนี้อยู่ตลอด ขอกล่าวตามสัตย์จริงเลยว่า ข้า…ข้ารู้สึกอิจฉามากเลย! ข้าเอง…ข้าเองก็…อยากมีเพื่อนกับคนอื่นบ้าง! แล้วก็คาดไม่ถึงเช่นกัน วันนี้พวกท่านจะตัดสินใจคืนเกล็ดมังกรแก่ข้า ทั้งๆที่เจ้าสิ่งนี้สามารถทำให้พวกท่านแข็งแกร่งขึ้นได้แท้ๆ อีกทั้งนายท่านยังช่วยทำให้ข้าวิวัฒนาการเป็นมังกรได้สำเร็จดั่งใจนึก โดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนใดๆ ในที่สุด ก็ได้พบเจอกับผู้คนที่มีความจริงใจต่อข้าเสียที ดังนั้นโปรดรับข้าเป็นผู้ติดตามรับใช้ของท่านด้วยเถิด…”
….
พอได้ยินเสียงที่นางเอ่ยกล่าวออกไปทั้งหมด ทั้งเสี่ยวฮั่วและหลิวซูต่างปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาสักคำ เพราะพวกเขาเองก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่อีกฝ่ายได้หมายความออกไป และก็ยังเข้าใจอย่างลึกซึ้งเช่นกันว่า ทำไมต้องเป็นเซียถง!
จากที่ทั้งสองได้เฝ้าติดตามเซียถงไปทั่วทุกหนแห่ง ทั้งจะเต็มใจก็ดีไม่เต็มใจก็ดี ในช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวฮั่วหรือหลิวซู พวกมันต่างก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องอยู่กับนาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดพวกมันก็ได้เข้าใจว่า เซียถงคนนี้มีพลังวิเศษอยู่หนึ่งอย่าง นางสามารถดึงดูดผู้คนรอบข้างให้เข้าหาได้!
เสี่ยวฮั่วหันไปมองหน้าเซียถง กล่าวขึ้นว่า
“นายท่าน แค่ปฏิเสธ…”
หลิวซูยกมือขึ้นอุดปากเสี่ยวฮั่วในบัดดล ทั้งหมั่นไส้ทั้งรำคาญในเวลาเดียวกัน และกล่าวกับเซียถงแทรกขึ้นแทนว่า
“เซียถง ข้าทราบดี นอกเสียจากนางฟ้านางสวรรค์แล้ว ก็คือเจ้านี่แหละที่มีจิตใจกว้างขวางเมตตาที่สุด! ลองมองไปที่นางสิ! ก็แค่สาวน้อยนางหนึ่งที่อยากมีเพื่อน! การที่ต้องอยู่ตามลำพังอย่างเด็ดเดี่ยวนับพันปี เจ้าจินตนาการไม่ออกหรอกว่า มันทุกข์ทรมานเพียงใด! เห้ออ…ช่างเป็นสาวน้อยที่น่าสงสัยอะไรปานนี้กัน มาเถอะ มาเถอะ ลุยกองเพลิงจนเนื้อตัวสกปรกหมดแล้ว เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปอาบน้ำ…โอ๊ยย!! เจ็บ!! เซียถง เจ้าตีข้าทำไมเนี่ย!”
“หากไม่ตีเจ้าก่อนตอนนี้ มีหวังต่อไปเจ้าคงคอยรังแกเอาเปรียบนางแย่น่ะสิ!”
“จะบ้ารึไงกัน! นั่นมังกรเลยนะ! มังกรตัวเป็นๆ! โหดกว่าเสี่ยวฮั่วไม่รู้เท่าไหร่! แล้วใครจะไปกล้าล้ำเส้นนางกันล่ะ? แต่จะว่าไปคนสวย รู้ใช่ไหมว่าการเข้ามาเป็นผู้ติดตามของเซียถงย่อมต้องมีขั้นมีตอน รู้จักเคารพเชื่อฟังศิษย์พี่ สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ…โอ๊ย!! อีกแล้ว! ตีมันเข้าไปเถอะ! หัวปูดเป็นลูกมะนาวหมดแล้ว!”
เจียวหลงเห็นกำปั้นของเซียถงประเคนใส่กบาลหลิวซูก็หัวเราะชอบใจใหญ่ จู่ๆนางก็เดินเข้ามาควงแขนเซียถงทั้งยังกอดไว้แน่น เอนศีรษะเข้าซบไซร้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะกล่าวกระซิบเสียงหวานฉ่ำให้ฟังว่า
“นายท่าน ข้ามีอะไรจะฟ้อง! สามเดือนที่ผ่านมา ตอนที่ท่านไปอาบน้ำแถวน้ำตก แล้วหลิวซูอ้างว่าไปเก็บผลไม้ในป่า แท้ที่จริงแล้ว มันแอบถ้ำมองท่านอยู่ตลอด!”
“นะ-นี่เจ้า!? ข้าอุตส่าห์ช่วยอยู่แท้ๆ กล้าดียังไงมาสร้างปัญหากับข้า…อ๊ากกก!! เจ็บ! เจ็บ! เซียถงอย่าดึงผมข้า!!”
…..
ในอีกด้านหนึ่ง จวิ๋นเส้ายืนสองมือไพล่หลัง เหม่อมองขอบฟ้าผืนทะเลไกลโพ้นสุดวิสัย จากจุดนั้น พบเห็นว่ามีเงาคลื่นยักษ์ลูกมหึมากำลังพุ่งเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่สูงมาก! กระทั่งใต้ผืนสมุทรทั่วทั้งทวีปจวิ๋นเทียนยังต้องสั่นสะเทือนรุนแรง โซ่เหล็กเย็นขนาดโอฬารที่เปรียบเสมือนรากฐานที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างหมู่เกาะทั้งหมดบนนี้ยังส่งเสียงกระทบสั่นคลอนเช่นกัน นี่คงเป็นคลื่นยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์ชาติที่ทวีปจวิ๋นเทียนเผชิญพบมา กระทั่งจวิ๋นเส้าเองก็ยังอดหวั่นใจมิได้ อนาคตของทุกคนจะถูกมวลน้ำคลั่งครั้งนี้กวาดล้างดับสูญไปด้วยหรือไม่!
สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้จวิ๋นเส้าหวนนึกย้อนไปถึง คำกล่าวก่อนหน้านี้ของผู้อาวุโสใหญ่ที่พยากรณ์ว่า ทวีปจวิ๋นเทียนกำลังจะมีมหันต์ภัยครั้งใหญ่หลวงรุกราน! แต่ในเวลานี้ ทุกคนต่างเข้าใจผิดหลงคิดไปว่า เจ้าสิ่งนั้นน่าจะคือพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิง แต่เมื่อจวิ๋นเส้าได้กลับมาเห็นบันทึกเล่มหนึ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่วางทิ้งไว้ในหอดูดาว เขาพลันตระหนักได้ทันที สิ่งที่หมายถึงมหันต์ภัยครั้งใหญ่หลวงที่ว่า แท้จริงแล้วเป็น มหาอุทกภัยคลื่นยักษ์!
และแผนการที่แท้จริงของผู้อาวุโสใหญ่ก็คือ เขาต้องการจะจับพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงมาเป็นของตน เพื่อให้มันนำตัวเขาและลูกหลายสายเลือดแท้ของตนหนีออกไปจากทวีปจวิ๋นเทียนก่อนมหาอุทกภัยครั้งนี้จะคืบคลานเข้ามา และปล่อยให้คลื่นยักษ์ดังกล่าวฆ่าล้างทุกชีวิตภายในนั้นไปให้หมด เพื่อล้มล้างสายเลือดจ้าวผู้ปกครองคนเก่าทิ้งไป และนำสายเลือดตระกูลของผู้อาวุโสใหญ่เข้ามาแทนที่!