ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 626 กลับสู่ทวีปเทียนหลาง (2)
ตอนที่626 กลับสู่ทวีปเทียนหลาง (2)
ตอนที่626 กลับสู่ทวีปเทียนหลาง (2)
“หากนี่หามช่ทางเลือกสุดท้ายที่มี ข้าเองก็ไม่คิดจะปรากฏตัว ดังนั้นแล้ว อย่าได้กังวล!”
เซียถงกล่าวเสียงดังแข็งขันสร้างความมั่นใจแก่หลัวซี ครุ่นคิดอยู่สักครู่คล้อยหลังจึงกล่าวว่า
“เอาล่ะ วานเจ้าติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋หลี่เย่กับเย่หลีเทียนต่อไปอีกสักระยะที! ฝากด้วย!”
หลังจากส่งหลัวซีออกไปแล้ว ฉีหมิงเยว่ที่มิได้พบหน้ากันเสียนานก็เข้ามาในห้อง พร้อมยกชุดน้ำชากาหนึ่งมอบให้
นางเฝ้าสังเกตเนื้อแก้มของเซียถงที่ดูตอบผอมลงเล็กน้อย เนื่องจากตลอดเดือนที่ผ่านมา อีกฝ่ายรีบมุ่งหน้ากลับมาที่ทวีปเทียนหลางแห่งนี้ ทั้งยังมีธุระอีกมากมายที่พัลวันยุ่งเหยิงไปเสียหมอ นางเดินมานั่งอยู่ข้างกายเซียถง พลางยกกาน้ำชาขึ้นรินใส่ถ้วยให้
“นี่คือชาโสมอย่างดี เจ้าต้องดื่มมันเสียหน่อยเพื่อบำรุงกำลังวังชา ตลอดทางที่มาก็ยุ่งยากสาหัสแล้ว นี่ยังต้องมาวางแผนรับมือเรื่องนี้ต่ออีก เจ้าคงเหนื่อยแย่!”
เซียถงรีบรับถ้วยชารีบลุกขึ้นพยุงฉีหมิงเยว่ให้นั่งถูกท่าถูกทาง และกล่าวขึ้นว่า
“กลับเป็นเจ้านั่นแหละที่ต้องพักผ่อน แล้วดื่มสมุนไพรบำรุงครรภ์ให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้น หลานชายตัวน้อยของข้าอาจมีสุภาพไม่แข็งแกร่งก็เป็นได้ ดังนั้นรีบไปนอนพักผ่อนเสีย ห้ามปฏิเสธข้าด้วย!”
นางมุ่นคิ้วดุเชิงติดตลก เอื้อมมือลูบหน้าท้องกลมโตประมาณหนึ่งของฉีหมิงเยว่อย่างอ่อนโยนยิ่งนัก ในตอนนี้ ฉีหมิงเยว่ตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว และนี่ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในรอบปีแห่งความแสนสาหัสที่ผ่านมา
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า ยามนี้เจ้าจะกลายเป็นแม่คนไปแล้ว หลังจากคลอดเด็กคนนี้ออกมาก็ต้องดูแลให้จงดี ส่วนข้าในฐานะป้า จะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหลานชายคนนี้ของข้าต้องลำบากแน่นอน!”
เซียถงกล่าวติดตลกอีกสักคำ นางเชื่อสนิทใจว่า ฉีหมิงเยว่จะต้องกลายเป็นแม่ที่ดีได้อย่างแน่นอน และเมื่อเห็นเซียถงดูอารมณ์ดีผ่อนคลายลงมาก ฉีหมิงเยว่ก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน
“เอาล่ะ นี่ก็เริ่มตกดึกแล้ว ข้าจะให้อิ๋งเอ๋อร์พาเจ้ากลับไปเรือนนอนไปพักผ่อน”
ฉีหมิงเยว่พยายามเอื้อมมือจับโต๊ะเพื่อพยุงครรภ์ลุกขึ้นโดยมีเซียถงคอยช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง ขณะที่กำลังเดินไปส่งจนถึงหน้าประตู ก่อนแยกย้าย ฉีหมิงเยว่ยังหันหน้าหาเซียถงและกล่าวกับนางว่า
“แล้วเจ้าจะไม่ไปพบกับเขาจริงๆงั้นรึ? เจ้าเองก็กลับมาได้สามเดือนแล้ว ซึ่งตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เจ้าเองก็แอบช่วยเหลือเขาอยู่ตลอด ไม่คิดจะกลับไปเลยสักครา?”
“เพื่อความปลอดภัยของตัวข้า สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาคือ การให้ข้ามีชีวิตอยู่ในทวีปจวิ๋นเทียนอย่างสงบสุขตลอดกาล ดังนั้นหากข้าปรากฏตัวเสียแต่ตอนนี้ก็รั้งแต่จะทำให้เขาเป็นกังวลโดยเปล่า ช่วงนี้เจ้าเองก็พึงทราบ ตัวเขาลำบากปานใด?”
ฉีหมิงเยว่พยักหน้าตอบ และมิได้ปริปากพูดอะไรอีกเลย
สี่เดือนต่อมา จักรวรรดิตงหลี่และจักรวรรดิต้าซิ่งได้ผนึกกำลังกัน ส่งกองทัพทหารจำนวนรวมเบ็ดเสร็จกว่าหนึ่งล้านสี่แสนนาย เข้าปิดล้อมจักรวรรดิเซียทั่วสารทิศ!
นี่คือศึกสัประยุทธ์ครั้งดุเดือดที่สุดในประวัติการณ์!
จำนวนกำลังทหารที่มหาศาลเกินจินตนาการ ขนาดเซียถงพอจะทราบอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาตัวเองจริงๆ นางเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน คนพวกนี้จะดำเนินการได้รวดเร็วปานนี้!
กองทัพทหารกว่าล้านสี่แสนนายตีฝ่าหัวด่านเมืองแล้วเล่า สามารถทะลวงสิบสองปราการเมืองใหญ่แห่งจักรวรรดิเซียได้ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น! และในปัจจุบัน ข้าศึกใกล้จะเดินทัพถึงเมืองจิงกวนแล้ว ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิเซียนั่นเอง!
เซียถงเร่งระดมกองกำลังทั้งหมดที่ตนมีอยู่ในขณะนี้อย่าง กองทัพจากทวีปจวิ๋นเทียน และกองทัพจากกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า เพื่อเข้าเดินทัพสกัดกองกำลังของทั้งสองจักรวรรดิเอาไว้ ทว่าท้ายที่สุด แผนการนี้กลับไม่เป็นผลมากนัก ด้วยจำนวนที่มากเกินไป เมืองจิงกวนจึงถูกปิดล้อมได้ในท้ายที่สุด และเนื่องด้วยนางเองก็ไม่ต้องการให้กองทัพพันธมิตรของตนต้องประสบความสูญเสียมากเกินไป จึงสั่งการให้คนพวกนั้นถอยออกมาตั้งหลักก่อน และรอสัญญาณเข้าโจมตีระรอกใหม่อีกครั้ง
เท่าที่เซียถงศึกษาจากแผนที่ภูมิศาสตร์ในจักรวรรดิเซียมา ก็ได้รู้ว่า ด้านหลังเมืองจิงกวนมีหุบเขาหิมะขนาดใหญ่นามว่า หุบเขายอดอาชาอยู่ เมื่อใดที่เมืองหลวงถูกศัตรูตีฝ่าเข้ามาได้สำเร็จ ไป๋หลี่หานยังสามารถหนีขึ้นมาหลบภัยบนหุบเขาหิมะแห่งนี้ได้
แต่อย่างไร ข้อมูลที่เซี่ยหลู่เฟิงส่งตอบกลับมาคือ ไป๋หลี่หานยังไม่คิดถอดใจยอมแพ้ แม้ภายในเมืองหลวงตอนนี้จะขาดแคลนยันอาหารหรือน้ำสะอาดเลี้ยงชีพแล้วก็ตาม! ตามสาสน์ลับที่เซี่ยหลู่เฟิงส่งรายงานมา ระบุไว้ว่า อย่างนานที่สุด พวกเขาสามารถยืดอยู่ในเมืองหลวงได้อีกครึ่งเดือนเท่านั้น
เมื่อเซียถงได้ยินดังนั้น จึงวานให้กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเรียกระดมเสบียงอาหารจากเส้นสายที่มีอยู่ทั่วทวีปเทียนหลาง และลอบส่งให้เซี่ยหลู่เฟิงผ่านเส้นทางลับที่เชื่อมต่อสู่เมืองจิงกวน
ในขณะนี้เอง เซียถงกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนหารือกับจวิ๋นเส้า นายน้อยแห่งทวีปจวิ๋นเทียน และเฉียนอวิ๋ง นายน้อยแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอยู่นั้น จู่ๆเสียงประตูไม้บานเบื้องหน้าก็ถูกเปิดออก ทหารกว่าหลายคนนำมาโดยหงอวี๋ที่วิ่งตรงเข้ามาในสภาพเนื้อตัวโชกเลือด!
ทั้งสามถึงกับผงะ! โดยเฉพาะกับเซียถงที่เห็นเศษเสื้อผ้าของฉีหมิงเยว่ที่เปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งอยู่ในมือของหงอวี๋!
“เกิดอะไรขึ้นกับฉีหมิงเยว่? นางอยู่ที่ไหน?!”
วันนี้นางยุ่งเหลือเกินกับเรื่องวางแผนช่วยเหลือไป๋หลี่หาน และหากจำไม่ผิดในช่วงเช้าวันนี้ ฉีหมิงเยว่ขอตัวเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปซื้อข้าวของตามปกติ
ดังนั้นแล้ว เซียถงจึงวานให้หงอวี๋ติดตามนางไปด้วย แต่ใครหรือจะไปคาดคิด หงอวี๋จะกลับมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวอาบเลือดชโลมปานนี้! แต่ในท้ายที่สุด กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของฉีหมิงเยว่กลับมาด้วยกัน
บนร่างกายของหงอวี๋มีร่องรอยถูกคมกระบี่แทงกว่าหลายสิบจุด อีกทั้งบริเวณปากบาดแผลยังคล้ำม่วงส่งกลิ่นเหม็น นี่แสดงให้เห็นว่านางยังโดนพิษร้ายเข้าเล่นงานค่อนข้างรุนแรงมาก และนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้วที่นางยังประคองชีวิตรอดมาได้ถึงตรงนี้!
เซียถงรีบวานให้เสี่ยวฮั่วใช้เพลิงกิเลนศักดิ์สิทธิ์ล้างพิษในร่างกายหงอวี๋ออกโดยไว จากนั้นก็ค่อยป้อนโอสถขับพิษระดับเก้าอีกจำนวนสองถึงสามเม็ดให้นาง ไม่นานเกินรอ หงอวี๋ก็ฟื้นถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับสบายตัวขึ้นมาก แล้วจึงกล่าวว่า
“มีกลุ่มยอดฝีมือดักโจมตีพวกเรา! มัน…มันลักพาตัวแม่นางฉีไป!”
ใครกันที่กล้าลักพาตัวฉีหมิงเยว่ไปจากมือนาง? สงสัยว่าพวกมันชักจะเบื่อชีวิตกันเกินไปแล้ว!
“พวกมันคือใครกัน!?”
“พวกมันมีจำนวนเป็นร้อย ระดับพลังลมปราณล้วนสูงส่งยิ่งยวด สัตว์วิญญาณที่พวกเรามีอยู่ตอนนี้ไม่สามารถทัดเทียมได้เลย แต่รู้สึกว่าผู้นำกลุ่มนี้จะเป็นผู้หญิง…ไม่คุ้นหน้าเลย…”
หงอวี๋มุ่นคิ้วขมวดแน่น คิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงกล่าวอธิบายต่อว่า
“แต่ที่จุดสังเกตคือ คนพวกนั้นเรียกนางว่า องค์หญิงใหญ่ ทว่าทุกครั้งที่นางได้ยินชื่อนี้ กลับมีปฏิกิริยาขยะแขยงขึ้นมาพลัน และมักเรียกตัวเองแทนว่า แม่นางชิงเยวี่ย”
เซียถงถึงขั้นหน้าถอดสีในบัดดล!
ทอดสายตาพินิจหาทั่วทั้งทวีปเทียนหลางแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนนักที่สามารถใช้ศักดิ์สถานะองค์หญิงใหญ่ได้ แต่จะมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่กล้าเรียกตัวเองแทนว่า แม่นางชิงเยวี่ย ทว่าเซียถงได้แต่ภาวนาเช่นกัน อย่าได้เป็นคนเดียวกับที่นางคิดเลย!
หลังจากที่กลับมาในทวีปเทียนหลางประมาณเดือนกว่า เซียถงก็ได้ยินว่า ไป๋หลี่อวี๋อิงในปัจจุบันกลายเป็นบ้าไปแล้ว และสาเหตุเกิดจากการตายของชิงเยวี่ยในตอนนั้น ทั้งยังมีข่าวลืออีกว่า ตลอดที่ผ่านมา นางแอบเก็บซ่อนศพของชิงเยวี่ยเอาไว้ในตำหนักของตัวเองภายในวังตงหลี่ และเป็นเพราะ นางรักชิงเยวี่ยยิ่งกว่าอะไรดี และความฝันอันสูงสุดของนางยังเป็น การได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเขา ดังนั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงจึงไม่พอใจอย่างมาก เวลามีคนอื่นเรียกนางว่า องค์หญิงใหญ่!
แต่ต้องการให้ทุกคนเรียกนางว่า ฮูหยินชิง หรือไม่ก็แม่นางชิงเยวี่ยเท่านั้น เพราะนี่เป็นสรรพนามที่ใช้เรียกภรรยาของชิงเยวี่ย!
“ไป๋หลี่อวี๋อิง!”
เซียถงไม่ค่อยอยากจะลงมือลงไม้อะไรกับคนบ้ามากนัก การรักใครสักคนและสูญเสียเขาคนนั้นไปจนกลายเป็นคนบ้าเสียสติ เท่านี้ก็ทรมานขมขื่นใจเกินบรรยายได้แล้ว แต่…ในเมื่อนางยังเลือกที่จะลักพาตัวฉีหมิงเยว่เป็นตัวประกัน ไม่ว่าเซียถงจะมิเต็มใจทำปานใด แต่ไป๋หลี่อวี๋อิง…มันต้องตาย!
อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสนใจมันอยู่ที่ ไป๋หลี่อวี๋อิงใช้นางเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่เซี่ยหลู่เฟิง และใช้นางเพื่อสร้างแรงกดดันให้ไป๋หลี่หานทางอ้อมกัน?
ตอนต่อไป