ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 628 โกลาหลถึงขีดสุด (2)
ตอนที่628 โกลาหลถึงขีดสุด (2)
ตอนที่628 โกลาหลถึงขีดสุด (2)
เมื่อได้ยินที่เย่หลีเทียนเอ่ยกล่าวเช่นนั้นออกมา เซี่ยหลู่เฟิงก็ปั้นสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งยวด จิตาสังหารทะลักบ่าจากในกายท่วมท้น แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไรต่อ ทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงสั่นสะเทือนดุจผืนปฐพีวิปลาส!
สายตาของทุกคนถูกดึงดูดไปยังจุดนั้นจุดเดียว และตรงนั้นก็ปรากฏลุ่มทหารของไป๋หลี่เย่วิ่งเตลิดหนีตายกันสุดชีวิตมาทางนี้!
“เกิดอะไรขึ้น?”
กระทั่งเย่หลีเทียนก็ไม่เว้น เขาชักสีหน้าฉงนใจงุนงงเช่นกัน
และทันใดนั้นเอง เสียงมังกรคำรามก็แผดกึกก้อง! ร่างมังกรฟ้าขนาดมหึมาเกล็ดขาวพิสุทธิ์เหินทะยานขึ้นจากเส้นขอบฟ้าอันไกลโพ้น! หนึ่งเสียงมังกรคำรามแผดร้องกู่ก้อง ดุจบัญชาจอมสวรรค์สั่งการให้อาชาม้าศึกทุกตนในสมรภูมิรบต้องยอมศิโรราบนอนกับพื้น!
เซียถงยืนตระหง่านอยู่บนศีรษะมังกรฟ้าตนนั้น โดยใช้มือข้างหนึ่งพยุงจับเขามังกรที่งามสง่าเอาไว้ นางในปัจจุบันสวมชุดแพรพรรณสีขาวโดยมีผ้าโปร่งสีขาวปิดคลุมใบหน้าเอาไว้
ดวงตามังกรเกรี้ยวกราดคู่กลมโตสาดยิงลงมาสู่เบื้องล่าง กวาดมองเหล่าทหารตงหลี่นับแสนที่กำลังวิ่งหนีตายนับไม่ถ้วน! และนางเองก็กำลังมองมันด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลนยิ่งนัก!
และทันใดนั้นเอง นางก็บังเอิญไปเห็นคนๆหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหารตงหลี่ แต่ที่น่าแปลกคือ รอบข้างกลับมีทหารองครักษ์ส่วนพระองค์กำลังช่วยหิ้วปีกแบกประคองหนีตาย
“ซุยอิ๋ง ลงไปตรงนั้น!”
ทันทีที่เซียถงออกคำสั่ง ซุยอิ๋งก็แหวกว่ายเวหาดิ่งพสุธาร่อนทะยานสู่จุดนั้น เซียถงกระโดดลงมาจากกลางนภากาศ
นางกระชับถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอยู่ในมือ ใช้ห้านิ้วของอีกมือพุ่งตะปบใส่ทหารตงหลี่คนนั้นและกระชากดึงมันขึ้นมาดู และเมื่อชนเข้ากับใบหน้านี้เท่านั้น เซียถงเป็นตะลึง!
ปรากฏว่าคนที่สวมชุดเครื่องแบบทหารตงหลี่คนนี้หาใช่ใครอื่น มันคือไป๋หลี่เย่!
“คิดจะหนีไปไหนไอ้สวะ?”
เห็นว่ามันคนนี้ชอบวิ่งหนีดีนัก เซียถงจึงตวัดคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือเป็นแนวนอน สับคู่ขาของมันทั้งสองข้างจนหลุดกระเด็นแยกเป็นสองส่วน น้ำพุเลือดสดสีแดงพุ่งฉูดฉาดสาดกระเซ็น แต่ก่อนไป๋หลี่เย่จะเสียเลือดจนตาย เซียถงได้ใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีอุดเลือดปิดปากแผลของขาทั้งสองข้างที่ขาดโดยไว แน่นอนว่าที่ทำเช่นนี้ก็เพราะ…ไม่ต้องการให้มันตายง่ายจนเกินไป!
สภาพของไป๋หลี่เย่ในขณะนี้ไม่ต่างจากก้อนเนื้อที่มีชีวิตพร้อมกับแขนอีกข้างหนึ่ง ร่างของมันกลิ้งหลุนอยู่กับพื้น เงยหน้าขึ้นมาเห็นเซียถงก็เปล่งเสียงหลงร้องตะโกนลั่นทั้งโกรธทั้งกลัว
“หากข้าตาย นังฉีหมิงเยว่ก็เตรียมฝังพร้อมข้าเลย!”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็มียอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นสูงจำนวนนับสิบตบเท้าก้าวขึ้นขัดขวางเซียถงเบื้องหน้าทันที พริบตาขณะ ทั้งหมดรุมโจมตีใส่นางโดยพร้อมเพรียงหวังสังหารให้ตาย!
มุมปากเซียงถงกระตุกยิ้มเย้ยหยัน ก่นเสียงเย้ยเยาะน่าขำขัน ยังไม่ทันที่บรรดายอดฝีมือพวกนั้นจะลงคมกระบี่บรรลุถึงตรงหน้า จู่ๆหนึ่งในพวกมันก็หัวขาดกระเด็นจากบ่า และเมื่อทุกคนหันกลับมามองไปยังเซียถงอีกที นางกลับไม่อยู่แล้ว! เงาไสวพิสดารสีขาวดุจภูตผีพุ่งโฉบเฉียวผ่านตัวเหล่ายอดฝีมือร่างแล้วร่างเล่า และทุกครั้งที่เคลื่อนผ่าน ใครสักคนตรงนั้นล้วนถูกเสียบสังหารดับดิ้นไม่ตายดี!
สิ่งเดียวที่พอจับสังเกตเห็นได้คือ ผมสลวยยาวสีดำขลับดุจน้ำหมึกที่พลิ้วไสว เงาแสงประกายคมกระบี่สีเย็นพร้อมสะเก็ดเลือดเข้นที่หยาดหยด ในเวลานี้ เซียถงไม่ต่างอะไรจากธิดายมทูตแห่งความตายที่ผุดขึ้นจากอเวจีนรกเลย!
ในบรรดากลุ่มยอดฝีมือที่คอยพิทักษ์ไป๋หลี่เย่ตอนนี้ มียอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าอยู่ผู้หนึ่ง เขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถมองตามไล่จับเซียถงได้ทัน แต่เมื่อปะทะชนได้สองสามกระบวนเพียงเท่านั้น เขาก็ถูกฝ่ามือแรงอัดพลังลมปราณของเซียถงตบกระแทกใส่จนหน้าอกทะลวงเป็นรู ม่านตาดำของชายคนนั้นเบิกกว้างขยับขยายเกือบคลุมทั้งตาขาว ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาสักคำด้วยซ้ำ เขาสิ้นใจตายคาที่ในบัดดล!
ร่างไร้วิญญาณของเหล่าองครักษ์ส่วนพระองค์ล้วนดับสิ้นอยู่เกลือนพื้น วามกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสะบัดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนคมใบเล็กน้อย ร่างโฉมสะครวญไสววูบเคลื่อนผ่านศพเหล่านั้น ชั่วพริบตาต่อมา นางก็ยืนดักอยู่ตรงหน้าไป๋หลี่เย่ที่พยายามคลายหนีอย่างน่าเวทนา
คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าลุจ่อไปที่ลูกกระเดือกของไป๋หลี่หาน ราวกับตั้งใจจะควักมันออกมา
“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายสบายอยู่แล้ว อยู่ให้จ้าทรมานอีกสักระยะคงดีกว่า!”
สิ้นเสียงเย้ยหยั่น เซียถงบ้วนน้ำลายก้อนโตถ่มใส่หน้าไป๋หลี่เย่บนพื้น
“เจ้า!!?”
เมื่อไป๋หลี่เย่เห็นว่า เซียถงสามารถสังหารเหล่าผู้พิทักษ์ส่วนพระองค์ของตนกว่าสิบนายได้อย่างง่ายดายในพริบตาเดียว มันถึงกับหน้าถอดสีซีดเผือดสุดขีด กล่าวเสียงสั่นขึ้นว่า
“เซียถง! นี่เจ้ากล้าแข็งข้อกับข้าผู้นี้จริงๆงั้นรึ?! เช่นนั้นข้าจะให้อวี๋อิงเชือดฉีหมิงเยว่ทิ้งไปซะ!!”
ทันทีที่กล่าวถึงฉีหมิงเยว่ ก็เหมือนกับว่าไป๋หลี่เย่เพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นออก มันระบายยิ้มชั่วร้าย พร้อมสีหน้าที่ดูผยองเดชมั่นใจขึ้นมากในบัดดลว่า
“เจ้าที่หายหัวไปจากทวีปเทียนหลางตลอดปีเต็มจะไปรู้อะไร? ในตอนนี้อวี๋อิงได้ทะลวงขึ้นเป็นจักรพรรดิพิษแล้ว! อย่างเจ้าไม่มีวันคิดค้นโอสถถอนพิษของนางได้! แล้วหากจำไม่ผิด…มิใช่ว่าฉีหมิงเยว่กำลังตั้งครรภ์อยู่รึ? ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้! ฆ่าหนึ่งตายถึงสองชีวิต! ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ…!!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของไป๋หลี่เย่ เซี่ยหลู่เฟิงที่กำลังโรมรันอยู่กับข้าศึกบริเวณนั้นถึงกับตะลึงงันยืนตัวแข็งทื่อ!
คล้อยหลังได้สติขึ้นมา เซี่ยหลู่เฟิงก็เดินหน้าตั้งก้าวฉับสี่ห้าก้าว ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อไป๋หลี่เย่ขึ้นมาจากพื้นด้วยความอาฆาตแค้น ก่นเสียงเย็นยะเยือกพ่นว่า
“เมื่อครู่เจ้าพล่ามว่าอันใด!?”
ไป๋หลี่เย่หัวเราะจนท้องแข็ง หายใจหายคอแทบไม่ทัน ยิ้มร่ากล่าวว่า
“ข้าบอกว่า เจ้าควรไปเกลี้ยกล่อมน้องสาวของเจ้าให้ใจเย็น ชีวิตภรรยาและลูกของเจ้าอยู่ในมือข้า…”
“สารเลวเอ๊ย!!”
เซี่ยหลู่เฟิงยกกำปั้นเข้าซัดใส่หน้าของไป๋หลี่เย่สุดแรงเกิด และด้วยระดับลมปราณขอบเขตราชันย์ม่วงของเขาในปัจจุบัน หนึ่งกำปั้นที่เปี่ยมแน่นไปด้วยมวลพลังลมปราณข้นขลัก ทำเอาใบหน้าทั้งใบหน้าของไป๋หลี่เย่บวมเป่งราวกับหัวหมูในทันที เลือดสดปริมาณมากบ้วนอาเจียนออกมาเต็มปากพร้อมด้วยฟันอีกสามสี่ซี่!
“เซียถง!!”
เซี่ยหลู่เฟิงไม่มีทางเลือกอื่นใด ได้แต่หันไปมองเซียถงพร้อมด้วยสายตาขอร้องอ้อนวอน ภายใต้สถานการณ์กดดันเช่นนี้ ในหัวของเขามีแต่เซียถง! นางเป็นคนเดียวที่สามารถกอบกู้สถานการณ์ทั้งหมดได้!
เซียถงเหลือบหางตาชำเลืองหาไป๋หลี่เย่อย่างเหยียดหยันรังเกียจ นางกระหยิ่มยิ้มชั่วร้ายแสยะกว้างกล่าวว่า
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ฆ่าแน่นอน หลู่เฟิง ตอนนี้มันเองก็อยู่ในกำมือท่านมิใช่รึ? อยากทำอะไรแค่ไหนก็เชิญ!”
เซี่ยหลู่เฟิงถึงกับตะลึงงัน แต่ก็ย่อมเข้าใจเช่นกันว่าสิ่งที่เซียถงกำลังหมายถึงคืออะไร ทั้งยังเต็มใจที่จะทำอย่างยิ่งยวด!
ไม่มีรอช้า เซี่ยหลู่เฟิงเร่งกระแสลมปราณทะลักทลายทั่วกายา ควบแน่นไว้ที่กำปั้นที่บีบแน่นจัดจนเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดนูนปรากฏชัด จากนั้นก็ออกใช้กำลังสุดชีวิตไม่มียั้งออม กระหน่ำซัดหน้าไป๋หลี่เย่ต่อเนื่องกว่าร้อยหมัดในรวดเดียว!
“เซีย…เซียถง…ช่วย อ๊ากก! ช่วย…ช่วยข้าด้วย!!”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันครั้งนี้ของเซียถง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคน กล่าวคือ ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนแม้สักนิด จู่ๆเซียถงที่หายสาบสูญไปแรมปีจะเผยตัวขึ้นฉับพลันในวันนี้และตอนนี้!
กองกำลังทหารทุกภาคฝ่ายไม่ว่าจะมาจากจักรวรรดิตงหลี่หรือต้าซิ่ง ทั้งหมดล้วนแตกพ่ายหนีกันกระเจิดทุกทิศทั่วทาง กองม้าอาชาศึกทั้งมวลล้วนต้องคุกเข่าแทบเท้าต่อหน้ามังกรฟ้าซุยอิ๋งโดยไม่มีข้อแม้ใด กระทั่งตอนที่จะหนียังต้องคลานออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องเสียด้วยซ้ำ
ดวงตาคู่เฉียวคมของเย่หลีเทียนสั่นไสวผันเปลี่ยน เขามองซ้ายแลขวาเหล่าทหารและผู้ใต้บัญชาของเขาเกือบทั้งหมดต่างเสียขวัญหนีกันกระเจิงไปหมดแล้ว ขณะนั้นเอง เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะแอบหนีตามคนอื่นๆออกไปด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ย่างก้าวไปไหน จู่ๆไป๋หลี่หานก็พุ่งตัวเข้าขวางต่อหน้า หยุดยั้งเย่หลีเทียนเอาไว้
“หากเจ้ายังมีความเป็นบุรุษชาย ก็อย่าคิดหนี! ในเมื่อวันนี้พวกเราก็ได้โคจรพบกันอีกครั้ง เช่นนั้นก็มาตัดสินกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!!”
น้ำเสียงของเขาช่างนิ่งสงบไม่ไหวติง แต่ในมือกระชับถือกระบี่ทองคำและกระบี่สีเงินเตรียมพร้อมประจัญบาน และดูเหมือนว่าศึกนี้มิอาจหลีกเลี่ยงได้แล้วจริงๆ เย่หลีเทียนจึงหยุดความคิดที่จะหนี เงยหน้าจ้องตาไป๋หลี่หานไม่มีหวั่นเกรงใดๆ พร้อมกล่าวว่า
“ไป๋หลี่หาน กลับเป็นข้าต่างหากที่ต้องถาม เจ้ายังมีความเป็นบุรุษชายอยู่หรือไม่? เป็นเวลากว่าหนึ่งปีเต็ม นี่เจ้ากลับทิ้งนางให้อยู่ตัวคนเดียว? ในขณะที่นางไม่มีเคยละทิ้งความพยายามเพื่อช่วยเจ้าเลยสักครั้ง! รู้บ้างหรือไม่ เหตุผลที่ทุกวันนี้ เซี่ยหลู่เฟิงยังสามารถหาเสบียงอาหารและเงินมาให้เจ้าใช้หล่อเลี้ยงจักรวรรดิเซียได้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะใคร? ผู้ใดกันที่มอบสิ่งเหล่านี้มาให้?”