ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 67 ความห่วงใยของไป๋หลี่หาน (1)
ตอนที่67 ความห่วงใยของไป๋หลี่หาน (1)
แส้ทั้งสายเปื้อนเลือด แพรพรรณของหญิงสาวแม้จะเป็นสีดำ แต่ได้กลิ่นคาวเลือดชุ่มชโลมทั่วทั้งร่างกาย ทว่าสองเท้ายังยืนตระหง่านภาคภูมิ ปราศจากทีท่าสั่นสะท้านใดๆ
ท่ามกลางกระบวนแส้ห่าพิรุณกระหน่ำ ทุกสายตาเบื้องหน้าเห็นเพียงร่างตั้งตรงเปียกเลือดไม่ยอมล้ม ดั่งเสาหินค้ำจุนฟ้าดิน สีหน้านิ่งสงบ ท่าทางอันหยิ่งผยองของนางประดุจกล้วยไม้ต้นสุดท้ายตั้งตระหง่านบนขอบผา ไม่กลัวลมฝน ไม่หวั่นต่อฟ้าอากาศ หนาวจัดทานทน แดดจัดทนทาน แม้ธารเลือดรินหลั่งหยดลงมาไม่มีหยุด แต่นางกลับไม่เคยสะท้าน ต่อให้เบื้องหน้าเป็นภูเขาคมดาบหรือทะเลเพลิง กระทั่งปรโลกไร้ก้นบึ้งก็ตาม
เฉพาะช่วยเวลาดังกล่าว ทุกคนต่างต้องลอบพยักหน้ายอมรับโดยไม่รู้ตัว ต่อจิตวิญญาณอันเด็ดเดี่ยวที่เปล่งประกายออกจากตัวเซียถงคนนี้ บางจังหวะถึงกับกลั้นหายใจ มองนางด้วยความเคารพขึ้นหนึ่งส่วน
ไป๋หลี่หานเฝ้ามองท่าทางอันดื้อรั้นของเซียถง ร่องรอยความกังวลส่องสะท้อนจากเบื้องลึกในแววตาสีเข้มขลับไร้ก้นบึ้งคู่นั้น ยามนี้ไม่สามารถทนดูได้ไหวอีกต่อไป คิดได้ดังนั้น เขาสืบเท้าก้าวตรงออกดไป เพื่อเข้าคว้าแส้ยาวในมือของไป๋หลี่อวี๋อิง ทว่า ชั่วจังหวะอึดใจ กลับเป็นฝ่ายเซียถงเองที่ยื่นมือออกไปคว้าแส้กลางอากาศกำไว้แน่น
“โบยสามร้อยห้าสิบเก้าแส้ นับว่าเพียงพอแล้วที่จะขจัดความขุ่นแค้นภายในใจขององค์หญิงอวี๋อิง หากฝืนเฆี่ยนไปมากกว่านี้ เกรงว่า องค์หญิงอวี๋อิงอาจหมดแรงจนหมดสติได้”
หนึ่งคู่สายตาจ้องหน้าไป๋หลี่อวี๋อิงเขม็ง เยียบเย็นสะท้ายเสียวสันหลังวูบ
กล่าวจบ เซียถงกระชากแส้จากมือของอีกฝ่ายมาได้อย่างง่ายดาย และโยนทิ้งลงกับพื้นมุมหนึ่ง
ใบหน้าไป๋หลี่อวี๋อิงกลายเป็นสีแดงก่ำจากความโกรธจัด เนินอกคู่อวบอิ่มของนางไสวขึ้นลงตามจังหวะหายใจเร็วรี่ ริมฝีปากสีกุหลาบสดปริปากหอบ ลอบสูดอากาศเข้าปอดด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างลับๆ ทุกแส้สายที่นางบรรจงฟาดใส่ ล้วนอัดฉีดเรี่ยวแรงสุดแรงเกิดลงไป ซึ่งตอนนี้ก็ทำเอานางหมดแรงแทบเกรี้ยงแล้วจริงๆ
เคลื่อนสายตาหยุดลงที่ร่างเซียถง ใจหนึ่งอดสงสัยขึ้นมิได้ว่า ร่างกายาของนังนี่ทำจากเหล็กรึอย่างไร? หากเป็นคนปกติทั่วไป คงนอนศิโรราบ หมดสติกองอยู่กับพื้นไปนานแล้ว แต่ไฉนมันถึงดูราวกับว่าไม่เป็นอะไรเลย? “กระหน่ำเฆี่ยนตีข้าสามร้อยกว่าแส้ สร้างความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสแก่องค์หญิงอวี๋อิง ความเคียดแค้นในใจย่อมถูกชำระไปไม่มากก็น้อย ข้อตกลงถือว่าบรรลุผล หากองค์หญิงอวี๋อิงยังไม่ส่งมอบโอสถปราณระดับสองแก่หม่อมฉัน นับว่าตะบัดสัตย์ผิดคำพูด หากเรื่องนี้แพร่ออกไปเกรงว่าเสียงชื่อของท่านครั้งใหญ่”
เซียถงกล่าวขึ้นอีกครา
ในขณะเดียวกันไป๋หลี่หานทำท่าทำทาง อยากจะเข้ามาช่วยประคองร่างของเซียถงเต็มทน
คนอื่นอาจไม่เห็น แต่เขาจับสังเกตบางสิ่งอย่างที่ถูกซุกซ่อนอยู่ได้ชัดแจ้ง ราวกับนางในตอนนี้กำลังฝืนตัวเองมิให้ล้มอยู่
“อิงเอ๋อร์ มอบโอสถแก่เซียถงไป”
ฝ่าบาทเหลือบมองบุตรสาวของตน กล่าวน้ำเสียงเข้มเชิงสั่งการเอาจริง
ไป๋หลี่อวี๋อิงกอดอกแน่น สีหน้าท่าทีเจือแววละอายเล็กน้อย เคลื่อนสายตามองเสด็จพ่อหนึ่งปราด กล่าวเสียงแผ่วตอบว่า
“ข้า…ข้าไม่มีโอสถปราณระดับสองเหลือในมือแล้ว”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่หานมืดทมิฬลงทันใด ดวงตาคู่คมยิ่งหรี่เล็กลงเข้าไปใหญ่ กลิ่นอายจิตสังหารบางส่วนเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขาโดยพลัน
“ว่าอย่างไรนะ?!”
ฝ่าบาทถลึงตามองไป๋หลี่อวี๋อิงส่อแววแตกตื่นเล็กน้อย ชั่วอึดใจต่อมา สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที
บรรดาสาวรับใช้และบริวารโดยรอบ เผยแสดงสีหน้าเปี่ยมล้นความขุ่นเคืองออกมา ในมุมมองของพวกเขา หากรู้ตั้งแต่แรกว่า ในมือของตนไม่มีโอสถปราณระดับสอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปเฆี่ยนตีอีกฝ่ายเอาเป็นเอาตายปานนี้!
ทันทีทันใด เสมือนผู้คนในเรือนรับแขกต่างรู้สึกได้ถึง สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน ทำเอาเสียวสันหลังวาบกันเป็นแถบ ถึงขั้นเนื้อตัวสั่นเทาโดยมิตั้งใจ พอหันไปมองยังแหล่งที่มาของสายลมเย็นยะเยือกขุมนี้ ก็เห็นเป็นร่างของเซียถงผู้ยืนตระหง่าน จับจ้องใบหน้าของไป๋หลี่อวี๋อิงตาเขม็ง ท่าทางดูสุขุมเย็นชาผิดวิสัย
“เจ้าพูดว่าอันใด?”
ขณะมองหน้าอีกฝ่าย นางเค้นเสียงบรรจงกล่าวขึ้นทีละคำ รูปลักษณ์ใบหน้าและร่างกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด ยิ่งเพิ่มเสริมความสยดสยองให้แก่เซียถงในเวลานี้เป็นเท่าทวี อุณหภูมิโดยรอบเรือนรับแขกตกฮวบ บรรยากาศกลายเป็นความกดดันสุดน่าสะพรึง ไอเย็นไร้ขอบเขตจากร่างของนางแผ่ซ่านสาดกระจายไปทั่วสารทิศ เสมือนต่อหน้าไป๋หลี่อวี๋อิงในยามนี้คือนางมารน้ำแข็งที่พร้อมคร่าชีวิตไป
“หญ้าครามพรรณที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการหลอมกลั่นโอสถปราณระดับสอง หมู่นี้ขาดแคลนอย่างยิ่งในเมืองเฟิงหลี่ ข้าจึงมิได้หลอมกลั่นโอสถปราณระดับสองเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว”
พบเห็นภาพฉากอันน่าสะเทือนขวัญอยู่ต่อหน้าเช่นนี้ ไป๋หลี่อวี๋อิงใจหายวูบ ตกลงไปยังตาตุ่ม ใบหน้าซีดเซียวหนักขณะเอ่ยปากอธิบาย แต่เมื่อเห็นว่า สีหน้าท่าทางของเซียถงยิ่งทวีความเย็นชาลงต่อเนื่อง นางก็ยกมือเท้าเอว ปั้นหน้าดุร้ายหวังใช้อารมณ์เข้าปะทะชน เชิดคางกล่าวน้ำเสียงสุดเย่อหยิ่งขึ้นว่า
“แล้วข้าก็มิได้ตกลงอะไรกับเจ้าด้วย ข้าก็แค่บอกว่า อาจให้โอสถแก่เจ้า มิได้บอกว่าจะให้แน่นอนเสียหน่อย!”
ทั่วใบหน้าโฉมงามนางนี้เปี่ยมไปด้วยความผยองเหิมเกริมจนอึกโข ทว่าแก้วตาดวงนั้นกลับอัดแน่นแววความกลัวเกินปกปิดได้ ดูเหมือนว่า แผนการใช้อารมณ์เข้าข่มจะไม่สำเร็จ
คลื่นลมถูกชักนำหอบใหญ่เสียดอากาศดัง’ผุบ’ เงาร่างของเซียถงกระตุบวูบ ปราดพุ่งไปทางไป๋หลี่อวี๋อิงด้วยเร็วประดุจสายอสนีบาต
เงาร่างไสวกลายเป็นประกายแสงสายหนึ่ง มือซ้ายฉีกออกกว้าง กางนิ้วทั้งห้าเข้าตะปบลำคอไป๋หลี่อวี๋อิงเสียงดังหมับ ใช้นิ้วชี้และโป้งออกแรงกดเส้นเลือดใหญ่บนคอจนจมลึกเข้าเนื้อ มือขวากระตุกมีดสั้นใต้แขนเชื้อ จับกระชับถนัดมือ คมแสงเย็นสาดประกายวิบวับ ฟันใส่แก้มขวาของอีกฝ่ายอย่างจัง
“หากเช่นนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งก่อน แล้วค่อยเอาศพของแม่ข้าไปฝังข้างเจ้า!”
สุ้มเสียงเย็นชาดังกระหึ่มข้างหูไป๋หลี่อวี๋อิง หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้าเหี้ยมโหดเสมือนมารปีศาจ มองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น นางเห็นแต่เพียงเพลิงโทสะโหมปะทุคลุ้มคลั่ง หวังจะเผากันทั้งเป็น
หากจำเป็นต้องยืนให้คนอื่นเฆี่ยนตีเล่น เซียถงย่อมสามารถยอมได้ แต่นี่กลับไม่ได้อะไรเลย ทั้งยังทำให้เสียเวลาช่วยชีวิตแม่ไปอีก ศพของนางพร้อมฝังทันทีหลังสามทุ่มของวันนี้ และหากเซียถงทำพลาดเพราะเรื่องนี้จริงๆ นางจะเปลี่ยนให้วังหลวงกลายมาเป็นทะเลนองเลือด!
ยกมือชูขึ้น คมมีดสั้นทอประกายเย็นวาบ ระเบิดคลื่นลมปราณสีครามฟ้า โหมทะลักเข้าคลุมเคลือบใบมีดทวีอานุภาพความคมเป็นเท่าตัว!
มือชูขึ้นสูง ปักมีดลงใส่
เหม่อมองประกายแสงเย็นวาบเบื้องหน้าดิ่งสะท้านลงใส่ ไป๋หลี่อวี๋อิงกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจสุดขีด แทบหมดสติสิ้นใจ แต่ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างสีดำพุ่งโฉบเข้ามาขัดขวาง ชักพาเสียงกระหึมประดุจาอสนีฟันฟาด ก่อนที่คมมีดสั้นจะปักทะลุแผ่นอกของไป๋หลี่อวี๋อิง คมมีดนั้นกลับถูกหยุดเอาไว้ได้ก่อน
“เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง? คิดจะปรงพระชนม์องค์หญิงกลางที่สาธารณะปานนี้?”
ไป๋หลี่หานคว้ามีดสั้นในมือของเซียถงไว้แน่น แววตาคู่คมขลับฉายแสงประหลาดปราดหนึ่งออกมา
“ในเมื่อท่านแม่มิอาจมีชีวิตอยู่ต่อ เช่นนั้นข้าจะเอาศพของมันไปฝังข้างท่านแม่แก้เหงาเสีย!”
เซียถงระเบิดพลังลมปราณสุดข้นขลักจนปรี่ล้นทั่วร่าง พยายามส่งแรงทั้งหมดดันคมมีดสั้นในมือ เคลื่อนเข้าใกล้แผ่นอกของไป๋หลี่อวี๋อิงอย่างช้าๆ อีกใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นก็จะช่วยชีวิตท่านแม่ได้ ทว่าความหวังสุดท้ายที่แสนริบหรี่ ถึงขนาดยอมให้เฆี่ยนตีเป็นว่าเล่นด้วยความจำทน แต่สุดท้าย คำตอบที่ออกจากปากไป๋หลี่อวี่อิงกลับมีคำเดียวคือ ไม่