ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 7 วางยาพิษ
ตอนที่7 วางยาพิษ
หลังจากครุ่นพินิจได้ชัดเจนแล้ว เซียถงก็รู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง หากสาเหตุมีความเป็นมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่า รอยจุดด่างดำใบหน้าของนางสามารถลบเลื่อนทิ้งไปได้ พอคิดว่าปัญหาเรื่องใบหน้าแก้ไขได้ นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
เซียถงพยายามระดมใช้ลมปราณกระแสหนึ่งเข้าขับไล่ก้อนพิษสีดำที่เกาะติดอยู่ทั่วเส้นลมปราณและเส้นเอ็นอย่างช้าๆ เพียงแต่ว่าก้อนพิษสีดำพวกนี้อยู่ในร่างกายของนางมากว่าสิบปี การจะกำจัดทิ้งทั้งหมดลงมิใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้มันยังเป็นพิษที่ค่อนข้างดื้อต่อการกำจัดและรักษาอยู่แล้วด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น
แสงแรกอรุณเริ่มทอประกายลงมาจากขอบฟ้า ปรากฏเป็นประกายแสงสีทองสอดส่องผ่านหน้าต่าง คล้ายหลังพยายามมาตลอดทั้งคืน แม้ปริมาณก้อนพิษสีดำที่กำจัดออกไปได้จะน้อยมาก แต่ผลลัพธ์เฉกเช่นนี้กลับทำให้เซียงถงประหลาดใจไม่น้อย
ตราบเท่าที่นางสามารถหยิบใช้ลมปราณขับพิษเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอทุกค่ำคืน เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า จำนวนที่สะสมคงไม่ใช่น้อยๆแล้ว และสักวันหนึ่ง ก็จะสามารถกำจัดพิษทั้งหมดออกจากร่างกายได้เอง
ตลอดคืนนางไม่ได้แม้แต่หลับตานอนพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหมดคงเป็นเพราะพิษจำนวนเล็กน้อยที่ถูกขับออกไป ผนวกกับความแข็งแกร่งระดับชั้นขอบเขตเสาหลักฟ้าแน่นอน
เป้าหมายต่อจากนี้ของนางคือ ต้องสืบเสาะให้ได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังเรื่องวางยาพิษนี้
แม่บังเกิดเกล้าของนางมีนิสัยอ่อนโยนและรักสงบเป็นที่สุด ทั้งยังเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่น่าจะมีศัตรูได้เลย ทั้งที่เป็นแบบนี้ แล้วใครกันที่ยังโหดเหี้ยมกล้าลงมือกับแม่ของนางได้? ครุ่นคิดไปมาอยู่หลายรอบ ความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็น…ฮูหยินเฉิง หรือก็คือแม่เลี้ยงของเซียถง
หลังจากเซียถงรับประทานอาการเช้าเสร็จสรรพ นางก็อาศัยความทรงจำเก่าที่มีเดินไปตามเส้นทางภายในจวนแห่งนี้ มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่แสนไกล เสมือนตำหนักเย็นในวังหลวงที่อยู่ด้านหลังสุดของจวนเสนาบดี
ยังไม่ทันได้เข้าไปในเรือน เซียถงก็ได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้น พร้อมกับเสียงแของสตรีนางหนึ่งจากด้านใน พอได้ยินสุ้มเสียงดังกล่าว นางถึงกับขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่า อาการเจ็บป่วยของท่านแม่มันเรื้อรังมานานหลายสิบปีแล้ว
พอเดินเข้าไปภายในนั้น มีเพียงโต๊ะเก้าอี้และเตียงไม้เก่าๆดูเรียบง่าย และที่แห่งนี้งยังมีขนาดเล็กอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเรือนที่เซียถงอยู่ เรือนของท่านแม่มีขนาดเล็กเสียยิ่งกว่าเรือนของบ่าวไพร่รับใช้เสียอีก!
ใต้แขนเสื้อยาว เซียถงกำหมัดบีบแน่นจนเล็บทั้งห้านิ้วจิกกดเข้าเนื้อ พวกมันปฏิบัติต่อแม่ของนางเช่นนี้นี่เอง!
“อาจู…อาจู…รินชาร้อนสักถ้วยให้ข้าที….”
สุ้มเสียงอ่อนแรงของท่านแม่ดังขึ้น เซียถงได้สติกลับมาในทันใด และรีบเร่งไปรินชาร้อนถ้วยหนึ่งส่งให้
พอฮูหยินหลี่เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นเป็นเซียถงก็อดดีใจมิได้
“ถงเอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
แต่เสี้ยวขณะอึดใจต่อมา สีหน้าของฮูหยินหลี่ก็พลันแปรเปลี่ยนไปทันที
“ถงเอ๋อร์ เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เถอะ สถานที่แห่งนี้หาใช่ที่ที่เจ้าควรมา รีบกลับไปก่อนที่พวกนั้นจะมาเห็นเข้า!”
“ท่านแม่ อย่าได้เป็นห่วงไป ท่านดื่มชาร้อนถ้วยนี้ก่อนดีกว่า แล้วนอนพักผ่อนเสีย”
เซียถงเอ่ยขึ้นด้วยวาจาแสนอ่อนโยน ดวงตาหลุบลงต่ำป้องกันมิให้ท่านแม่บังเกิดเกล้าตัวเองเห็น เนื่องด้วยสายตาของนางในยามนี้กลับทอประกายอาฆาตสุดอำมหิตจนน่ากลัวเกินไป
ในชีวิตก่อนหน้า นางไม่มีแม้แต่พ่อหรือแม่ กระทั่งพี่ชายน้องสาวก็ยังไม่มีเช่นกัน กล่าวได้ว่าเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยว แต่ในชาตินี้ นางยังมีท่านแม่ที่รักดั่งดวงใจ นางย่อมต้องทะนุทะนอมและดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่มีวันยอมให้ไอ้พวกบัดซบเหล่านั้นมาทำร้ายท่านแม่คนนี้อีกต่อไป!
เดิมทีฮูหยินหลี่เป็นหลานสาวแห่งจวนขุนนางท่านหนึ่ง ก่อนจะถูกส่งตัวให้ไปแต่งงานกับเซี่ยอี้เฉินที่ดำรงตำแหน่งรองเสนาบดีอยู่ในตอนนั้น แต่เนื่องจากท่านแม่ของเซียถงเป็นสตรีที่รักสงบไม่ชอบประจบสอพลอ ทำให้ต่อมาหลังจากที่เซี่ยอี้เฉินเลื่อนตำแหน่งกลายมาเป็นเสนาบดี เขาก็เลือกที่จะแต่งงานใหม่กับบุตรสาวของพ่อค้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองเฟิ่งหลี่ หรือก็คือฮูหยินเฉิง
ฮูหยินเฉินนางนี้นับได้ว่าฝีมือดีมากกลอุบายโดยแท้ นางฉวยโอกาสตอนที่ท่านแม่ของเซียถงป่วย หลอกล่อโปรยเสน่หาใส่เซี่ยอี้เฉินต่างๆนาๆ จนในที่สุด ก็ได้กลายมาเป็นฮูหยินใหญ่แห่งจวนเสนาบดีแห่งนี้ ทั้งยังอาศัยอาการเจ็บป่วยหนักของฮูหยินหลี่เป็นข้ออ้าง บอกให้ทุกคนในจวนจัดที่อยู่ใหม่ให้แก่นาง เป็นเรือนเล็กด้านในสุดของจวน เพื่อหลีกเลี่ยงโรคระบาดที่อาจติดจากอีกฝ่ายได้
ฮูหยินหลี่ยื่นมือไปรับชาร้อนถ้วยนั้นที่เซียถงส่งมาให้ คล้อยหลังดื่มไปหลายอึกก็พลันถอนหายใจเสียงยาวด้วยความโล่งอก จากนั้นค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“ถงเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? พวกนั้นทำให้เจ้าลำบากใจบ้างรึเปล่า?”
เซียถงส่ายหน้า
“ท่านแม่ ข้าสบายดี”
ดูท่าฮูหยินหลี่จะไม่รู้แม้แต่ข่าวคราวของเซียถงตัวจริงที่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไม่นานโดยฝีมือของคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ…
ฮูหยินหลี่เอื้อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของเซียถงอย่างแผ่วเบา แววตาเปี่ยมไปด้วยความสงสารอาลัย
“ลูกแม่…ขอโทษที่ท่านแม่คนนี่ช่างไร้ประโยชน์ ที่ไม่สามารถอยู่ข้างกายเจ้า เฝ้าดูเจ้าเติบใหญ่ได้…แค่ก แค่ก…ลูกต้องระวังคนพวกนั้นไว้ให้มาก…”
เซียถงพยักหน้าตอบ ภายในใจย่อมทราบดีว่า ไฉนท่านแม่ของนางถึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพื่อตัวเซียถง เพื่อป้องกันมิให้คนเหล่านั้นหาข้ออ้างมาทำร้ายนางได้ โดยไม่มีทางเลือกอื่น ท่านแม่จึงต้องจงใจอยู่ห่างกับนาง
“ถงเอ๋อร์ เจ้ารีบกลับไปเถอะ หากพวกนั้นมาพบเข้า มีหวัง…เจ้าอาจเป็นอันตรายได้”
ฮูหยินหลี่เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเป็นกังวลมาก
เรือนแห่งนี้ได้รับคำสั่งกำชับจากท่านเสนาบดี ห้ามผู้ใดเข้าออกตามใจชอบ มิฉะนั้นจะต้องถูกลงโทษสถานหนักตามกฎของจวน
“ท่านแม่ วางใจเถิด ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
เซียถงเอ่ยปลอบใจ ฉวยโอกาสนี้กุมมือของฮูหยินหลี่เอาไว้ ทว่าพอสัมผัสได้ถึงมือไม้ของนางที่ปิดปกติเบี้ยวผิดรูป เซียถงถึงกับขมวดคิ้วแน่น แววตาคู่นั้นดูล้ำลึกรัศมีแค้นอาฆาตยิ่งทวีความข้นคลักหลายเท่าตัว
พิษสีดำมันแพร่กระจายในร่างกายของท่านแม่มากเกินไปแล้ว สัมผัสจากมือไม้ที่เริ่มเบี้ยวผิดรูป ทั้งยังสัญญาณชีพจรที่เต้มไม่ปกติอีก สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า พิษดังกล่าวน่าจะลงไปถึงขั้วปอดแล้ว และหากยังปล่อยไว้โดยไม่รักษาในวิถีทางที่ถูกต้อง พิษเหล่านี้อาจกลายมเป็นกุญแจสู่ความตายแน่นอน
เดี๋ยวก่อน….แล้วที่ผ่านมาท่านแม่ของนางได้รับการรักษาจริงๆหรือไม่? ยาสมุนไพรชนิดใดกันแน่ที่ท่านแม่ดื่มมาตลอด?
เซียถงชักมือกลับมาทันที แต่ใบหน้ายังคงคลี่ยิ้มไม่คลายอ่อน
“ท่านแม่ ท่านดื่มยาสมุนไพรแล้วรึยัง?”
ฮูหยินหลี่ส่ายหน้า
“อาจูยังต้มไม่เสร็จเลย…”
และในตอนนั้นเอง อาจูก็เดินเข้ามาพร้อมกับยาสมุนไพรต้ม แต่พอเห็นเซียถงอยู่ด้วย นางถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อเสค้นเสียงรังเกียจเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“คุณหนู ไฉนท่านมาอยู่ที่นี่ได้? นายท่านกำชับว่าห้ามให้ผู้ใดเข้ามาเหยียบย่างที่นี่โดยพละการ! แล้วท่านกล้าดียังไง?!”
กล่าวจบก็วางยาสมุนไพรต้มร้อนๆลงบนโต๊ะข้างเตียง เท้าสะเอวเตรียมจะด่ากราดขับไล่เซียถงออกไป
เมื่อก่อน เซียถงเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิ นางเองก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับกลายเป็นเพียงเศษสวะไปแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป
ทว่าอาจูกลับไม่รู้เลยว่า เซียถงในปัจจุบันลมปราณฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์แล้ว แถมยังแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก
สีหน้าการแสดงออกของเซียถงดูเย็นยะเยือกลงในทันใด นางไม่พูดไม่จาหรือแม้แต่ตอบโต้ใดๆ แต่เดินไปคว้าชามยาสมุนไพรต้มที่วางอยู่ข้างเตียงแทน พร้อมหรี่ตามองดูแปลกๆ ซึ่งภาพฉากดังกล่าว ทำเอาอาจูตกใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ทันใดนั้นเอง ฮูหยินหลี่ก็ยื่นมือออกไปจับเซียถง คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้และกล่าวว่า
“ถงเอ๋อร์ เดี๋ยวข้าดื่มมันเอง”
เซียถงเหลือบสายตาเคลื่อนไปมอง เห็นเพียงแววตาของฮูหยินหลี่ที่ทอประกายวูบหนึ่ง ยามนี้นางเข้าใจในทันที ปรากฏว่า…ท่านแม่ทราบดีตั้งแต่แรกแล้วว่า ยาสมุนไพรที่ตนดื่มเป็นประจำมันมีปัญหา
“ท่านแม่ เมื่อก่อนถงเอ่อ๋นอ์ยังเด็ก ไม่สามารถปกป้องท่านได้ ทว่ายามนี้กลับแตกต่างกันออกไป ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านต้องมาทนดื่มของพรรคนี้อีกแล้ว”
เซียถงกล่าวน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว กระตุกมือให้ฮูหยินหลี่ปล่อยออกจากตน และยกชามน้ำสมุนไพรต้มดังกล่าวเดินตรงไปหาอาจูทั้งแบบนั้น
อาจูถึงกับหน้าถอดสีในทันใด รีบเอ่ยปากข่มขู่ทันทีว่า
“เซียถง! นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?! หากยังไม่หยุดข้าจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องท่านฮูหยินใหญ่!!”