ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 75 อาจารย์หน้าเงิน (1)
ตอนที่75 อาจารย์หน้าเงิน (1)
คล้อยหลังเฝ้ามองไป๋หลี่อวี๋อิงเดินจากออกไปพร้อมรอยยิ้มแย้มบนใบหน้า นางก็หันกลับมามองหลานอวี่ที่กำลังยืนปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ จากนั้นค่อยเคลื่อนสายตาหยุดลงที่เซียถงเป็นลำดับถัดไป โบกมือทีหนึ่งพร้อมกล่าวว่า
“ยังไม่รีบไปตักน้ำอีก? โทษฐานที่ก่อความวุ่นวายภายในสถานศึกษาในวันนี้ของเจ้า คือการไปตักน้ำหลังภูเขามาให้ข้า”
“ท่านอาจารย์หยุนซี สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มิได้เกี่ยวข้องกับศิษย์คนนี้”
เซียถงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ เหลือบหางตามองหยุนซีเล็กน้อย
“ลงไม้ลงมือกลางที่สาธารณะปานนี้ ไยเจ้ายังบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง? หากข้าออกมาช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เกรงว่า หลานอวี่คงถูกเจ้าฆ่าทิ้งไปแล้ว”
หยุนซีเลิกคิ้วใส่ เอ่ยตอบน้ำเสียงเริ่มมีน้ำโห
“ศิษย์คนนี้มิทราบว่า ท่านอาจารย์หยุนซีได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกหรือไม่ ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น? ทุกการเคลื่อนไหวที่ข้าทำลงไปล้วนเพื่อป้องกันตัวทั้งสิ้น หาใช่ข้าที่เป็นฝ่ายเริ่ม แต่เป็นหลานอวี่ต่างหากที่สร้างความวุ่นวาย หากเหมารวมจับมาลงโทษคงไม่เรียกว่า ยุติธรรม”
พอกล่าวมาถึงจุดนี้ เซียถงโน้มตัวเข้าแนบชิดข้างหูของหยุนซี เอ่ยกระซิบว่า
“อาจารย์ เหรียญทองที่ได้คงพอประมาณเลยกระมัง?”
หยุนซีเหล่หางตามองเซียถงหนึ่งปราด กล่าวถามน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ว่า
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้างั้นรึ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านอาจารย์หยุนซีเปรียบเสมือนนางสวรรค์ในดวงใจของศิษย์คนนี้มาโดยตลอด ที่ข้าตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ก็เพราะความชื่นชมของข้าต่อท่านอาจารย์หยุนซีทั้งสิ้น”
เซียถงกล่าวตอบด้วยความจริงใจ ลอบแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาคำหนึ่งภายใต้ผ้าคลุมสีขาวที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้
หยุนซีเปลี่ยนท่าเป็นกอดอกตัวเองแน่น เหล่มองเซียถงอีกครู่ใหญ่ มุมปากเชิดยิ้มเล็กน้อย โบกมือปัดกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ที่เจ้ากล่าวก็ถูกต้อง ครานี้ถือเป็นการตัดเตือนเสียแล้วกัน แต่หากมีครั้งต่อไป ข้านี่แหละจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”
เซียถงพยักหน้าตอบพร้อมส่งยิ้มให้ หันหลังเดินจากไปโดยตรง ส่วนทางฉีหมิงเยว่ก็รีบวิ่งติดตามนางออกไปเช่นกัน
เบื้องหลังของนาง หยุนซีหันมาตะคอกใส่น้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“เอ๋? ยังไม่ไปตักน้ำมาอีก? หรือต้องให้ข้าแตะก้นเจ้าสักสองสามป๊าปกระมังถึงจะไปได้?”
“เซียถง นี่เจ้าทำให้ท่านอาจารย์หยุนซีกับองค์หญิงขุ่นเคืองในเวลาเดียวกัน เกรงว่าตัวเจ้าจำต้องระวังให้มากในอนาคต เหล่าศิษย์สาวกของสถานศึกษาเซิงหลิงล้วนอยู่ฝ่ายพวกนางทั้งสิ้น”
ฉีหมิงเยว่เอ่ยปากตักเตือนอีกฝ่ายด้วยความกังวล ตอนที่นางเห็นหลานอวี่ถูกกำปั้นหนักซัดหน้าอย่างจัง ใจหนึ่งฉีหมิงเยว่รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะจะอย่างไร หลานอวี่นางนี้อาศัยแรงสนับสนุนจากไป๋หลี่อวี๋อิง รังแกผู้คนไม่เว้นวันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
เซียถงส่งยิ้มมอบให้ มิได้ใส่ใจจริงจังและมิได้เอ่ยตอบใดๆ
หลังจากที่ฉีหมิงเยว่พามาส่งถึงอาคารแขนงโอสถ นางก็หมุมตัวเตรียมจะจากออกไป แต่ในขณะนั้นเอง เซียถงก็เหยียดมือเข้าคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้โดยพลัน กล่าวว่า
“หากใครกล้าสร้างปัญหาให้เจ้า มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
แก้วตาคู่สวยของฉีหมิงเยว่เปล่งประกายทอไสวเจือแววประหลาดใจหนึ่งส่วน ค่อยยิ้มและเอ่ยตอบไปว่า
“ไม่หรอก ข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดๆ กับใครที่ไหน แล้วผู้ใดจะมาสร้างปัญหาให้ข้ากัน?”
“แต่วันนี้เจ้าช่วยข้า วันหน้าอาจไม่ปลอดภัย”
เซียถงจ้องเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย กล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า
“ช่วยปกป้องข้าจากการตบของหลานอวี่ พวกมันจะต้องย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้เจ้าไม่ช้าก็เร็ว”
ก่อนหน้านี้ ฉีหมิงเยว่เข้าหยุดฝ่ามือตบของหลานอวี่กลางอากาศ เซียถงนับอีกฝ่ายเป็นสหายของนางคนหนึ่งแล้ว และตราบใดที่สหายถูกรังแก นางย่อมต้องเข้าไปคิดบัญชีอย่างเลี่ยงมิได้
“เข้าใจแล้ว หากพวกนั้นก่อปัญหาให้ข้า เกรงว่าจะต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
ฉีหมิงเยว่าส่งสายตาแรกแย้มอันโอนอ่อนให้เซียถง จับมืออีกฝ่ายยิ้มหวานด้วยความขอบคุณ นางสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงทัศนคติของเซียถงที่มีต่อนางได้เปลี่ยนแปลงในทางบวก
หลังจากที่ฉีหมิงเยว่ออกไป เซียถงก็เดินเข้าห้องเรียนแขนงโอสถหาที่นั่งเสร็จสรรพ หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นไป๋หลี่อวี๋อิงในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง เดินตรงเข้ามานั่งแถวหน้าสุด เหลือบสายตาเห็นว่าเป็นเซียถงก็ปั้นหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ
แต่นาวงกลับโน้มตัวไปกระซิบข้างหูของเพื่อนร่วมชั้นเรียนสาวนางหนึ่งที่อยู่ข้างๆ และทันใดนั้นเพื่อนร่วมชั้นเรียนนางนั้นก็ระเบิดดหัวเราะเยาะลั่น ลุกขึ้นยืนตะโกนป่าวประกาศให้บรรดาสาวๆ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นอีกนับสิบคนที่อยู่ในห้องว่า
“ข้าก็คิดว่า สาวสวยจากที่ไหนมาเรียน! ปรากฏว่าเป็นนังอัปลักษณ์น่ารังเกียจอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่ เซียถง!”
พอสิ้นเสียงป่าวประกาศจบลง เสียงหัวเราะเยาะรอบข้างก็เริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรดาสาวๆ ทุกคนต่างเหลือบสายตามองเซียถงส่อแววสบประมาทเย้ยหยั่น แต่เซียถงกลับนั่งพินิจตรวจสอบสมุนไพรอยู่บนโต๊ะโดยมิได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้สักนิด ทุกครั้งที่หยิบสมุนไพรขึ้นมา เสี่ยวฮั่วจะเริ่มอธิบายถึงหน้าที่และคุณสมบัติโดยจำเพาะของสมุนไพรชนิดนั้นๆ โดยทันทีผ่านห้วงความคิดของนาง
“นังอัปลักษณ์ ทำเป็นแสร้งใช้ผ้าคลุมปิดหน้าเผื่อว่าตัวเองจะดูดีขึ้นรึไง? หน้าตาน่าเกลียดอย่างไรก็น่าเกลียดอย่างนั้น สู้ไปตายแล้วเกิดใหม่เลยไม่ดีกว่ารึ? ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อเห็นเซียถงทำตัวเมินเฉยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ บรรดาสาวๆ เหล่านั้นก็ยิ่งได้ใจ เริ่มเพิ่มระดับคำด่าให้ดุเด็ดเผ็ดมันยิ่งขึ้นไปอีก เสียงหัวเราะเยาะดังกึกก้องเป็นทวีเท่า
แต่กระนั้นเซียถงก็ยังเมินเฉยไม่สนใจใดๆ เพราะความสนใจทั้งหมดในขณะนี้ของนางมุ่งจดจ่ออยู่กับคำอธิบายของเสี่ยวฮั่ว
“นังอัปลักษณ์ อย่าถอดผ้าคลุมออกจะดีกว่า มิฉะนั้นเจ้าอาจทำให้ผู้คนโดยรอบตกใจจนตาย!”
“นังนี่ไม่เพียงแต่อัปลักษณ์เท่านั้น แต่จิตใจยังต่ำช้ายิ่งกว่าอะไรดี ฟังว่างานประลองในวันนั้น เพียงเพราะว่าองค์รัชทายาทไม่ต้องการอภิเสษสมรสกับมัน มันถึงขั้นลงมือลงไม้กับองค์รัชทายาทเจียนตาย! หวังฆ่าแกงกันจริงๆ! นังนี่มันอสรพิษชัดๆ!”
“นังนี่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็น่าเกลียดมากจริงๆ กระทั่งข้ายังอยากจะอาเจียนออกมาเลย เมื่อเทียบกับองค์รัชทายาท ที่ทั้งหล่อเหลาและฝีมือการต่อสู้ระดับดีเลิศ คนแบบองค์รัชทายาทก็ควรเคียงคู่กับหญิงงามที่เก่งกาจมากความสามารถเท่านั้นถึงจะเหมาะสม จะให้มาจับคู่กับคางคกในโคลนเฉกเช่นนังนี่ได้อย่างไร?”
เมื อเห็นว่า เซียถงยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด บรรดาสาวๆ รอบตัวก็เริ่มมีจิตใจฮึกเหิมเข้าไปใหญ่
“พวกเจ้าคงเบื่อชีวิตมากกระมัง?”
ประตูห้องเรียนถูกเปิดกระแทกดังปัง หยุนซียืนอยู่หน้าประตูห้อง เหลือบมองไปยังโจวอี้ ผู้ซึ่งเป็นหญิงสาวคนแรกที่เปิดป่าวประกาศตัวตนของเซียถงให้คนอื่นๆ ฟัง เอ่ยถามสวนกลับไปชนิดไม่ไว้หน้าว่า
“สวยแต่ไร้สมองแล้วจะมีประโยชน์อันใด? กินข้าวเสร็จไม่ต้องถ่ายหนักรึไง?”
เมื่อประโยคคำคมสุดเฉียบเข้าไป เซียถงอดเงยหน้าขึ้นมองไปทางหยุนซีมิได้ ปรากฏว่าหยุนซีขยิบตาส่งให้นางไปทีหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองดูบรรดาสาวๆ ทั่วห้องเรียนที่ยามนี้เงียบเป็นเป่าสาก เอียงศีรษะเล็กน้อย เอ่ยถามเจือน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าในห้องนี้ ใครกันที่คิดว่าสวย? ช่วยยกมือให้ข้าเห็นสักที?”
บรรดาสาวๆ หลายสิบคนต่างหันขวับจับจ้องไปที่ไป๋หลี่อวี๋อิง พอเห็นว่าองค์หญิงนางนี้ไม่ยอมยกมือ พวกนางทุกคนเองก็ไม่กล้ายกมือเช่นกัน แม้ทุกคนในห้องนี้จะคิดว่าตัวเองหน้าตาดีและค่อนข้างสวย แต่น้ำเสียงของหยุนซีที่เปล่งดังออกมาในตอนนี้ ฟังดูอย่างไรก็เชิงแดกดัน ใครจะไปพึงทราบ หากยกมือขึ้นมาจะมีผลลัพธ์เป็นเช่นไร?
หยุนซีเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสถานศึกษาเซิงหลิง ซึ่งชื่อเสียงโดยส่วนใหญ่ของนาง มักจะเป็นในด้านความกล้าได้กล้าชน พูดจาขวานผ่าซาก และไม่ค่อยจะไว้หน้าใครเท่าไหร่นัก ตั้งแต่บรรดาคุณชายคุณหนูจากตระกูลมั่งคั่ง ลากยาวจนไปถึงพวกขุนนางในวังหลวงก็ด่ามาแล้ว หากใครก็ตามที่พลาดท่าในมือนาง ก็เตรียมเสียหน้าได้เลย แต่อย่างไรก็ดี ทุกคนต่างทราบกันโดยทั่ว หยุนซีผู้ไม่ไว้หน้าใครคนนี้กลับมีงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการเก็บเงิน ฟังว่า นางชอบเงินยิ่งกว่าอะไรดี
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่จะทำผิดมากแค่ไหน ตราบเท่าที่มีเงินมากพอและยอมมอบให้ หยุนซีย่อมสามารถหลับตาข้างหนึ่งและลืมๆ มันไปได้เสมอ