ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 76 อาจารย์หน้าเงิน (2)
ตอนที่76 อาจารย์หน้าเงิน (2)
“โอ้? หมายความว่าพวกเจ้าล้วนคิดว่าตนเองอัปลักษณ์?”
หยุนซีเว้นจังหวะหนึ่งช่องไฟ เชิดหน้าสูงยกฝ่ามือตบโต๊ะเสียงดังปัง จับจ้องทุกคนด้วยแววตาแสนเร่าร้อนว่า
“เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่นว่าอัปลักษณ์น่าเกลียด? พูดจาให้ร้ายสหายร่วมชั้นเรียนนับว่ามีความผิดร้ายแรง เช่นนั้นข้าจะลงโทษพวกเจ้า จ่ายมาคนละสิบเหรียญทอง!”
ทันทีที่เปล่งวาจาเช่นนี้ออกมา ไป๋หลี่อวี๋อิงก็รีบยกมือขึ้นทันที และบรรดาสาวๆ อีกนับหลายสิบก็รีบยกมือกันตามโดยไว แม้พวกนางล้วนแต่เป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย แต่หากต้องมาเสียรู้จ่ายเงินมากถึงสิบเหรียญทองเพราะนังอัปลักษณ์ตัวหนึ่ง ใครบ้างจะยอมรับได้?
“โอ้? หมายความว่าพวกเจ้าหลงตัวเองคิดว่าสวยกันงั้นรึ? ช่างหน้าไม่อายโดยแท้ เป็นสาวเป็นแซ่ต้องรู้จักสำรวม มิใช่เที่ยวโอ้อวดความสวยความงาม”
หยุนซีฉีกยิ้มกว้างอิย่างชื่นมื่นหัวจิตหัวใจ กล่าวต่อทั้งยังยิ้มหวานเช่นนั้นว่า
“รุมกันข่มเหงรังแกคนอื่นที่มีปมด้อยเรื่องหน้าตายิ่งเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจเข้าไปใหญ่ โทษที่ได้รับย่อมหนักขึ้นหลายเท่าทวี พวกเจ้าแต่ละคนจ่ายมาคนละหนึ่งร้อยเหรียญทอง”
นางยังกล่าวทิ้งท้ายอย่างสุขอกสุขใจอีกว่า
“ใครกล้าคัดค้าน ก็ขอเชิญไปพบข้าหลังคาบเรียนเป็นการส่วนตัว”
หลังจากพูดจบ ดวงตาสีลูกทอประกายงามของนางก็กวาดมองใบหน้าของทุกคนทั่วห้องไปทีหนึ่ง ท่าทางเสมือนกับว่าใครกล้าลองดีคัดค้านก็เชิญเสนอตัวออกมาได้เลย ภายใต้สายตาหวานประดุจน้ำผึ้งเคลือบยาพิษนี้ ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งแอบบ่นภายในใจ
เซียถงเม้มริมฝีปากส่งยิ้มบางให้ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ความรักของนางที่มีต่ออาจารย์หยุนซีผู้นี้กลับเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ถึงอาจารย์ท่านนี้จะหน้าเงินเกินไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธมิได้เลยว่า นางก็มีมุมที่น่ารักอยู่เหมือนกัน
“ส่วนเจ้า ต้องทำให้ข้าต้องแหกปากพูดก่อนคาบสอนจะเริ่ม ขอค่าชาร้อนสักหนึ่งกามาจิบให้ชุ่มคอ สักสิบเหรียญทองก็พอ”
หยุนซีหันขวับมาหาทางพร้อมส่งยิ้มกล่าว
รอยยิ้มที่ประดับแช่มบนใบหน้าของเซียถงถึงกับค้างเติ่ง ต้องการจะปริปากเพื่อหักล้าง แต่พลันต้องปิดปากเงียบอย่างช่วยมิได้ เมื่ออยู่ภายใต้สายตาเปี่ยมล้นจิตสังหารอันข้นคลักของอีกฝ่าย อาจารย์เช่นนี้…ไม่ควรยั่วยุเลยจริงๆ
แต่สิบเหรียญทอง…นี่มันหายนะของคนยากจนแบบนาง!
ศิษย์สาวกในห้องเรียนแขนงโอสถห้องนี้มีประมาณยี่สิบกว่าคนเห็นจะได้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้หญิง และแต่ละคนนั่งโต๊ะแยกเดี่ยว พวกนางแต่ละคนมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสมุนไพรและการหลอมกลั่นโอสถเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ก็มีเพียงเซียถงที่แทบไม่มีอะไรวางอยู่ตรงหน้าเลย ส่วนเนื้อหาในคาบเรียนของหยุนซีโดยส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายสรรพคุณและคุณสมบัติเฉพาะของสมุนไพรแต่ละชนิด บรรดาศิษย์สาวกทั้งหลายต่างตั้งใจฟังและจดบันทึกลงในสมุดหนัง เฉพาะกรณีที่ศิษย์สาวกคนใดคุ้นเคยกับสมุนไพรที่นำมาอธิบายอยู่แล้ว หยุนซีก็จะอนุญาตให้เริ่มต้นกระบวนการหลอมกลั่นโอสถได้โดยตรง
มันจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามากหากให้ปรุงยาหรือยาพิษทั่วไป หากมิใช่การหลอมกลั่นโอสถ ดังนั้นบรรดาศิษย์สาวกที่จบจากแขนงโอสถ โดยส่วนใหญ่จะกลายไปเป็นนักปรุงพิษหรือไม่ก็หมอผู้มีชื่อเสียง นอกจากไป๋หลี่อวี๋อิงแล้ว ก็ยังไม่มีราชาโอสถถือกำเนิดขึ้นมาเลยในสถานศึกษาเซิงหลิงแห่งนี้
ในฐานะราชาโอสถของไป๋หลี่อวี๋อิง นางได้รับการสอนสั่งโดยหยุนซี และอันที่จริงด้วยระดับฝีมือของนาง ก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้าเขียนแขนงวิชาโอสถให้เสียเวลาเปล่าแล้วเช่นกัน แต่ที่ต้องจำใจมาแบบนี้เพราะถูกบรรดาเพื่อนสาวทั้งหลายเรียกร้อง อยากให้นางหลอมกลั่นโอสถเป็นขวัญตาแก่ทุกคน และในบางครั้งก็จะมีผู้โชคดีได้รับโอสถที่นางหลอมกลั่นได้โดยไม่เสียสักแดงเดียว
เมื่อเลิกเรียนในช่วงเที่ยง หยุนซีนั่งนับเหรียญทองที่เก็บได้จากบรรดาศิษย์สาวก ต้องจ่ายให้นางทันทีร้อยเหรียญทอง ถึงจะสามารถเดินออกจากห้องเรียนได้ ซึ่งนี่นับว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันมิใช่น้อย แต่ที่พวกนางเจ็บใจที่สุดคือ ต้องมาเสียเงินตั้งร้อยเหรียญทองเพราะนังอัปลักษณ์ไร้ค่าตัวเดียว สุดท้ายนี้ทุกคนก็เดินลับออกจากห้องเรียนไป เหลืออยู่แค่คนเดียวก็คือเซียถงเท่านั้น
หยุนซีเหลือบมองเซียถงที่ยังคงนั่งศึกษาสมุนไพรอยู่บนโต๊ะ นางกระแอมไอเค้นเสียงหนักส่งให้ไปทีหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเซียถงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง นางจึงกระแอมไอต่ออีกสามสี่คราติดต่อกัน พอเห็นว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบสนองใดๆ ครั้งนี้หยุนซีก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น ลุกขึ้นเดินตรงไปหาทันที
“ลูกศิษย์ที่รัก รีบส่งเงินจำนวนสิบเหรียญทองมาแต่โดยดี ข้าจะไปทานอาหารกลางวันแล้ว”
หยุนซีโน้มตัวลงพร้อมเคาะโต๊ะเรียกเซียถงกันต่อหน้าต่อตา
“เอ่อ…ศิษย์คนนี้ไม่มีเหรียญทอง”
เซียถงเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาน่าสงสาร
“อย่ามาแสร้งทำเป็นน่าสงสารให้ข้าใจอ่อน ถึงแม้ว่าทางหอทะเบียนจะบอกว่า เจ้าเป็นคนที่มีธาตุไฟในตัวแกร่งกล้าอย่างยิ่ง และขอให้ช่วยดูแลเป็นพิเศษ แต่ถึงแบบนั้นเรื่องเงินๆ ทองๆ กลับมิใช่จะมองข้ามกันได้จริงไหม?”
หยุนซีปั้นหน้าเพิกเฉยอย่างยิ่งต่อหน้าแววตาอันน่าสงสารของเซียถง ทั้งยังแบกมือกวักเรียก พยายามบีบให้อีกฝ่ายจ่ายให้ได้
“ศิษย์คนนี้ขอติดหนี้ก่อนได้หรือไม่? เมื่อใดที่มีเหรียญทอง จะจ่ายคืนให้ทันที”
เซียถงกล่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งเนื้อทั้งตัว นางมีเหรียญทองแค่ไม่กี่เหรียญเท่านั้น และไม่มีปัญญาจ่ายเงินมากถึงสิบเหรียญทองแก่อีกฝ่ายได้เลย
“ไม่ได้”
หยุนซีเหลือบสายตามองเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเซียถงอยู่สักครู่หนึ่ง และพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเงินมาจ่ายนางจริงๆ เรียวนิ้วยาวขาวผ่องประดุจหิมะพลันเคาะโต๊ะสองสามที แล้วยิ้มกล่าวว่า
“เช่นนั้น…ข้าจะกลับมาทวงใหม่ในวันพรุ่งนี้ จะให้เวลาจ่ายหนี้หนึ่งวัน แต่ขอค่าดอกเบี้ยอีกสิบเหรียญทอง เบ็ดเสร็จรวมยี่สิบเหรียญทองที่เจ้าต้องจ่ายข้าพรุ่งนี้”
โดยไม่รีรอๆ ฟังคำตอบของเซียถงอีกต่อไป นางกวาดเหรียญทองเข้ามาโอบอุ้มในอ้อมแขน และเดินจากไปอย่างมีความสุข
ยี่สิบเหรียญทอง? ไฉนถึงไม่ปล้นกันเลยล่ะ? แต่ไม่เป็นไร ตัวข้าไม่มีเงินอยู่แล้ว รีดไถ่กันแค่ไหนก็ไม่มีให้อยู่ดี
ทอดสายตามองแผ่นหลังของหยุนซีที่เดินจากออกไป มุมปากเซียถงพลันกระตุกยิ้มขึ้นเผยแววเจ้าเล่ห์ หากต้องการเช่นนั้น ข้าจะเป็นลูกหนี้ติดบัญชีเจ้าจนกว่าจะเรียนจบเสียเลยแล้วกัน
ส่วนดอกเบี้ย? คงไม่ให้
เซียถงมิได้เดินจากออกไปทมันที แต่หยิบสมุนไพรบนโต๊ะและเดินเข้าไปในห้องหลอมกลั่นโอสถที่อยู่ด้านหลังห้องเรียนอีกทีหนึ่ง ทางเข้าออกเดียวของห้องหลอมกลั่นโอสถดังกล่าวคือประตูที่อยู่หลังห้องเรียน ดังนั้นภายในที่แห่งนี้จะไม่มีใครสามารถรบกวนสมาธินางได้อีกต่อไป
ปิดประตูแน่นเสร็จ เซียถงหยิบสมุนไพรดเหล่านั้นขึ้นมา เพื่อเตรียมตัวลงมือหลอมกลั่นตามคำชี้แนะของเสี่ยวฮั่ว
“นายท่าน คราวที่แล้วที่ประสบความล้มเหลวเนื่องด้วย อุณหภูมิธาตุไฟในกายของท่านสูงเกินไป เข้าใจว่าการจะควบคุมธาตุไฟที่แกร่งกล้าดั่งม้าพยศเช่นนี้เป็นเรื่องยาก แต่ท่านจำเป็นต้องทำให้ได้ พยายามมุ่งจิตสมาธิทั้งหมดเพื่อควบคุมความร้อนที่ปลดปล่อยออกมา”
เซียถงพยักหน้ารับคำ และเริ่มจุดไฟขึ้นในเตาหลอมกลั่นโอสถด้วยมือทั้งสองข้าง
หลังจากใส่วัตถุดิบสมุนไพรที่จำเป็นลงไปในเตาหลอม เซียถงก็เริ่มมุ่งจิตสมาธิทั้งหมดลงไปเพื่อควบคุมขนาดของเปลวไฟมิให้คงที่ แต่เปลวไฟตรงหน้านางกลับโหมกระพืออย่างบ้าคลั่ง ดูจะไม่ฟังคำสั่งของนางเลยสักนิด
ประมาณชั่วยามกว่าถัดมา ร่างของเซียถงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในมือถือขวดโอสถอยู่ ซึ่งภายในนั้นเป็นเม็ดโอสถไหม้เกรียมสองเม็ด
ประสบความล้มเหลวอีกแล้ว ภายในใจของนางรู้สึกหดหู่เล็กน้อย