ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 80 ผลกำไร
ตอนที่80 ผลกำไร
ระดับความแกร่งกล้าลมปราณของเซียถงอยู่เหนือกว่าทั้งเขาและไป๋หลี่เย่ ดังนั้นทั้งสองไม่สามารถทำอะไรกับนางได้เลย เพราะแบบนี้เอง เซี่ยหลู่เฟิงจึงสูดหายใจเข้าแช่มลึก พยายามเข้าประณีประนอม ไป๋หลี่เย่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกมือหยุดการเคลื่อนไหวของชายคนอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังของเขา หันกลับมามองเซี่ยหลู่เฟิงเล็กน้อยและเค้นน้ำเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า
“เซี่ยหลู่เฟิง อย่าลืมสถานะจองตนไปเสีย เจ้าคือบ่าวคนหนึ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเราองค์รัชทายาทผู้นี้ อย่าได้หลงลืมหน้าที่ของตัวเองไป”
“ข้าน้อยตระหนักทราบถึงสถานะของตนดี จึงต้องขออภัยแทนน้องสาวคนนี้ของข้าด้วย หลังจากนี้ข้าน้อยขอสัญญาจะพานางไปลงโทษตักเตือนเป็นอย่างดี โปรดให้โอกาสพวกเราด้วยเถิด”
เซี่ยหลู่เฟิงโค้งศีรษะกล่าวตอบอีกฝ่ายไปอย่างมิได้ใส่ใจนัก
เมื่อบรรดาสาวๆ เห็นไป๋หลี่อวี๋อิงชักสีหน้าไม่พอใจและหมุนตัวเดินจากไปทันที พวกนางทั้งหลายก็ยกมือไม้ขึ้นปิดป้องใบหน้า และต้องการจะจากไปตามเช่นกัน แต่จู่ๆ เงาร่างสีม่วงสายหนึ่งก็โฉบเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาและขวางเส้นทางของพวกนางเอาไว้
“ท่านอาจารย์หยุนซี! ท่านต้องช่วยพวกเรา! นังอัปลักษณ์เซียถงมันทำใช้มีดเฉือนหน้าพวกเรา! แถมยังแทงตาของจื่ออี้ สาวรับใช้คนสนิทขององค์หญิงอวี๋อิงจนบอด!”
พอเห็นว่าผู้ใดกันที่เข้าขวางเบื้องหน้า บรรดาสาวๆ ทั้งหลายต่างพากันร้องห่มร้องไห้ จับชายเสื้อผ้าของหยุนซีเขย่าไปมา ต้องการจะร้องขอความเป็นธรรม
หยุนซีรู้สึกหงุดหงิดใจมิใช่น้อยที่พวกนางมาดึงเสื้อผ้าจนยืดย้วยเช่นนี้ นางรีบก้าวสะบัดตัวสืบเท้าก้าวถอยเพื่อเว้นระยะห่างออกมา จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งล้วนเข้าไปในกระเป๋าที่เตรียมมา ชูขวดโอสถสีม่วงขึ้นต่อหน้าทุกคนและกล่าวว่า
“นี่คือผงโอสถสมานผิวของข้าเอง สรรพคุณช่วยให้ลบเลือนรอยแผลเป็นจากอาวุธมีคม ใช้ได้ผลดีเยี่ยมสำหรับแผลจำพวกรอยมีดบาด ข้ารับประกันเลยว่า แผลเป็นบนใบหน้าของพวกเจ้าจะหายเป็นปลิดทิ้งทันทีภายในวันสองวัน นอกจากนี้ยังชช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่มเนียนกว่าเดิมเสียอีก! ราคาต่อขวดเพียงยี่สิบเหรียญทองเท่านั้น มีจำนวนจำกัด ช้าหมด อดสวย!”
“โอ้วว…”
“ข้าต้องการหนึ่งขวด! ข้าด้วยท่านอาจารย์!….”
พอได้ฟังคำสาธยายเกี่ยวกับสรรพคุณของผงโอสถชนิดนี้ สาวๆ ทั้งหลายแห่กันพุ่งเข้าใส่หยุนซีอย่างไม่คิดชีวิต
“อย่าแย่งกัน! อย่าแย่งกัน! ไปต่อแถวกันดีๆ!”
หยุนซีสั่งให้พวกนางไปยืนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ทะยอยหยิบขวดโอสถสีม่วงส่งให้พร้อมรับเงินมาครั้งแล้วครั้งเล่า สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ตอนที่เซียถงพุ่งเข้าโจมตี ประเคนคมมีดปาดลวดลายบนใบหน้าของบรรดาสาวๆ พวกนี้ หยุนซีเองก็อยู่แถวนั้นพอดีเช่นกัน ก่อนจะฉุกคิดถึงโอกาสการทำกำไรขึ้นได้ และรีบวิ่งไปหยิบขวดโอสถสีม่วงมาเตรียมจัดจำหน่ายทันที
เซี่ยหลู่เฟิง ฉีหมิงเยว่ และเซียถงต่างยืนนิ่ง ตัวแข็งค้างประดุจรูปปั้นหิน จับจ้องไปยังภาพฉากความวุ่นวายตรงหน้า มุมปากของทั้งสามถึงกับกระตุกไม่หยุด พูดไม่ออกบอกไม่ถูกสักคำ การกระทำเช่นนี้มัน…ไม่กระทบกับภาพลักษณ์อาจารย์ในสถานศึกษาเซิงหมิงเกินไปหน่อยเหรอ? โดยเฉพาะกับเซียถง ไม่ทราบเพราะเหตุใด แต่นางเสมือนรู้สึกโดนหลอกใช้?
หลังจากขายผงโอสถสมานผิวจนเกลี้ยงกระเป๋าที่นำมา หยุนซีก็หอบเอาเหรียญทองกองเท่าภูเขายัดลงในกระเป๋าทันที คลี่ยิ้มกว้างอย่างมีคาวมสุขเหลือเกิน นี่หาใช่โชคดีเล็กๆ น้อยๆ เลย
แต่ทันทีทันใด ราวกับว่านางเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้โดยพลัน จึงก้าฉับเดินไปหยุดต่อหน้าทั้งสาม กล่าวน้ำเสียงเข้มว่า
“ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้านำสิ่งที่เห็นทั้งหมดในวันนี้ไปบอกเล่ากับใครต่อเด็ดขาด หากเมื่อใดที่ข้าทราบ คงตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาใช่หรือไม่?”
หยุนซีไม่ลืมที่จะกวาดสายตาเชิงข่มขู่ใส่ทั้งสามไปปราดหนึ่ง
สองสาวหนึ่งชายหนุ่มพยักหน้างกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้สายตาที่จับจ้องแฝงภัยคุกคามของหยุนซี ไม่มีใครกล้าฮือกับนางเลยจริงๆ หยุนซีค่อนข้างมีอำนาจมิใช่น้อยในสถานศึกษาเซิงหลิง ผู้ใดทำให้นางขุ่นเคือง โทษที่ได้รับกลับทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย
หยุนซีพยักหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจ คลี่ยิ้มกว้าง พร้อมใช้มือควักอะไรบางอย่างออกมาจากใต้อกเสื้อ พร้อมโยนให้ฉีหมิงเยว่
“ดีมาก ส่วนเจ้านำขี้ผึ้งโอสถกระตุกนี้ไปใช้เถอะ”
เห็นภาพฉากดังนั้น ความรู้สึกดีๆ ของเซียถงที่มีต่อหยุนซีนางนี้ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นภายในใจ เห็นได้ชัดว่า นางยังมีความเป็นห่วงพวกเขาอยู่ไม่น้อย และเป็นเซี่ยหลู่เฟิงที่ก้าวย่างออกไปเบื้องหน้า ประสานมือขอบคุณส่งให้หยุนซีพร้อมกล่าวว่า
“ขอบพระคุณอาจารย์หยุนซีที่ช่วยเหลือ หากครั้นหน้าท่านเดือดร้อน สามารถมาเรียกข้า…”
“ใครที่ไหนบอกกันว่าข้าต้องการคำขอบคุณ? เพื่อตอบแทนความเมตตาที่ข้าได้ช่วยเหลือในครั้งนี้ จ่ายมาสิบเหรียญทอง”
หยุนซีกล่าวขัดจังหวะขึ้นในทันใด ฝ่ามือขาวผ่องเสมือนหยกขาวบริสุทธิ์ของนางแผ่กางออกมา พร้อมกระดิกปลายนิ้วกวักเรียกเล็กน้อย สบสายตากับเซี่ยหลู่เฟิงอย่างสงบเสงี่ยม
เหม่อมองฝ่ามือน้อยๆ สีขาวผ่องตรงหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยหลู่เฟิงถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะ คราวนี้เขาเข้ามาในสถานศึกษาเซิงหมิงเพื่อเรียนเป็นเพื่อนกับองค์รัชทายาท และไม่ได้พกเหรียญทองติดตามมาด้วยเลย คล้อยหลังยิ้มแห้งด้วยความละอาย เขาเอ่ยปากกล่าวกับหยุนซีว่า
“มาในครั้งนี้ ข้ากลับมิได้พกเหรียญทองติดตัวมามากมายนัก จะเป็นไปได้หรือไม่ที่…ข้าขอติดหนี้อาจารย์ไว้ก่อน คราวหน้าจะมาจ่ายคืนแน่นอน”
“ห่ะ? ไฉนพวกเจ้าสองพี่น้องถึงชอบติดหนี้กันนัก? ถามจริงๆ เถอะ ครอบครัวของพวกเจ้ายากจนกันมากรึ?”
ประโยคคำกล่าวนี้ของเซี่ยหลู่เฟิง ได้สร้างความไม่พอใจแก่หยุนซีอย่างมาก ปลายคิ้วถึงกับกระตุกหลายทีเนื่องด้วยความหงุดหงิด จากนั้นนางก็เหลือบสายตาเคลื่อนไปมองเซียถง ก่อนจะหันกลับมามองเซี่ยหลู่เฟิงและกล่าวอีกครั้งว่า
“ไม่ว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวของพวกเจ้าจะขัดสนเพียงใดแต่นั่นกลับเป็นเรื่องของพวกเจ้า ข้าไม่รับติดหนี้ไว้ก่อน หากวันนี้ไม่มีเงินจ่าย ก็อย่าคิดจะจากไป!”
อันที่จริง หากเป็นเซียถงที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ในหอทะเบียน ในกรณีนี้หยุนซียังพอยอมให้ติดหนี้ไปก่อนได้ แต่ทำไมนางต้องอนุญาตให้เซี่ยหลู่เฟิงติดหนี้ตนได้ด้วย?
เซี่ยหลู่เฟิงเหลือบมองไปทางเซียถง ในอีกด้าน เซียถงเองก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน นางยาจกขนาดนี้ จะไปมีเงินมากถึงสิบเหรียญทองได้ยังไง? พอเห็นแบบนั้น เขาถึงถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตัวเองอย่างลับๆ อาจารย์ภายในสถานศึกษาแห่งนี้ก็มีมากมายหลายหลาก แต่ไฉนถึงซวยเหลือเกินที่ต้องเป็นอาจารย์หยุนซีที่มาเห็นเหตุการณ์? ในวันข้างหน้า เซี่ยหลู่เฟิงจำต้องหลบเลี่ยง พยายามอย่าเจอหน้าอาจารย์คนนี้ให้ได้มากที่สุดเท่านั้น
หยุนซียังคงกวักมือรอเงินจากเซี่ยหลู่เฟิงอย่างไม่ย่อท้อ สีหน้าการแสดงออกของเขายิ่งดูปั้นยากเจือความละอายใจมากยิ่งขึ้น
พอเห็นแบบนั้น ฉีหมิงเยว่จึงหยิบเงินจำนวนสิบเหรียญทองออกมาจากใต้แขนเสื้อของนาง และวางลงบนฝ่ามือของหยุนซีโดยตรง
“ท่านอาจารย์ นี่เป็นเงินจำนวนสิบเหรียญทอง”
เซี่ยหลู่เฟิงหันขวับจับจ้องฉีหมิงเยว่ด้วยแววตาเปี่ยมล้นความขอบคุณ ส่งยิ้มกล่าวกับนางว่า
“พรุ่งนี้ข้าจะจ่ายเงินจำนวนสิบเหรียญทองคืนแก่เจ้าโดยเร็วที่สุด!”
ฉีหมิงเยว่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย และมิได้กล่าวอันใดต่อ
นับเหรียญทองบนฝ่ามือเบ็ดเสร็จ หยุนซีก็พยักหน้าอีกครั้งอย่างพึงพอใจ ก่อนจะกางนิ้วทั้งห้ายื่นไปทางฉีหมิงเยว่อีกหนึ่งรอบ และกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า
“เช่นนั้นแล้ว พอจะใจดีช่วยจ่ายหนี้ที่เซียถงติดข้าไว้เป็นจำนวนยี่สิบเหรียญทองหรือไม่?”
ฉีหมิงเยว่ก้มหน้าก้มตาลงทันทีด้วยความละอายใจ แล้วส่ายหัวกล่าวว่า
“ศิษย์ไม่มีเหรียญทองเหลือแล้ว”
หยุนซีถอดถอนหายใจเล็กน้อยเจือแววเศร้า ก่อนจะหยิบขวดโอสถสีม่วงออกมาจากใต้แขนเสื้อของนางและส่งให้ฉีหมิงเยว่
“นี่สำหรับเจ้า”