ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 87 งูพิษโลหิตสองเศียร
ตอนที่87 งูพิษโลหิตสองเศียร
กลับมายังสถานศึกษาเซิงหลิง คาบเช้ามีเรียนแขนงวิชาโอสถ เซียถงเดินตรงเข้าไปในอาคารแขนงโอสถเพื่อเข้าห้องเรียน และทันทีที่เข้ามา บรรดาสาวๆ ที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนามพลันหุบปากเงียบสงัดในทันใด สายตานับสิบคู่หันมาจับจ้องนาง และจะมีสายตาอยู่คู่หนึ่งที่ฉายแววเกลียดชังออกมาชัดเจนที่สุด ในหมู่บรรดาสาวๆ เหล่านั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงจ้องหน้าเซียถงตาเขม็งด้วยความจงเกลียดจงชังยิ่งกว่าอะไรดี
เซียถงเหลือบหางตาปรายมองพวกนางเล็กน้อยอย่างเฉยเมย ใบหน้าอันงดงามของแต่ละคนยามนี้กลับมาเรียบเนียนและดูอ่อนนุ่มดังเดิมแล้ว บาดแผลจากคมมีดสั้นของนางเมื่อวานได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดูท่าผงโอสถสมานผิวของอาจารย์หยุนซีจะมีสรรพคุณน่าทึ่งมากจริงๆ
โดยไม่แม้แต่เหลียวแลสนใจสายตาอันเกลียดชังเหล่านั้น นางเดินผ่านเข้ามานั่งตรงที่นั่งเพียงแห่งเดียวที่ยังว่างอยู่ในห้องเรียน ซึ่งเป็นโต๊ะตัวสุดท้ายที่อยู่หลังห้อง เซียถงก้าวย่างเดินไปยังโต๊ะดังกล่าวอย่างแช่มช้า พร้อมคู่สายตาที่เคลื่อนไสวเข้าสำรวจรอบข้างโดยไว เสมือนสีหน้าของบรรดาสาวๆ แต่ละคนคล้ายกับว่ากำลังคาดหวังในอะไรสักอย่างหนึ่ง
นั่งบนเก้าอี้ เซียถงเอื้อมมือเข้าไปหยิบกองสมุนไพรบนโต๊ะโดยไม่รอช้า แต่ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏเงาร่างสีแดงพุ่งฉกขึ้นมาจากกองสมุนไพรเหล่านั้น! เข้าแยกคมเคี้ยวกัดลงบนหลังมืออันขาวผ่องประดุจหิมะของเซียถงด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ชั่วขณะอึดใจนางรู้สึกถึงอาการชาบริเวณหลังมือ ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่ส่งออกมา
เซียถงสะบัดมือเหวี่ยงออกไปอย่างแรง เงาร่างสีแดงกระเด็นตงพื้นไป ซึ่งกลิ่นเหม็นบริเวณหลังมือของนางรุนแรงมากจริงๆ จนขั้นที่ว่า นางต้องขมวดคิ้วมอง
แต่เงาร่างสีแดงที่ตกพื้นไปกลับยังไม่สิ้นฤทธิ์ เสมือนหนังยางดีดกระเด็นกลับเข้าใส่ มันพุ่งเข้าฉกบริเวณข้อเท้าขวาของเซียถงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่า เงาร่างสีแดงลุเข้ามากว่าครั้งทาง หนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวสำแดงเดช แขนเสื้อยาวของนางสั่นไสวเล็กน้อย ปรากฏมีดบินถูกยิงออกมาจากใต้แขนเสื้อนั้น ตรึงร่างเงาสีแดงไว้กับพื้นในบัดดล
เงาร่างสีแดงพยายามดีดดิ้นอย่างบ้าคลั่งบพื้นแบบนั้น เซียถงที่เห็นมันเพียงแวบเดียวพลันจดจำได้ทันที นี่คืองูพิษโลหิตสองเศียร ลำตัวยาวกว่าสามนิ้วมีสีแดงสดคล้ายโลหิต มีสองหัวในหนึ่งร่างดูแล้วแปลกตายิ่งนัก แต่ตอนนี้บริเวณลำตัวของมันโดนมีดสั้นของเซียถงปักตรึงไว้กับพื้น ส่งผลให้มันเลื่อนออกไปไหนมิได้
อย่างไรก็ตาม งูพิษโลหิตสองเศียรกลับมิได้แสดงทีท่าหวาดกลัวใดๆ มันยังคงแผ่แม่เบี้ยชูเชิดศีรษะทั้งสองของมันขึ้นสูง พยายามดื้นหนีออกจากคมมีดนี้ให้จงได้
“นายท่าน พิษของงูชนิดนี้ร้ายแรงมาก ข้าจะช่วยสกัดกั้นพิษมิให้กระจายก่อน ตอนตกดึกค่อยใช้เห็ดหลินจือมรกตเพื่อล้างพิษในภายหลัง”
เสี่ยวฮั่วกล่าวขึ้นท่ามกลางห้วงคิดของเซียถง จากนั้นก็ปรากฏธารแสงสีม่วง
กลุ่มหนึ่งไหลเวียนเข้าไปยังมือข้างขวา เข้าไปยังตำแหน่งที่ถูกงูตัวนั้นฉก
นับว่าน่าอับอายไม่น้อยที่ปล่อยให้งูพิษโจมตีใส่ตนเองได้
เซียถงส่ายหัวกับตัวเองด้วยความหน่ายใจ ในหัวของนางในขณะนี้มีแต่เรื่องการหลอมกลั่นโอสถ ทำให้ปราการป้องกันภัยอ่อนลงหนึ่งระดับ นางลุกขึ้นไปดึงมือขึ้นจากพื้น จับลำตัวของมันแน่น ใช้นิ้วโป้งรวบกดศีรษะทั้งสองของมันให้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ และหันหัวของพวกมันออกไปข้างหน้าเพื่อป้องกันมิให้มันแว้งกัดอีกรอบ
เซียถงกวาดสายตามองทุกคนในห้องพร้อมงูที่ดิ้นไม่หยุดในมือ ก่อนจะส่งยิ้มแปลกๆ ออกมา ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ นางคลายกำมือออกทันที ปล่อยให้งูพิษโลหิตสองเศียรร่วงกระแทกพื้นและเลื่อยเตร่ไปทั่วทั้งห้องเรียนด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า บรรดาสาวๆ เหล่านั้นถึงกับหน้าถอดสีส่งเสียงกรีดร้องกันจ้าละหวั่น หลายต่อหลายคนแห่วิ่งหนีไปทางประตูห้องเรียนด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
พอเห็นพวกนางนับสิบวิ่งไปรุมแออัดอยู่หน้าประตูแย่งกันออก ทุกสิ่งอย่างดูโกลาหลยุ่งเหยิงกันหมด เซียถงก็แสยะยิ้มเย็นชาขึ้นบนมุมปาก คิดจะใช้งูตัวนี้จัดการฆ่านาง แต่กลับโดนเสียเอง ช่างน่าขันโดยแท้
งูพิษโลหิตสองเศียรแหวกว่ายอยู่ทั่วทุกสารทิศสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อยไปหยุดลงต่อหน้าไป๋หลี่อวี๋อิง ยกทั้งสองศีรษะทรงคล้ายสามเหลี่ยมขึ้นชูชัน ส่งเสียงขู่ฟ่อแต่กลับไม่ได้ทำอะไรนางเลย
ไป๋หลี่อวี๋อิงมองไปทางเซียถง ประกายสายตาคู่นั้นทอแววเหลือเชื่อออกมา ทั้งที่มันถูกงูพิษโลหิตสองเศียรกัดเข้าไปแล้ว แต่ไฉนนางถึงยังดูสบายดีอยู่ได้อีก?
งูพิษโลหิตสองเศียรตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูมาโดยไป๋หลี่อวี๋อิง และพิษของมันมักจะถูกนำมาใช้ทำโอสถรักษาโรค
ไฉนเซียถงยังปลอดภัยดี? ไป๋หลี่อวี๋อิงรู้สึกสับสนมากจริงๆ
นางไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่า จะมีใครในจักรวรรดิตงหลี่แห่งนี้สามารถระงับพิษก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้ทัน
“นายท่าน เดินเข้าไปใกล้งูพิษโลหิตสองเศียรเสียหน่อย ข้าจะขู่ให้มันกลัว”
เสี่ยวฮั่วส่งเสียงผ่านห้วงความคิดของเซียถงอีกครา นางที่ได้ฟังแบบนั้นพลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตัดสลับไปมองไป๋หลี่อวี๋อิงโดยพลาง ครุ่นคิดอยู่ว่า เสี่ยวฮั่วตั้งใจจะจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไร?
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด เซียถงย่อมเห็นด้วยทั้งนั้น สบสายตากับไป๋หลี่อวี๋อิงอย่างเฉยเมย นางย่างสามขุมตรงเข้าไปทีละก้าวอย่างแช่มช้า รัศมีกลิ่นอายเยียบเย็นปนชั่วร้ายเพร่กระจายออกมาโดยมีต้นทิศคือตัวนางเอง หรือจะกล่าวให้ถูกต้องคือ ทั้งหมดล้วนมาจากเสี่ยวฮั่วที่อยู่ภายในกายของเซียถงอีกที
เมื่อเห็นเซียถงย่างกายเข้ามาหา ไป๋หลี่อวี๋อิงเริ่มส่อแววตื่นตระหนก จับจ้องไปที่คมมีดสั้นเร้นประกายสีเย็นในมือของเซียถงก่อนเป็นอันดับแรก คล้ายจะเริ่มเสียขวัญทีละน้อย นางก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่กระนั้น…สิ่งที่ดูขวัญเสียกว่านางกลับเป็น เจ้างูพิษโลหิตสองเศียรตัวนั้น มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจิตแห่งสัตว์เทพอสูรบรรพกาลจากภายในร่างกายของเซียถง ถึงแม้ว่ากลิ่นอายที่ว่าจะอ่อนจางมากเพียงใด แต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอแล้วที่จะข่มขวัญมันให้หวั่นผวา
สัตว์เทพอสูรบรรพกาลคือราชาแห่งหมู่สัตว์เทพอสูรทั้งมวล ทั้งนี้ยังถือได้ว่าเป็น สิ่งมีชีวิตระดับชั้นสูงส่งในบรรดาสัตว์อสูรมีพิษเช่นกัน ทันทีที่งูพิษสองเศียรตัวนี้รู้รับได้ถึงกลิ่นอายดังกล่าว ในฐานะสัตว์อสูรพิษธรรมดาทั่วไป หากมีขามีเท้า มันคงเผ่นหนีออกไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด
ด้วยความหวาดกลัวจัด สัญชาตญาณแรกของสัตว์ป่าอย่างมันคือ การหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยพอ ดังนั้นงูพิษโลหิตสองเศียรจึงหันขวับไปทางไป๋หลี่อวี๋อิง และพุ่งเข้าไปในเสื้อผ้าของนางโดยไว พยายามเลื่อนหนีตามพัลวันไปทั่วร่างกายของนางด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
จู่ๆ ก็เห็นงูพิษโลหิตสองเศียรกระโดดเข้าไปในเสื้อผ้าของนางอย่างกะทันหัน ไป๋หลี่อวี๋อิงยิ่งตื่นตระหนกกว่าใครๆ รีบล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อผ้าพยายามคว้าตัวต้นเหตุออกมา แต่น่าเสียดายนักที่ความเร็วของงูพิษโลหิตสองเศียรว่องไวเกินกว่านางจะจับได้ทัน
ทันทีที่พบเห็นภาพฉากนี้ เซียถงหยุดฝีเท้าโดยพลัน ยืนจ้องมองความโกลาหลที่อยู่เบื้องหน้า อาศัยแค่รัศมีแรงกดดันของเสี่ยวฮั่วเพียงขุมหนึ่งที่ปลดปล่อยออกมา ก็สามารถทำให้งูตัวนั้นกลัวจนหัวหดได้จริงๆ?
ไป๋หลี่อวี๋อิงล้มตัวลงกับพื้น นอนสะบัดสะบิ้งด้วยความตื่นตระหนักยิ่งยวด ซึ่งมีเหตุเพราะความตื่นตระหนกของนางนี่เอง จึงยิ่งทำให้งูพิษโลหิตสองเศียรยิ่งขวัญผวาหวาดกลัวนักเข้าไปใหญ่ ส่งผลให้เพิ่มระดับความเร็วเลื่อนดิ้นกันไม่หยุดทั้งตัวสัตว์เลี้ยงก็ดี ตัวเจ้าของก็ดี
ภายใต้สถานการณ์ยุ่งเหยิงและเสียขวัญปานนี้ ไป๋หลี่อวี๋อิงกลัวว่า งูบัดซบตัวนี้จะฝังคมเขี้ยวบนร่าง นางในปัจจุบันมิได้สนใจภาพลักษณ์ของตนเองอีกต่อไป พยายามใช้มือทั้งสองข้างคว้าจับงูที่ดีดดิ้นพล่านในเสื้อผ้าอย่างสุดกำลัง กลิ้งบนพื้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้องระงมลั่นไม่หยุดหย่อนเสมือนคนเสียสติ
และเนื่องด้วยเสียงกรีดร้องเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้งูพิษโลหิตสองเศียรตื่นตูมเข้าไปใหญ่ เร่งความเร็วแหวกว่ายไปทั่วทั้งร่างของนาง ไป๋หลี่อวี๋อิงนอนกลอกกลิ้งบนพื้นนับหลายสิบตลบ ทั้งศีรษะและแข้งขาหันไปฟาดกับขาโต๊ะทีขาเก้าอี้ทีส่งเสียงดังปึงปังไปมาอยู่ต่อเนื่อง
สายตากว่าสิบคู่ล้วนจับจ้องภาพฉากนี้จากภายนอกห้องเรียน สีหน้าของบรรดาสาวๆ เผยแสดงแตกต่างกันไป บ้างก็ตกใจ ไม่พอใจ กระทั่งโล่งอกก็ยังมี…
เซียถงกลับไปนั่งที่ตัวเองดังเดิม เอนหลังเข้าพักพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ มีบ้างที่เหลือบสายตามมองไป๋หลี่อวี๋อิงทำท่าทางแปลกๆ ราวกับกำลังรับชมละครตลกฉากหนึ่ง สำหรับคนอย่างไป๋หลี่อวี๋อิงแล้ว ทำให้เสียหน้ามันทรมานเสียยิ่งกว่าความตายจริงๆ
“นี่เจ้ากำลังทำบ้าอะไร?”
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวนางหนึ่งตะโกนขึ้นลั่นจากหน้าประตู