ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 93 รินชาให้เขา (1)
ตอนที่93 รินชาให้เขา (1)
ช่างเป็นหนึ่งความฝันที่แสนสวยงามยิ่งแล้ว เซียถงอดยิ้มมิได้เมื่อเคลิ้มจินตนาการตาม และหวังว่าอีกฝ่ายจะสร้างรังสรรค์ให้เป็นจริงได้ภายใต้เส้นทางชีวิตอันโหดร้ายเช่นนี้
“ทุกครั้งที่ข้าชงชาดอกไม้หอมเช่นนี้ สิ่งเดียวที่คาดหวังไว้คือ คนที่ดื่มชาเมื่อวานก็ยังปรากฏตัวต่อหน้าข้าในวันต่อไป”
เสียงถอนหายใจดังเฮือกหนึ่งเปล่งดัง เคลื่อนสายตากดลงต่ำ จ้องมองผิวน้ำชาภายในถ้วนที่สั่นกระเพื่อมเสมือนสภาพจิตใจใฝนขณะนี้ เบื้องลึกภายในใจดวงนี้ของฉีหมิงเยว่ช่างบอบช้ำเสียเหลือเกิน จนทอประกายหม่น เผยแสดงร่องรอยความสับสนปรากฏขึ้นในสายตาคู่งาม
ดูความฝันของนางสิ เช่นนี้แล้วจะไปกอบกู้จักรวรรดิให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างไร?
เซียถงเฝ้าสังเกตท่าทางการแสดงออกที่อบจนหนทางของฉีหมิงเยว่ ใจหนึ่งต้องการกุมมืออีกฝ่ายส่งกำลังให้ หวังเพียงจะพอบรรเทาความเศร้าโศกเหล่านี้ได้ ทว่าท้ายที่สุด นางก็เลือกที่จะชกถ้วยชาขึ้นริมจิบ กลิ่นหอมกรุ่นคลุกฟุ้งกระจายไปทั่วปาก รสสัมผัสหวานอ่อนแสนละมุนละไมยังคงรักษา ทว่าในความหวานกลับมีความขมเล็กน้อยเข้าผสมเจอปน
บางสิ่งบางอย่าง แม้นางจะเต็มใจช่วย แต่นางกลับไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งเหล่านั้นได้จริงๆ
ฉีหมิงเยว่หยิบถ้วยชาเปล่าขึ้นมา ลูบไล้ไปมาในมือขาวผ่องของนาง เครื่องลายดอกโบตั๋นสีทับทิมแดงเคลื่อนหมุนไปตามแรงส่งทีละเล็กละน้อย ก้มหน้าก้มตามองถ้วยดังกล่าวในมืออย่างว่างเปล่า พลันเงียบลงไปชั่วขณะ
เซียถงนั่งดื่มชาดอกไม้ปราศจากท่าทีปฏิกิริยาใดๆ ริมจิมคำแล้วคำเล่าอย่างเงียบงัน พลางเหลือบสายตามองฉีหมิงเยว่ที่รินชาให้แก่ตนเอง แต่ก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่แบบนั้น จนไออุ่นในมือที่สัมผัสรับรู้เริ่มเย็นลงอย่างแช่มช้า จนไม่สามารถสัมผัสถึงความอุ่นได้อีกเลย
เซียถงยกชาคำสุดท้ายในถ้วนขึ้นดื่ม ความหวานละมุนละไมในขณะนี้อันตรธานสิ้นไม่มี เหลือเพียงความขมขื่นเท่านั้น นางที่ได้สัมผัสรสชาติที่แปรเปลี่ยนก็อดขมวดคิ้วมิได้ แต่สุดท้ายก็ยกขึ้นดื่มจนหมดในรวดเดียว
“การที่เป็นบุตรสาวของครอบครัวธรรมดาๆ แล้วก็แต่งงานกับคนที่ชอบและใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ ในฐานะภรรยาที่ดีของสามี และแม่ที่ดีของลูก นี่ข้าหวังมากเกินไปหรือไม่?”
พอเซียถงยกซดชาในถ้วยจนหมด จู่ๆ ฉีหมิงเยว่ก็เอ่ยปากเปล่งเสียงขึ้นคำหนึ่ง เงยหน้าเริ่มสบสายตากับนางด้วยความสับสนรวนเร
“ตราบเท่าที่เจ้าทำแล้วมีความสุข ก็จงเลือกที่จะทำสิ่งนั้นอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดมีความสุขไปกว่าการได้ทำตามหัวใจตนเอง อย่าให้ดวงใจในอกซ้ายของเจ้าต้องสั่นคลอน จนถูกความโกลาหลจากโลกภายนอกเข้าควบคุมบงการ”
เซียถงสบตาอีกฝ่ายสวนกลับไป และลึกลงในไปในแววตาคู่นั้นก็ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่งและความเป็นไปได้อีกมากมายของชีวิต
ตราบใดที่เจ้ารู้แล้วว่า สิ่งใดที่ใจปรารถนา ก็จงมุ่งหน้าเข้าชนต่อทุกอุปสรรคที่ขวางกั้นเพื่อให้ได้มันมา
ฉีหมิงเยว่จับจ้องใบหน้าของเซียถง เจือแววสงสัยอยู่หลายส่วน เพราะไม่ทราบเหตุใด จู่ๆ ความโศกเศร้า ขมขื่นและความหวาดกลัวทั้งหมดที่รู้สึก ยามนี้พวกมันกลับล่าถอยออกไป ราวกับว่าพวกมันกำลังหวาดกลัวต่อความมุ่งมั่นของเซียถงที่อยู่ต่อหน้า เช่นนั้นนางจึงรวบรวมความกล้า เอ่ยถามหญิงสาวผู้เปรียบเสมือนความหวังต่อโดยไม่ลังเลว่า
“ต่อให้ต้องแบกรับตราบาปไปชั่วชีวิต หากเป็นเจ้าก็ไม่ลังเล?”
เซียถงพยักหน้าอย่างแผ่วเบา
“ใช่แล้ว!”
ฉีหมิงเยว่ก้มหน้าก้มตามองดูถ้วยชาในมืออีกครา คล้อยหลังผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็เงยหน้าขึ้นมองเป็นคำรบสอง สีหน้าอมทุกข์ที่แสนเศร้าสร้ายก่อนหน้า ยามนี้จางหายไปโดยสิ้น และกลับมาเป็นฉีหมิงเยว่ผู้อ่อนโยนและใจดีคนเดิม รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าของนางช่างงดงามและบริสุทธิ์เหนือราคี ราวกับว่าสีหน้าการแสดงออกก่อนหน้าทั้งหมดที่เซียถงได้เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา
“เจ้าดื่มหมดแล้วกระมัง? เช่นนั้นข้าจะรินให้ใหม่อีกถ้วย”
ฉีหมิงเยว่คว้าถ้วยเปล่าบนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมา จากนั้นก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมารินให้ด้วยทีท่าแสนละเมียดละไม หยดน้ำชาสีน้ำตาลไหม้อ่อนๆ กรอกเทผ่านปากของกาน้ำชาสีใสอัญมณี ลงสู่ถ้วยชาพร้อมไอร้อนที่ฟุ้งกระจายออกมาเป็นชั้นบาง กลิ่นสุคนธรสหอมหลอมสร้างให้บรรยากาศยามนี้รื่นรมย์มากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว ช่างเป็นภาพฉากที่งดงามเกินบรรยาย
เมื่อเฝ้ามองอากัปกิริยาเวลาที่ฉีหมิงเยว่รินชา เซียถงอดยิ้มมิได้ อีกฝ่ายยื่นถ้วยชาส่งมอบ พร้อมยื่นมือไปนอกศาลา คว้าหยิบกลีบบุปผาที่โปรยปรายกลางเวหา เข้ามาใส่ในถ้วยชา ทั้งช่วยเพิ่มประดับความสวยงาม และความหอมละมุมไปในตัว
ยามที่หมิงเยว่รินชา หญิงสาวนางนี้สง่างดงามประดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ร่ายรำก็มิปาน เสมือนกับว่า จิตวิญญาณดวงนี้ของเซียถงได้รับการปลอบประโลม
หญิงสาวนางนี้ควรปรากฏให้เห็นแค่บนท้องนภาฟ้าเท่านั้น มิใช่พบเห็นได้บนผืนพิภพมนุษย์เดินดินเฉกเช่นนี้
ทันใดนั้นเอง มีเงาร่างสองสามคนปรากฏอยู่มุมหางตาของเซียถง พอหันไปมองก็บังเอิญไปเห็นไป๋หลี่เย่และบรรดาคุณชายจากตระกูลร่ำรวยอีกประมาณกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลศาลา เฝ้ามองทุกอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวของฉีหมิงเยว่
แต่เริ่มเดิมที ไป๋หลี่เย่ตั้งใจจะออกไปเที่ยวถนนคนเดินในมือพร้อมกับบรรดากลุ่มคุณชายจากตระกูลร่ำรวยเหล่านี้ที่ติดตามอยู่ท้ายหลัง แต่เมื่อเดินผ่านศาลาก็ชนเข้ากับภาพฉากที่ฉีหมิงเยว่กำลังรินชาดอกไม้อยู่พอดี อาศัยอากัปกิริยาที่งดงามและดูอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้ได้ดึงดูดเขาในทันใด
เขาคุ้นเคยกับการได้เห็นสาวสวยที่เข้ารุมล้อมภายในสถานศึกษาเซิงหลิง แต่ยังไม่มีใครสักคนที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้โดยที่ไม่ต้องเข้าหาด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้ฉีหมิงเยว่คือคนแรก ท่าทางการแสดงออกในระหว่างการชงชา ทำให้เขารู้สึกใจสั่นผนวกพร้อมดวงตาที่เปล่งประกาย
พอตระหนักได้ถึงสายตาที่จับจ้องของไป๋หลี่เย่ มือข้างนั้นของฉีหมิงเยว่พลันหยุดลงชั่วขณะ นางหันมาสบตาพร้อมพยักหน้าอย่างโอนอ่อนให้แก่อีกฝ่าย รอยยิ้มช่างละเอียดลออ จากนั้นจึงค่อยหันไปก้มหน้าก้มตารินชาให้ตนเองเป็นลำดับต่อไป
เสมือนรอยยิ้มได้ตราตรึงจิตใจของไป๋หลี่เย่จนหนีไปไหนไม่พ้น ชั่วขระต่อมา เขารู้สึกราวกับชายผู้หลงทางท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ ที่จู่ๆ ก็พบเข้ากับน้ำพุเย็นชื่นใจ เสียงจังหวะหัวใจเต้นตึกตักอยู่ไม่นิ่ง บรรดาคุณชายจากตระกูล
ร่ำรวยทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังเขายิ่งแล้วใหญ่ เผยสีหน้าหลงใหลอย่างหัวปักหัวปำ
เซี่ยหลู่เฟิงที่ยืนอารักขาอยู่ท้ายสุดของกลุ่ม เฝ้ามองหญิงสาวนางนั้นที่กำลังรินชาพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนมุมปาก นางคนนี้ช่างมีเสน่ห์ล้นเหลือ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขาตระหนักทราบอย่างชัดแจ้งว่า ความงามดั่งดอกฟ้านางนี้ สำหรับตัวเขาแล้วควรเฝ้าชื่นชมจากระยะไกลเช่นนี้เป็นดีที่สุด เพราะสุนัขรับใช้เจ้าตัวหนึ่งอย่างเขาย่อมไม่คู่ควร
พอได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเฮือกแล้วเฮือกเล่าดังขึ้นจากกลุ่มของไป๋หลี่เย่เบื้องหน้า เซี่ยหลู่เฟิงก็อดขมวดคิ้วมิได้ ก่อนเคลื่อนสายตาจับจ้องไปที่ฉีหมิงเยว่ด้วยความกังวล หญิงสาวนางนั้น ไม่ควรโปรยเสน่ห์ของนางกลางที่สาธารณะเช่นนี้
เพราะขึ้นชื่อว่า ความงาม บางครั้งอาจนำพาหายนะมาสู่ตนได้!
ภายใต้สายตาดั่งตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ของทุกคน ทั้งความโลภ ตัณหา และชื่นชม สุดท้ายฉีหมิงเยว่ก็รินชาเสร็จสิ้น นางถือถ้วยชาในมือขึ้นโดยใช้มือทั้งสองข้าง พลางปรายสายตาส่งให้กับไป๋หลี่เย่อย่างพราวเสน่ห์น่าหลงใหล
เมื่อเห็นว่า) หมิงเยว่กำลังมองมาทางตน ไป๋หลี่เย่ก็กวาดแขนเสื้อข้างหนึ่งไขว้ไปด้านหลัง ยืดแผ่นอกเหยียดหลังตรง เชิดคางขึ้นอย่างเป็นสง่าภาคภูมิ เผยปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนมุมปากเล็กน้อย ยืนรอให้นางเดินยกชามาให้แก่ตนได้ลิ้มชิมด้วยความภาคภูมิใจ
เพราะอย่างไร หญิงสาวนางนี้พยายามโปรยเสน่ห์เพื่อดึงดูดความสนใจของเขาอยู่แล้วมิใช่รึ?
และเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ฉีหมิงเยว่ยกชาถ้วยนั้นและเดินตรงเข้ามาหาทีละก้าวอย่างแช่มช้า ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้อง นางประคองถ้วยชาอย่างระมัดระวังเดินตรงเข้ามาใกล้