ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 95 ยั่วยุรังแก
ตอนที่95 ยั่วยุรังแก
ไป๋หลี่เย่จ้องตาเซียถงไม่กะพริบ ใบหน้าของเขาเริ่มบวมแดงเป็นแผลน้ำร้อนลวก ส่วนดวงตาแทบลุกเป็นไฟด้วยความโกรธเกรี้ยว นังอัปลักษณ์บัดซบนางนี้ท้าทายองค์รัชทยาทอันสูงศักดิ์ผู้นี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และในคราวนี้ เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน มีดสั้นใต้แขนเสื้อของเซียถงเองก็เลื่อนเข้ากลัดกุมอยู่บนฝ่ามือของนางเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงมันเคลื่อนไหว นางเองก็ไม่ละเว้นเมตตาแล้วเช่นกัน
“เซียถง อย่าหยาบคาย”
แต่ชั่วอึดใจนั้นเอง เซี่ยหลู่เฟิงก็โผล่เข้ามาแทรกแซงการปะทะคารมระหว่างเซียถงและไป๋หลี่เย่ได้จังหวะพอดิบพอดี โดยส่วนตัวแล้ว เซี่ยหลู่เฟิงมิได้เห็นค่าความปลอดภัยของไป๋หลี่เย่อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ในฐานะผู้ติดตามขององค์รัชทายาท เขาจำเป็นต้องเคลื่อนไหวทำเป็นปกป้อง ทว่าความเป็นจริง เขาออกมาเพื่อหยุดเซียถงมิให้สร้างเรื่องเกินเลยไปมากกว่านี้
“เซียถง กลับกันเถอะ”
ฉีหมิงเยว่รีบคว้าแขนเซียถง พยายามดึงอีกฝ่ายออกจากสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เห็นว่าเซียถงมีความขัดแย้งกับไป๋หลี่เย่เพราะตัวนาง จึงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
เซียถงเหลือบมองเซี่ยหลู่เฟิงปราดหนึ่ง พอเห็นเขามองมาทางนี้พร้อมสายตาขอร้องอ้อนวอน ก็ถึงกับถอนหายใจอย่างลับๆ เก็บมีดสั้นในมือเข้าใต้แขนเสื้อดังเดิม และพยักหน้าเดินจากไปพร้อมกับฉีหมิงเยว่
ฉีหมิงเยว่เองก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าท่าทางดูโล่งอกขึ้นมาก หันกลับไปบนโต๊ะโดยไวเพื่อทำความสะอาดและเก็บชุดชาของตน
สายตาคู่อาฆาตของไป๋หลี่เย่ยังคงจับจ้องไปที่ร่างของเซียถง ส่วนบรรดาศิษย์สาวกหญิงโดยรอบที่เฝ้ามองเหตุการณ์ความวุ่นวาย ต่างจับจ้องไปที่ฉีหมิงเยว่ด้วยความเกลียดชัง อาศัยแค่รูปร่างหน้าตาของนังนี่ จะล่อลวงให้องค์รัชทายาทสับสนได้เชียวรึ? แล้วที่พยายามโปรยเสน่ห์ใส่องค์รัชทายาท หวังเพื่อพิสูจน์ว่าในที่แห่งนี้ไม่มีใครสวยไปกว่านางแล้วกระมัง? นังนี่จะหน้าด้านเกินไปแล้ว!
กล้าล่อลวงจนทำให้องค์รัชทยาทสับสนจนขายหน้า ในไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องโดนจัดการในสักวัน!
ในบรรดากลุ่มศิษย์สาวกหญิงที่รายล้อม หนึ่งในนั้นก็คือไป๋หลี่อวี๋อิงที่บังเอิญผ่านทางมาพอดี และยังคงเดิม นางมาในชุดสีแดงเพลิงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้นางได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
กล้าดีอย่างไรมาทำให้พี่ชายต้องอับอายขายขี้หน้าสาธารณะ? สงสัยจะต้องสั่งสอนให้หลาบจำ!
พอเห็นฉีหมิงเยว่กำลังบรรจงเก็บชุดน้ำชาลง ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ขยิบตาส่งให้บรรดาสาวๆ ลูกน้องที่ติดตามนางเป็นสัญญาณให้ลงมือทันที เซียถงที่อยู่ตรงนั้นหันไปเห็นไป๋หลี่อวี๋อิงเช่นกัน สายตาหรี่แคบสาดสะท้อนแววเย็นชาออกมาทันที
ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งล่าสุดของไป๋หลี่อวี๋อิงจะเบาเกินไป
“ถ้วยกาอันใดสกปรกปานนี้? ก็แค่ของไร้ราคายังมีหน้ากล้าเอาเข้ามาให้แสลงตาพวกข้าเล่น? แค่เห็นของราคาถูกก็ระคายเคืองตาเสียเหลือเกิน!”
หญิงสาวนางนั้นที่ไป๋หลี่อวี๋อิงขยิบตาส่งสัญญาณให้ เดินตรงเข้าไปหาเรื่องฉีหมิงเยว่ทันที พอพูดจบก็หยิบถ้วยชาใบหนึ่งขึ้นมา และโยนอัดพื้นอย่างแรง ถ้วยชาอัญมณีสวยงามตกกระแทกพื้นโดยตรงพร้อมเสียงแตกดัง ‘เพล้ง’ เหลือแค่เพียงเศษอัญมณีชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปทั่ว
คลื่นจิตสังหารเย็นชาโหมกระเพื่อมออกจากร่างของเซียถงในทันใด มีดสั้นใต้แขนเสื้อเลื่อนไถลเข้าลงบนฝ่ามือของนางอีกครา ขณะที่กำลังจะลงมือสั่งสอนหญิงสาวนางนั้นสักหนึ่งบทเรียน ทันทีทันใดฉีหมิงเยว่ก็คว้าท่อนแขนของนางเอาไว้ กล่าวว่า
“ช่างเถอะ ปล่อยให้นางโยนทิ้งไปเถอะ หากเจ้าลงมือลงไม้ขึ้นมาอีกครา เกรงว่าจะถูกท่านอาจารย์หยุนซีไล่ออกเป็นแน่”
ฉีหมิงเยว่ออกแรงบีบแขนอีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย เอนกายเข้าชิดใกล้อีกฝ่าย เพื่อเอ่ยกระซิบตักเตือนข้างหู
เซียถงได้แต่เหลือบตามองฉีหมิงเยว่อย่างช่วยไม่ได้ พลางย่างเท้าขวาขึ้นอย่างใจเย็น และลงน้ำหนักเหยียบย่างลงบนเศษถ้วยน้ำชาที่แตกเป็นเสี่ยงอยู่บนพื้นเบาๆ
“นั่นสิ ชุดกาน้ำชาราคาถูก น่ารังเกียจชะมัด! แค่เห็นก็รู้สึกเจ็บตาบอกไม่ถูก ช่วยกันทำลายให้หมดจะได้ไม่รกสายตา!”
พอเห็นว่าเซียถงกล้าลงไม้ลงมือ บรรดาสาวๆ นางอื่นที่ก่อนหน้านี้กล้าๆ กลัวๆ ก็พลันได้ใจขึ้นมา เดินไปคว้าถ้วยน้ำชาของฉีหมิงเยว่ขึ้นมา แล้วเขวี่ยงอัดพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกการกระทำลงมืออย่างกล้าหาญราวกับพวกนางไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
จับจ้องไปทางกลุ่มหญิงสาวเหล่านั้น ประกายตาคู่นั้นของเซียถงยิ่งทวีความเยียบเย็นจนอุณหภูมิรอบตัวต่ำลงและต่ำลงเรื่อยๆ ….
ฉีหมิงเยว่ทอดสายตา เหม่อมองเศษซากของถ้วยเหล่านั้นที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างว่างเปล่า เนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือดแทบเสียศูนย์ มือข้างที่จับแขนของเซียถงเริ่มกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังฝืนยิ้มน้ำเสียงสั่นไสวกล่าวว่า
“อย่าไปมีเรื่องกับพวกนางเลย”
เพล้ง…เพล้ง…
เสียงแตกดังขึ้นแก้วแล้วแก้วเล่า จนท้ายที่สุดนี้เหลือเพียงกาน้ำชาแค่ชิ้นเดียวที่ยังไม่ถูกทำลาย สายตาของฉีหมิงเยว่เลื่อนลอยมองติดตามกาใบนั้นตาไม่กะพริบ มือข้างที่จับแขนเซียถงยังคงบีบแน่นไม่เสื่อมคลาย
นางไม่อยากให้เซียถงต้องออกโรงเพื่อนาง เพราะฉีหมิงเยว่ทราบดีว่า หากเซียถงต้องมีเรื่องบาดหมางกับองค์หญิงอวี๋อิงเพิ่ม ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
ขณะที่หญิงสาวนางหนึ่งชูกาน้ำชาใบนั้นขึ้นและกำลังจะออกแรงทุ่มลงพื้นอย่างสุดกำลัง ทันใดนั้นก็มีมือขนาดใหญ่เข้ามาคว้ากาน้ำชานั้นออกจากมือของนางโดยตรง
“พอแล้ว นี่คือสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของคนอื่นเขา ไฉนเจ้าต้องมาทำลายข้าวกันเช่นนี้?”
เซี่ยหลู่เฟิงทนดูต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป จึงย่างเท้าก้าวออกมาหยุดหญิงสาวนางนั้นมิให้ทำลายกาน้ำชาไว้ได้ทันท่วงที สายตาคู่นั้นของเขาเผยปรากฏเพลิงความโกรธอยู่ข้นคลัก
ถึงเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อเหตุการณ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทหรือองค์หญิงโดยตรงได้ แต่สำหรับพวกลูกกระจ๊อกที่ติดตามทั้งคู่อยู่ท้ายหลัง ใช่ว่าเขาจะไม่กล้าลงมือ
หญิงสาวนางนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นแววตาของเซี่ยหลู่เฟิงที่เปี่ยมล้นเพลิงแห่งความโกรธ ด้วยความขี้ขลาด นางรีบถอยกลับไปหาป์หลี่อวี๋อิง กล่าวน้ำเสียงฟังแล้วน่าสงสารกับนางว่า
“องค์หญิงช่วยข้าด้วย! ชายคนนั้นจะทำร้ายข้า…”
“เซี่ยหลู่เฟิง! เจ้าเป็นคนอวดดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!? มีอะไรจะแก้ตัวไหม!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงแส้ยาวฟาดกระทบพื้นดังสนั่น ไป๋หลี่อวี๋อิงชักนำลมปราณขุมใหญ่กรอกเทใส่แส้ยาวสีดำในมือ และยกขึ้นฟาดใส่ทางเซี่ยหลู่เฟิงโดยตรง!
กล้ายั่วยุเซียถงเป็นสิ่งต้องห้าม แต่การจะกลั่นแกล้งเซี่ยหลู่เฟิงกลับเป็นเรื่องง่ายเกินไป
เซี่ยหลู่เฟิงยกมือขึ้น กำลังจะคว้าแส้ยาวสีดำของไป๋หลี่วอี่อิงที่พวยพุ่งเข้าใส่เพื่อหยุดการโจมตี ทว่าทันใดนั้นพลันปรากฏแสงกระบี่สีเย็นสาดประกายฉายจ่อบนลำคอของเขาโดยพลัน ไป๋หลี่เย่ชักกระบี่ยาวขึ้นพาดคอของอีกฝ่ายมิให้ขยับเขยื้อนร่างกาย ปล่อยให้แส้ยาวสีดำฟาดใส่ทั้งแบบนั้น
“เซี่ยหลู่เฟิง เจ้าคิดจะขัดขืนบทลงโทษจากองค์หญิงอย่างงั้นรึ?”
ไป๋หลี่เย่ปริปากเอ่ยขึ้น ขณะจับจ้องเซี่ยหลู่เฟิงด้วยสายตาอันขุ่นมัว
ใช่แล้ว การจะกลั่นแกล้งเซี่ยหลู่เฟิงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดจริงๆ
ฉีหมิงเยว่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว นางทรุดเข่าลงกับพื้นส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่น ชั่วจังหวะนั้นเอง เท้าข้างขวาของเซียถงที่แอบเหยียบเศษถ้วยบนพื้นก่อนหน้าพลันสาดไสววูบ ยิงเศษถ้วยปากคมชิ้นนั้นออกไปด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า พุ่งบาดคอหอยของหญิงสาวที่จะโยนกาน้ำชาใบนั้น ก่อนจะเสียบเข้าใส่ไหล่ขวาของไป๋หลี่อวี๋อิงเต็มๆ
ไป๋หลี่อวี๋อิงทิ้งแส้ยาวในมือโดยพลัน ส่งเสียงกรีดร้องระงมลั่น ยกมือขึ้นปิดป้องบริเวณไหล่ขวาที่ยามนี้เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสดเสมือนสีเสื้อ บรรดาสาวๆ ที่อยู่โดยรอบรีบตรงเข้ามารุมล้อมด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
พอเห็นว่าไป๋หลี่อวี๋อิงจู่ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุ ไป๋หลี่เย่ก็รีบจับกระบี่เล่มยาวบนเอว เร่งหันไปมองเซียถงพกพาความเกรี้ยวโกรธสุดขีดอยู่ทั่วใบหน้า คำรามเสียงดังลั่นด้วยความโมโหว่า
“เซียถง! นี่เจ้าเหนื่อยกับชีวิตมากแล้วกระมัง!! ถึงกล้าลอบสังหารองค์หญิงเช่นนี้! ข้าจะนำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปรายงานแก่เสด็จพ่อ คราวนี้เจ้าหนีไม่พ้นโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรแน่นอน!”
เซี่ยหลู่เฟิงใช้จังหวะที่อีกฝ่ายลดกระบี่ในมือลง ร่นถอยตีระยะออกห่างประมาณหนึ่งทันที
“เรียนองค์รัชทยาท ไม่เพียงท่านจะมีปัญหาทางด้านสมองเท่านั้น แต่ท่านยังมีปัญหาทางด้านสายตาด้วยรึ? ก็เห็นอยู่ว่ามือของข้าถูกฉีหมิงเยว่กุมไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย เช่นนั้นแล้วข้าจะใช้อะไรลอบโจมตีล่ะ? อากาศกระมัง? แล้วท่านเห็นกับตาหรือไม่ว่าองค์หญิงอวี๋อิงถูกข้าลอบโจมตีจริงๆ? มิใช่เพียงใส่ความลอยหรอกรึ?”
เซียถงมือข้าที่โดนฉีหมิงเยว่กุมไว้แน่น พร้อมอีกข้างที่ว่างเปล่า ส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจส่งไปทางไป๋หลี่เย่ พร้อมกล่าวย้อนถามกลับไป ใช้น้ำเสียงเสียดสีประชดประชัน
ทั้งตอนที่เซียถงแอบใช้เท้าขวาคีบเก็บเศษถ้วยชาที่แตกบนพื้น ทั้งตอนที่สะบัดนิ้วเท้ายิงเศษถ้วยชาออกไป นางมั่นใจอย่างยิ่งว่า การเคลื่อนไหวของตนไม่มีใครในบริเวณนี้มองตามได้ทันแน่นอน