ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 96 สั่งสอนเป็นบทเรียน
ตอนที่96 สั่งสอนเป็นบทเรียน
“นั่นสิ ไยข้าถึงไม่เห็นนางเคลื่อนไหวอะไรเช่นนั้นเลย?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีสุ้มเสียเปล่งสง่าแสนสูงส่งแทรกขึ้นมา
ทุกคนต่างตกตะลึงงัน เหลียวมองไปตามต้นเสียงก็พบว่าเป็นไป๋หลี่หานที่ปรากฏตัวขึ้นอยู่นอกตัวศาลาไม่ใกล้ไม่ไกล กำลังเดินแช่มตรงเข้ามา พร้อมกับชุดและหน้ากากสีดำ เรียวตาคู่คมของเขากวาดมองไปทั่วฝูงชนโดยรอบ จนสุดท้ายเคลื่อนไปหยุดลงที่ตัวไป๋หลี่เย่
“องค์หญิงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แต่เจ้ากลับไม่รีบพานางไปรักษา เอาแต่พาลหาเรื่องผู้คน นี่เจ้าเป็นพี่ชายประสาอะไร?”
สาดสายตาจับจ้องไป๋หลี่เย่อยู่ชั่วครู่ เขาก็เดินเข้าไปหาไป๋หลี่อวี๋อิงที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนพื้น ตรวจดูอาการของนางเล็กน้อย ค้นพบว่าเสียเลือดมาก จึงรีบสั่งให้บรรดาสาวๆ พานางไปหอแพทย์ประจำสถานศึกษาเพื่อส่งตัวรักษาทันที
ก่อนที่ไป๋หลี่อวี๋อิงจะถูกบรรดาสาวๆ อุ้มหามจากออกไป นางไม่ลืมส่งสายตาเหลือบแลใส่ทางเซียถงด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ
“เสด็จอา องค์หญิงถูกนางลอบทำร้าย!”
ไป๋หลี่เย่ชี้นิ้วไปทางเซียถง รีบเอ่ยปากฟ้อง น้ำเสียงขุ่นเคืองไม่พอใจอย่างยิ่ง
“เมื่อครู่เสด็จอาคนนี้บังเอิญผ่านเข้ามาพอดี แต่กลับไม่เห็นเซียถงทำเรื่องอะไรเช่นนั้นเลย แล้วไฉนองค์รัชทายาทถึงบอกว่า นางเป็นคนลอบทำร้ายล่ะ? หรือว่ามีหลักฐานมัดตัวแล้ว?”
ประดุจเสียงคมดังฉับ ไป๋หลี่หานยิงสายตาเรียวของตนใส่ไป๋หลี่เย่สาดประกายเฉียบขาด
ไป๋หลี่เย่ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่หันไปมองเซียถงตาเขม็ง สุดท้ายนี้ได้แต่จำใจยอมแพ้อย่างลับๆ เพราะในเมื่อเสด็จอายออกโรงเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องนังอัปลักษณ์นี่แล้ว ต่อให้กล่าวอะไรออกไปมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
เซี่ยหลู่เฟิงเหลียวมองเซียถงเจือแววกังวลอยู่หลายส่วน จากนั้นค่อยหันไปหาฉีหมิงเยว่ประดับเคียงสีหน้าการแสดงออกที่แสนซับซ้อน ถอนหายใจเสียงแผ่วกับตัวเอง หมุนตัวกลับและเดินติดตามไป๋หลี่เย่ออกไปอย่างเงียบงัน
ฉีหมิงเยว่ค่อยๆ ย่อตัวนั่งคุกเข่า ทยอยเก็บเศษถ้วยชาเหล่านั้นที่กระจัดกระจายบนพื้น เข้ามาสะสมรวมไว้ในแขนเสื้อ
เซียถงหรี่สายตาจ้องมองไป๋หลี่หานไม่คลายอ่อน พอจับสัมผัสได้ว่า อีกฝ่ายกำลังจับจ้องมาทางนี้เช่นกัน แถมสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก คมมีดสั้นเลื่อนไหลคงบนฝ่ามือขวาของนางอย่างลับๆ เข้ากระชับจับแน่นด้ามมีดไว้แน่น แอบเข้าสู่สภาวะป้องกันตัวโดยทันที และเป็นไปตามที่คิดไว้จริงๆ ชั่วอึดใจต่อมา เงาร่างของไป๋หลี่หานไสววูบพุ่งเข้าใส่นางทันที
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของไป๋หลี่หานว่องไวประดุจสายอสนีระบำ ในเวลานี้เขาต้องการลงมือกับเซียถงแล้ว และตัวเซียถงเองก็พึงทราบ อาศัยความแข็งแกร่งของตนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้แน่นอน ดังนั้นนางจึงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น มึ่งสมาธิรอจังหวะสวนกลับด้วยคมมีดสั้นในมือโต้ตอบภายในหนึ่งกระบวน
ชั่วอึดใจขณะ เงาร่างของไป๋หลี่หานปราดลุมาถึงระยะหวังผล เซียถงขวางมีดสั้นในมือยิงออกไปตรงหน้า ใช้เป็นมีดบินหวังเจาะทะลวงกะโหลกศีรษะเพื่อปลิดชีพอีกฝ่ายภายในอึดใจ
มีดบินเร้นประกายเยียบเย็นถูกยิงเข้าใส่ กรีดผิวแก้มเฉียดใบหน้าของไป๋หลี่หานไปครึ่งองศา พุ่งทะลวงปักคาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง การเคลื่อนไหวฉากนี้ได้สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้คนโดยรอบอย่างยิ่ง ฉีหมิงเยว่ถึงขั้นหน้าถอดสีซีด เศษถ้วยชาที่อุตส่าห์รวบรวมเก็บในกระเป๋าแขนเสื้อ ร่วงกราวตกลงสู่พื้นอีกครั้ง
“เซียถง นับวันเจ้ายิ่งมีความกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
ไป๋หลี่หานพุ่งเข้าไปคว้าข้อมือเรียวขาวของเซียถง ออกแรงเล็กน้อยฉุดดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน พร้อมใช้มืออีกข้างโอบเอวเพรียวบางของนางเอาไว้หลวมๆ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของชายคนนี้ได้ทัน กว่าจะพบเห็นประจักษ์ชัดบนสายตา ทุกกระบวนการก็ดำเนินไปจนเสร็จสิ้น
ไป๋หลื่หานจับจ้องใบหน้าของนาง ดวงตาไม่กะพริบ หากไม่สั่งสอนเป็นบทเรียนแก่นางจริงๆ จังๆ สักครั้ง เกรงว่า นางจะติดนิสัยชอบทำตัวเป็นอันตาพาลแล้วจริงๆ
“ท่านอาจารย์หาน ศิษย์คนนี้มีสิทธิ์ป้องกันตัว เพราะไม่รู้ว่าท่านพุ่งเข้ามาเช่นนี้ ต้องการจะทำอะไร”
เซียถงเหล่มองไป๋หลี่หานเล็กน้อย ในเวลานี้ร่างกายถูกพันธนาจับกุมไว้โดยอีกฝ่ายสมบูรณ์ นางมิได้กลัวว่า ชายคนนี้จะลงมือสังหารตน เพราะหากอีกฝ่ายต้องการจริงๆ คงทำไปนานแล้ว และไม่ปล่อยนางให้มีชีวิตจวบจนตอนนี้…
“นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีเยี่ยม ข้าเพียงต้องการเอ่ยชมเชย”
ไป๋หลี่หานกล่าวน้ำเสียงเรียบเคลือบไอเย็น กระนั้นเองทุกมาอากัปกิริยาของเขาช่างดูสูงส่งเป็นสง่ายิ่งนัก
เขาเองก็ต้องขอยอมรับเลยว่า ปฏิกิริยาตอบโต้ของเซียถงค่อนข้างยอดเยี่ยมดีจริงๆ
“แต่ไฉนท่านอาจารย์หานถึงมาจับตัวศิษย์เช่นนี้ล่ะ?”
เซี่ยถงเอ่ยถามพลางสูดหายใจเย็นเข้าแช่มลึก
“เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วมิใช่รึ? ที่ต้องเคลื่อนไหวอันเนื่องมาจากเรื่องขององค์หญิงเมื่อครู่ จะอย่างไร เจ้าต้องให้สัญญากับข้าก่อนว่า เจ้าจะไม่ลงมือทำร้ายร่างกายองค์หญิงอีกแล้วในอนาคต?”
ไป๋หลี่หานเอ่ยกล่าว ขณะเดียวกันพลันออกแรงกระชับเอวเซียถงเข้ามาชิดใกล้ และกล่าวเสียงต่ำกระซิบข้างหูว่า
“หากคราวหน้า ข้าเห็นว่าเจ้าลงมือลงไม้กับองค์หญิงอีก ก็อย่าตำหนิข้าคนนี้ว่าหยาบคาย”
“นางไม่ยั่วยุข้า ข้าก็ไม่ทำอะไร”
เซียถงสัมผัสได้ถึงแรงโอบรัดที่แผ่ซ่านมาจากช่วงเอวขึ้นมา กล่าวตอบกลับไปน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าคนนี้ไม่สนว่าระหว่างพวกเจ้าจะมีเรื่องคับข้องใจอะไรกัน แต่ตราบเท่าที่ข้าไม่อนุญาต เจ้าห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”
ขณะเอ่ยกล่าว ไป๋หลี่หานก็ออกแรงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง กระชับเอวอีกฝ่ายจนแนบเนื้อติดชิด
พอเห็นว่าสีหน้าของเซียถงเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำอมม่วง เนื่องจากแรงกอดของไป๋หลี่หานที่รุนแรงมากจนอีกฝ่ายหายใจแทบไม่ออกแล้ว ฉีหมิงเยว่พลันตื่นตระหนักอย่างยิ่ง รีบทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าไป๋หาน รีบเร่งขอโทษขอโพยด้วยความวิตกจัดว่า
“ท่านอาจารย์หาน ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดกลับเป็นข้าคนนี้เอง ท่านอาจารย์โปรดลงโทษข้าแทนเถิด! ทั้งหมดทุกอย่างมิได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซียถงเลยสักนิด ศิษย์คนนี้ขอกราบกราม ได้โปรดปล่อยเซียถง”
เซียถงเหลือบไปเห็นว่า ฉีหมิงเยว่กำลังคุกเข่าโขกศีรษะกระแทกพื้นอยู่ตรงปลายเท้าของไป๋หลี่หาน ทันใดนั้นเพลิงความพิโรธคล้ายปะทุเดือดดาลขึ้นภายในใจของนางทันที ปรากฏประกายแสงเย็นสาดวาบออกมาจากดวงตา ชั่วอึดใจขณะ เซียถงเร่งเร้าพลังลมปราณทั้งหมดไปยังปลายเท้าข้างขวา และยกขึ้นเหยียบเท้าของอีกฝ่ายอย่างแรกชนิดที่ว่าหวังจะกระทืบให้แหลกและติดพื้น
ตั้งแต่ทีแรก ไป๋หลี่หานเพียงต้องการจะสั่งสอนเซียถงเป็นบทเรียนเท่านั้น มิได้หวังจะฆ่าแกงนางกันจริงๆ พอได้ยินคำขอร้องวิงวอนของฉีหมิงเยว่ เขาเองก็กำลังจะคลายแขนออกแล้วเช่นกัน แต่เซียถงกลับยกเท้าขวากระทืบใส่เท้าของเขาอย่างแรงเสียก่อน ทำเอาขมวดคิ้วแน่นเผยสีหน้าเจ็บปวดขึ้นโดยพลัน
เซียถงไม่เพียงแค่เหยียบหลังเท้าของไป๋หลี่หานเท่านั้น แถมยังยืนเขย่งออกแรงบิดขยี้อยู่หลายรอบ อาศัยระยะประชิดปานนี้ นางเองก็มั่นใจว่า อีกฝ่ายไม่ทันจะป้องกันอะไรได้แน่นอน
เผชิญพบการลอบโจมตีกะทันหัน ไป๋หลี่หานถึงกับสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอด สีหน้าเผยความเจ็บปวดออกมาหนึ่งส่วน แขนที่เกี่ยวรั้งโอบเอวเอาไว้ รีบคลายปล่อยออกไปโดยไว
เซียถงใช้โอกาสนี้ กลิ้งตัวหลบ ตีระยะออกห่างทันที กระโจนไปทางต้นไม้ด้านหลังอีกฝ่าย คว้ามีดสั้นที่ปักคาขึ้นมา จ่อคมมีดเร้นประกายเย็นเยียบอยู่กลางแผ่นหลังของไป๋หลี่หาน