ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 97 กิ้งก่าพิษ
ตอนที่97 กิ้งก่าพิษ
ไป๋หลี่หานเหล่มองไปทางเซียถง นัยน์ตาทอประกายส่องแสงเจือผสมแววหงุดหงิดอยู่หนึ่งส่วน อยากรู้อยากเห็นอีกหนึ่งส่วน กระแสความเจ็บปวดที่ส่งแปลบมาจากหลังเท้าที่โลดแล่นขึ้นมา ทำเอาสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีใครสามารถทำให้เขาสัมผัสถึงความเจ็บปวดได้นานหลายปีแล้ว แต่การเหยียบเท้าครั้งนี้ของเซียถงชนิดไม่มียั้งแรง ทำเอาใจดวงนี้บีบเกร็งได้
ใจหนึ่งก็อยากรู้เสียเหลือเกิน ที่แค่ตีนเดียวกลับสามารถงัดเอาความเจ็บปวดเผยแสดงออกมาได้ หากนี่ไม่ใช่เขา เกรงว่านิ้วเท้าคงแหลกเละคาพื้นไปแล้วจริงๆ
ส่วนอีกใจหนึ่งก็หงุดหงิดเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่เขาเข้าปะทะกับเซียถง เสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ตนต้องสูญเสียไปไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ถึงขั้นที่ว่าบางที นางเองก็เป็นฝ่ายประสบความสูญเสียเช่นกัน
สองคู่สายตาเข้าสบประสานงา เซียถงตั้งท่าเตรียมสัประยุทธ์เต็มรูปแบบ ทางด้านไป๋หลี่หานเองก็ยังฉายแววอยากรู้อยากกเห็นอยู่เช่นเดิม ตั้งแต่แรกพบกับหญิงสาวนางนี้ ก็คล้ายกับว่านางมักจะสร้างความประหลาดใจให้แก่เขาอยู่เสมอ เบื้องหลังของนางมีความลึกลับเก็บงำซ่อนอยู่มากมาย ส่วนเรื่องรูปลักษณ์น่ะรึ? เขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว ไม่ว่าเซียถงจะมีหน้าตายังไง มันก็ยังทำให้เขารู้สึกสนใจนางไม่แปรเปลี่ยน
สายลมโบกสะบัด ต้นไม้พฤกษา กิ่งก้านกวัดแกว่ง กลีบดอกบุปผาหลายหลากสีสันไสวโปรยปราย
ท่ามกลางบรรยากาศดอกไม้บุปผาสะพรั่งพึง หนึ่งคนอยู่ในศาลา ส่วนอีกหนึ่งอยู่นอกศาลา ต่างฝ่ายต่างสบสายตาครุ่นพินิจพิจารณากันและกัน พลันปรากฏประกายแสงส่อแววประหลาดสาดฉายออกจากนัยน์ตาของแต่ละคน
“ท่านอาจารย์หาน เรื่องขององค์หญิงในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดทั้งสิ้นกับเซียถง หากท่านอาจารย์ปรารถนาต้องโทษลงทัณฑ์ ได้โปรดลงกับข้าแทนเถิด”
คั่นกลางระหว่างสองฝ่าย มีร่างอรชรเพรียวบางแลซ้ายทีขวาที ก่อนที่สุดจะหันไปขอร้องขอโพยกับไป๋หลี่หานพร้อมสีหน้าซีดเซียว
“เซียถง เจ้ายังเป็นหนี้บุณคุณข้าคนนี้อยู่ หากเจ้าสัญญาว่า จะไม่ทำร้ายองค์หญิงอีกในอยาคต เท่านี้ถือเป็นการทดแทนบุญคุณแล้ว”
ไป๋หลี่หานสะบัดแขนเสื้อยาว ยกมือทั้งสองข้างไพล่หลัง ดวงตาสาดกะพริบฉายแววชั่วร้ายเคลือบเย็นชา
“…ก็ได้”
พอหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่ไป๋หลี่หานช่วยเหลือท่านแม่ของนางเอาไว้ เซียถงก็ขมวดคิ้วแน่น พยักหน้าตอบตกลงอย่างไร้หนทาง
ผู้ใดมีบุญคุณจำต้องตอบแทน นี่คือหลักการพื้นฐานของมนุษยชน และเนื่องด้วยไป๋หลี่หานนับเป็นผู้มีบุญคุณคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าภายในใจของเซียถงจะไม่ยินยอมเพียงใด แต่สุดท้ายจำใจต้องตกลง
เซียถงที่ยอมตอบตกลงอย่างว่านอนสอนง่ายปานนี้ เล่นเอาไป๋หลี่หานผงะไปชั่วครู่หนึ่ง ทีแรกเขาคิดไว้ว่า จำเป็นต้องใช้เวลาเจรจากับนางมากกว่านี้
ดูท่าแล้วหญิงสาวผู้มีจิตใจอำมหิตและทะนงตนผู้นี้ จะให้ค่าคำว่า บุญคุณ อยู่เหนือสิ่งใด!
“ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว เช่นนั้นขอตัวลา”
เซียถงเอ่ยกล่าวขึ้นอีกคราโดยคราวนี้ไม่แม้กระทั่งเหลียวมองไป๋หลี่หานอีกต่อไป นางดึงแขนของฉีหมิงเยว่และเดินจากออกไปทันที
“เซียถง นี่เจ้ารู้จักกับท่านราชันหมาป่าสวรรค์ด้วยงั้นรึ?”
ฉีหมิงเย่ปริปากเอ่ยถามขึ้นทันใด สีหน้าท่าทางดูอยากรู้อยากเห็นมิใช่น้อย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่เหลียวหลังหันมามองด้วยซ้ำ ปราศจากเสียงตอบรับใดๆ จากหญิงสาวที่กำลังฉุดลากให้นางเดินหน้าต่อไป ราวกับว่าภายในหัวของอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่อย่างใดอย่างนั้น
“นี่เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
ฉีหมิงเยว่เอ่ยถาม พลางออกแรงเล็กน้อยกระตุกแขนเสื้อเรียกเซียถงเบาๆ
“ข้ากำลังคิดว่า จะล้างแค้นอีกฝ่ายอย่างไร”
เซียถงหันขวับสาดประกายตาสีเย็นชาเข้าใส่ฉีหมิงเยว่ แน่นอนอีกฝ่ายที่นางหมายถึงย่อมมิใช่ไป๋หลี่หาน แต่เป็นพวกที่ทำลายชุดน้ำชาของฉีหมิงเยว่จนไม่เหลือชิ้นดี
“เซียถง เจ้าอย่าคิดสั้นเช่นนั้น”
ฉีหมิงเยว่รีบคว้าแขนเสื้อของเซียถง หยุดเอาไว้ในทันใด ส่ายหน้ากล่าวตอบอย่างวิตกกังวลใจว่า
“เจ้าสร้างศัตรูไปทั่วสารทิศเกินพอแล้ว จะไปยั่วยุพวกนั้นอีกเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปเจ้าจะไม่เหลือที่ยืน”
เซียถงส่งยิ้มให้ฉีหมิงเยว่บางๆ และไม่ปริปากกล่าวอะไรอีกเลย หลังเสร็จจากคาบเรียนวิชากลยุทธ์ในช่วงบ่าย เซียถงก็ได้หายตัวไปจากสถานศึกษาไป
กลางป่าสนยามพลบค่ำ ณ หนองน้ำภายในป่าเบื้องลึก สถานที่เฉกเช่นนี้นับเป็นเรื่องยากมากสำหรับมนุษย์ที่จะบุกสำรวจเข้าไป เนื่องด้วยทั่วทั้งบริเวณอุดมไปด้วยไอพิษตลอดทั้งปี และยังมีสัตว์อสูรนิสัยดุร้ายป่าเถื่อนอาละวาดไม่เว้นวาย กล่าวได้ว่า อันตรายอย่างแท้จริง หากผู้ใดไม่สนความเป็นความตายและมองข้ามเรื่องความปลอดภัยไป ที่แห่งนี้คือแหล่งสมุนไพรชั้นเยี่ยม
“เสี่ยวฮั่ว เจ้าแน่ใจหรือว่าภายในนี้มีกิ้งก่าพิษอาศัยอยู่?”
ในบึงหญ้าสูงเท่าครึ่งตัวคน ปรากฏหญิงสาวในชุดสีขาวกำลังก้มหน้าก้มตามองหาอะไรบางอย่างอยู่ และนางคนนี้ดูสง่างามยิ่งยวด ดวงตาคู่ดำขลับดั่งหมึกทมิฬเข้มข้น ทอแสงสาดประกายระยิบ ช่างแพรวพราวราวกับดวงดาราจรัสฟ้าราตรี
“กิ้งก่าพิษมักจะเดินเตร่ในสถานที่เช่นนี้ ท่านต้องใช้ความอดทนในการเสาะหาเสียหน่อย”
เสี่ยวฮั่วส่งเสียงผ่านห้วงความคิดของเซียถง
พอได้ฟังดังนั้น เซียถงก็ก้มศีรษะกดองศาลง ใช้มือทั้งสองข้างกวาดต้นไม้ใบหญ้าที่รกเร้าเส้นสายตาให้พ้นออกไป เวลาผ่านไปจนจันทราขึ้นจากทิศตะวันออก กำลังจะร่วงโรยสู่ทิศตะวันตกแล้ว แต่เซียถงก็ยังอยู่ในท่าเดิมควานหาต่อไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในขณะนี้นางเริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อยอย่างอดมิได้
จนท้ายที่สุด พลันเห็นร่างกิ้งก่าพิษโผล่หัวออกมาจากพื้นดิน ชั่วพริบตาเดียว เซียถงสะบัดข้อมือยิงมีดสั้นพุ่งออกไป ตรึงร่างของกิ้งก่าพิษทะลวงเป็นรูโบ๋ นางคว้าร่างของมันขึ้นมาใส่ถุงผ้าเล็กๆ ที่สะพายติดมา มันยังคงพยายามออกแรงดิ้นหนีตายสุดชีวิตอยู่ในถุงดังกล่าวไม่หยุดหย่อน เซียถงแสยะยิ้มฉีกขึ้นมุมปากทันที
อาศัยกิ้งก่าพิษตัวนี้ ขอดูเสียหน่อยว่าข้าจะวางยาพิษใส่ไป๋หลี่อวี๋อิงกับบรรดาสาวๆ พวกนั้นได้สำเร็จหรือไม่
ยืดร่างเหยียดขึ้นตรงอย่างเมื่อยล้า ชั่วขณะอึดใจคล้ายกับว่าปลายหางตา นางพลันสังเกตเห็นเงาร่างบางสิ่งพุ่งโฉบมาจากทางด้านในของหนองน้ำแห่งนี้ลึกลงไปอีก เป็นเงาแซ่ซ้อนประดุจฟ้าแลบแล่นผ่าน พบเห็นดังนั้นเซียถงรีบผูกปากถุงไว้กับเอว กระชับมีดสั้นไว้ในมือ ย่อตัวเสมอพื้นดินและเริ่มย่องเบาติดตามไป
ปรากฏเป็นชายคนหนึ่งที่กำลังไล่ล่าใครบางคนที่ในตอนนี้สิ้นแรงนอนระทมเจ็บอยู่กับพื้น ชายคนนั้นถือดาบเดินตรงเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นและมากขึ้น เซียถงฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารชายถือดาบคนนั้นโดยตรง คู่เท้ากระตุกวูบกระโจนเข้าจู่โจม โดยทิ้งเข่าขวากระทุ้งกลางแผ่นหลังของมันจนเสียจังหวะล้มคะมำลง เซียถงยกมีดสั้นในมือชูขึ้นฟ้า พร้อมดิ่งพสุธาปักปลายมีดคมกริบเสียบทะลุกะโหลกของชายคนนั้นตายคาที่ทันที คล้อยหลังจัดการกับอีกฝ่ายเสร็จสรรพ เซียถงก็ลุกขึ้นมองดูอีกฝ่ายที่ถูกไล่ล่า แต่จำต้องตกตะลึงสุดขีด เพราะคนที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นกลับมิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก หยุนซีจริงๆ!
“ท่านอาจารย์หยุนซี!?”
“เร็วใช้ได้!”
หยุนซีมีอาการไอรุนแรงอยู่สองสามที ก่อนจะพยุงร่างตัวเองขึ้นจากพื้น พลางตบเศษดินเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าร่างกาย
เซียถงขมวดคิ้วทักแน่นเป็นปม จับจ้องหยุนซีด้วยความประหลาดใจ ในเวลานี้สภาพของหยุนซีกล่าวได้ว่าดูไม่จืดเลย ธารเลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนทั่วทั้งใบหน้า ชุดเสื้อผ้าของนางขาดรุ่งริ่งจนเสมือนกับว่ามีเศษริ้วเศษผ้าติดเนื้อติดกายมามากกว่า ไม่ว่าจะมองยังไง พึงตระหนักทราบได้ทันทีว่า หยุนซีคนนี้เพิ่งผ่านการสู้ศึกสัประยุทธ์ดุเดือดมาหมาดๆ
อาศัยควาแกร่งกล้าของหยุนซี กระทั่งตัวเซียถงเองก็มั่นใจว่า หากต่อสู้กับตัวนางมีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ ซึ่งการที่ได้เห็นหยุนซีมาอยู่ใฝนสภาพเช่นนี้ได้ นับว่าทำให้เซียถงประหลาดใจโดยแท้
“เจ้ามองอะไร? ไม่เคยเห็นคนสวยรึไง?”
พอเห็นเซียถงจับจ้องตาเขม็งพินิจอย่างตั้งใจ หยุนซีก็เหลือบหางตามอง กล่าวเย้าหยอกออกไปคนหนึ่ง