ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 99 ถูกพิษ (1)
ตอนที่99 ถูกพิษ (1)
ยามรุ่งสางวันถัดมา ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอกของอิ๋งเอ๋อร์ เซียถงลุกขึ้นยืดเหยียดร่างกาย บิดขี้เกียจเล็กน้อยและเดินออกไปเปิดประตู กล่าวว่า
“อิ๋งเอ๋อร์นี่ยังเช้าอยู่เลย เจ้ากลับไปนอนเถอะ”
อิ๋งเอ๋อร์ถือถังไม้เปล่าอยู่ในมือกำลังจะออกไปทำอะไรสักอย่าง แต่พอได้ยินคุณหนูของนางเอ่ยกล่าวออกมาแบบนั้น ก็เอ่ยอธิบายไปว่า
“คุณหนู บ่าวขอตัวออกไปตักน้ำมาก่อนสักรอบ มิฉะนั้นแล้วหากออกสายกว่านี้ เกรงว่าจะมีคนรอต่อแถวยาวเหยียดแล้ว”
กล่าวได้ว่าอิ๋งเอ๋อร์นางนี้ปฏิบัติหน้าที่สาวรับใช้ได้ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักครั้งจริงๆ ทันทีที่มาถึง นางก็ไล่สอบถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาบริเวณหอพัก เพื่อสอบถามทุกสิ่งที่ควรรู้ เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ตักเตรียมสิ่งของต่างๆ ให้คุณหนูของนางพร้อมเสมอ
“บ่อน้ำในป่าไผ่เขียว เจ้าห้ามแตะต้องมันเป็นอันขาดในช่วงสามวันนี้”
เซียถงเดินไปหยิบถังไม้ในมือของอิ๋วงเอ๋อร์มาไว้ที่ตน ก่อนปิดประตูเดินกลับไป นางทิ้งท้ายเพียงว่า
“ไปนอนซะ”
“แต่คุณหนู หากไม่ตักน้ำมาใช้ แล้วเรื่องสุขอนามัยของตัวคุณหนูล่ะเจ้าค่ะ? จะไม่อาบน้ำล้างหน้าในช่วงเช้าตลอดสามวันเชียว?”
อิ๋งเอ๋อร์ส่งสายตาจับจ้องเซียถงปนแววสับสน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ในช่วงสามวันต่อจากนี้ เจ้ามีหน้าที่แค่นอน ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องกังวล”
เซียถงเดินปิดประตูใส่และเดินกลับเข้าห้องไป ทิ้งให้อิ๋งเอ๋อร์ยืนงงอยู่ทั้งแบบนั้น
อิ๋งเอ๋อร์ยืนแข็งค้างเป็นรูปปั้นหินอยู่สักครู่หนึ่ง สีหน้าการแสดงออกยังคงส่อแววฉงนใจมึนงงไม่หาย สุดท้ายนี้นางทำได้เพียงเดินกลับไปขึ้นเตียงนอน หยิบยกผ้าห่มขึ้นมากอด นอนตะแคงหันหน้าจับจ้องทิศทางประตูห้องด้านในที่เซียถงอยู่ด้วยความงงงวย
ไฉนถึงไม่อนุญาตให้นางไปตักน้ำ? น่าแปลกจริงๆ!
เซียถงนั่งบนเก้าอี้ไม้ เอนศีรษะเงี่ยหูฟังเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวนอกตัวห้อง พอได้ยินเสียงขับขานเรียกใช้สาวรับใช้ประจำตนทั้งหลายจากกลุ่มสาวๆ ให้ไปตักน้ำมาล้างหน้ากินใช้ ไม่นาน เสียงกรีดร้องระงมลั่นพลันปรากฏขึ้นจากด้านนอกตัวห้อง
การแสดงฉากใหย่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แววความเย้ยเยาะสว่างวาบปรากฏขึ้นในสายตาคู่นั้นของเซียถง
“อ๊ากกก! หน้าข้า! หน้าของข้า!!”
เสียงกรีดร้องเหล่านั้นเพิ่มระดับความดังมากยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นท่ามกลางเช้าอันสดใส
ทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเหล่านี้ อิ๋งเอ๋อร์ก็สะดุ้งโหย่ง กระโดดลงจากเตียงโดยไว สับฝีเท้าเตรียมวิ่งออกทางประตูด้วยความร้อนใจ ทว่าชั่วขณะที่กำลังจะเปิดประตูเปิดออกไป จู่ๆ อิ๋งเอ๋อร์ก๋พลันนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของคุณหนูไว้ได้ จึงหันกลับมาเอ่ยถามเซียถง สีหน้ารวนเรไม่แน่ใจว่า
“คุณหนู บ่าวขออนุญาตออกไปดูได้หรือไม่?”
ทันทีที่เซียถงพยักหน้าให้ อิ๋งเอ๋อร์ก็เปิดประตูพุ่งตัวออกไปดูโดยทันที ซึ่งยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไหนไกล ก็บังเกิดเสียงกรีดร้องดังแสบแก้วหูจนระบมไปหมด
“คุณหนู! แย่แล้วคุณหนู!! พวกผู้หญิงที่อยู่ด้านนอก แต่ละคนล้วนมีใบหน้าบวมแดงและแผลสดส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมาอยู่ทั่วเลย! แค่บ่าวได้เห็นก็ถึงกับขนลุกซู่วไปทั่วร่าง! พวกนางน่าเกลียดกว่าคุณหนูเยอะเลยเจ้าค่ะ!”
ผ่านไปสักครู่ต่อมา อิ๋งเอ๋อร์ถึงกับรีบวิ่งกลับห้องแทบไม่ทัน อุทานร้องลั่นกล่าวรายงานสถานการณ์ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด แต่คล้อยหลังสิ้นเสียงพูดจบไปชั่วจังหวะ พลันตระหนักขึ้นได้ว่า ตนเองหลุดปากในสิ่งที่ไม่เคยกล่าวออกไป จึงรีบยกมือปิดปากโดยไว สีหน้าตื่นตระหนกกังวลยิ่งยวด และรีบกล่าวน้ำเสียงอ่อนในทันใด
“บ่าว…บ่าวมิได้จะหมายความว่า คุณหนูน่าเกลียดนะเจ้าค่ะ…”
“ข้าน่าเกลียดตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แล้วเจ้าก็แค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดอะไร”
เซียถงมิได้สนใจคำกล่าวประเภทนี้อยู่แล้ว ในทางตรงข้าม หากอิ๋งเอ๋อร์ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง หลังจากที่ลบเลือนร่องรอยจุดด่างดำทั่วใบหน้าไปจนสิ้น เกรงว่าสาวรับใช้ตัวน้อยนางนี้จะเป็นลมล้มพับด้วยความปีติยินดีแน่นอน เว้นช่องไฟไปหนึ่งจังหวะ เซียถงเอ่ยถามอีกครั้งว่า
“พวกนั้นน่าเกลียดเลยใช่หรือเปล่า?”
“ยิ่งกว่าน่าเกลียดอีกเจ้าค่ะ! เพราะไม่เพียงใบหน้าของคนพวกนั้นจะบวมแดงและมีแผลสด แต่ยังมีน้ำหนองไหลเยิ้มออกมา ทำให้ส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบริเวณด้วยเจ้าค่ะ! จะกล่าวว่าเละเป็นหน้าศพก็ไม่เกินจริง!”
เซียถงพยักหน้าส่งยิ้มสีจางมอบให้
“คุณหนู พวกนั้นทุกคนล้วนล้างหน้าและกินดื่มจากน้ำที่ตักมาจากบ่อในป่าไผ่เขียวทั้งสิ้น”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยปากกล่าว พลางเฝ้าสังเกตสีหน้าการแสดงออกของเซียถง
“อืม”
เซียถงพยักหน้าตอบอย่างใจเย็น
“แล้วคุณหนูทราบได้อย่างไรเจ้าค่ะว่า มีสิ่งผิดปกติบางอย่างกับบ่อน้ำในป่าไผ่เขียวแห่งนั้น?”
น้ำเสียงเอ่ยถามฟังดูรวนเรไม่แน่ใจ แต่ไม่ว่านางจะโง่สักแค่ไหน แต่ยามนี้เองก็พึงทราบเช่นกัน เรื่องความผิดปกติในบ่อน้ำนั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูของนางไม่มากก็น้อย
“คุณหนูของเจ้าย่อมรู้ดี”
เซียถงส่งยิ้มพร้อมคำตอบแสนกำกวมไปให้ ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูออกน้องห้องไปอย่างสงบ เกรงว่าเวลานี้คงถึงคราวที่ต้องเชยชมผลงานหน่อยแล้ว
เซียถงเดินจับราวบันไดลงไปชั้นล่างท่าทีใจเย็น เดินไปยังหอพักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทำทีเดินผ่านไม่มีอะไร ในระหว่างนั้นก็แอบสังเกตเห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งยืนมุงอยู่หน้าประตูห้องของไป๋หลี่อวี๋อิง แต่ละคนล้วนมีผ้าผืนใหญ่โพกอยู่ทั่วใบหน้า เหลือแค่ช่องแคบบริเวณสายตาที่เปิดให้เห็น บางคนถึงกับร้อนใจสุดขีดรอไม่ไหว ยกกำปั้นขึ้นทุบประตูเรียก รอให้ไป๋หลี่อวี๋อิงเปิดประตูออกมาคุยกับพวกนาง แน่นอนทั้งหมดก็เพื่อขอโอสถล้างพิษน็น
พวกนางกลุ่มนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก บรรดาสาวๆ ที่ทำลายถ้วยน้ำชาของฉีหมิงเยว่ทิ้งเมื่อวานนี้
พอเห็นแต่ละนางโพกผ้าเป็นชั้นหนาทั่วทั้งใบหน้าและศีรษะ ทำท่าทำทางลับๆ ล่อๆ ก้มหน้าก้มตามองแต่พื้น พลันปรากฏรอยยิ้มฉายแววพึงพอใจเปล่งสะท้อนออกมาจากดวงตาของเซียถง
โอสถพิษที่มีวัตถุดิบหลักเป็นกิ้งก่าพิษในหนองน้ำ มีเพียงนักหลอมโอสถระดับชั้นปราชญ์โอสถขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถหลอมกลั่นโอสถล้างพิษชนิดนี้ออกมาได้ และไป๋หลี่อวี๋อิงที่เป็นแค่ราชาโอสถ ย่อมไม่มีคุณสมบัติความสามารถนั้นโดยสิ้นเชิง สรุปได้ว่า พวกนางจะต้องทนอยู่ในสภาพใบหน้าเละดั่งศพเช่นนี้เป็นเวลาถึงสามเดือนเต็ม พิษเหล่านี้ถึงจะถูกขับออกไปได้โดยใช้พลังลมปราณ
ตนใช้ชีวิตติดพันความอัปยศบนใบหน้าถึงสามเดือนเต็ม นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทรมานพวกนางจนขาดใจตาย!
บรรดาสาวๆ เหล่านั้นยังคงยืนรออยู่หน้าห้องของไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นเวลานานแสนนาน แต่พอไม่เห็นว่าองค์หญิงของพวกนางจะเปิดประตูอออกมาต้อนรับเสียที แต่ละคนก็ยิ่งวิตกกังวลหนักอึ้ง รีบช่วยกันยกมือเคาะประตูทันทีด้วยความตื่นตระหนก
“องค์หญิงเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปด้วย! พวกเราถูกวางยาพิษ! องคห์หญิงโปรดนำโอสถถอนพิษแก่พวกเราด้วยเถิด!”
ไม่นาน ประตูห้องของไป๋หลี่อวี๋อิงก็ถูกเปิดออก พร้อมกับสาวรับใช้นางหนึ่งที่ปรากฏขึน้หน้าประตู เอ่ยปากทักบรรดาสาวๆ ขึ้นว่า
“วันนี้องค์หญิงไม่สบายและไม่สะดวกที่จะพบใครทั้งสิ้น คุณหนูทั้งหลายโปรดกลับไปก่อนเถิด”
“ไม่! ข้าถูกวางยาพิษ และต้องการโอสถถอนพิษเดี๋ยวนี้! ไม่ว่าองค์หญิงจะคิดค่าโอสถเป็นจำนวนเท่าใด ขอเพียงเอ่ยมาเท่านั้น พวกเราพร้อมจ่าย! เจ้าไปเรียกองค์หญิงออกมา!”
บรรดาสาวๆ ยิ่งตื่นตระหนก วิตกจริตกันหนักเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวรับใช้ตรงหน้าป่าวประกาศออกมาดังนี้ ขณะเอ่ยกล่าวออกมา พวกนางแต่ละคนก็พยายามเบียดเสียดเข้าไปภายในห้องของไป๋หลี่อวี๋อิงกันอย่างชุลมุน
“องค์หญิงไม่ประสงค์จะพบผู้ใดในวันนี้ หากพวกท่านยังคิดขัดขืนคำสั่งและบุกรุกเข้ามากันทั้งแบบนี้ เกรงว่าองค์หญิงจะโกรธเอาได้!”
สาวรับใช้นางนั้นของไป๋หลี่อวี๋อิงรีบกางแขนขาเพื่อหยุดไม่ให้บรรดาสาวๆ พวกนั้นหลุดเข้าไปในห้อง
“แต่ข้าต้องการพบองค์หญิง! องค์หญิงมีความสัมพันธ์อันดีและสนิทสนมกับพวกเราเป็นที่สุดแล้ว! หากองค์หญิงทรงทราบว่าพวกเราโดนวางยาพิษ นางจะต้องอนุญาตให้เราเข้าไปด้านในแน่นอน!”
“องค์หญิงเจ้าค่ะ! ขอโอสถล้างพิษแก่พวกเราด้วย!!”
พอได้ยินสาวรับใช้ของป็หลี่อวี๋อิงกล่าวแบบนั้น บรรดาสาวๆ ทั้งหลายก็กลายเป็นบ้าในทันที โดยไม่สนใจถึงตัวตนของไป๋หลี่อวี๋อิงอีกต่อไป พวกนางโยนผ้าและเสื้อผ้ากองโตที่ใช้โพกใบหน้าและศีรษะทิ้งกับพื้นทันที เผยให้เห็นใบหน้าบวมเละอย่างกับศพแสนน่าสยดสยองขึ้นมา พวกนางทั้งหมดแย่งกันเข้าไปภายในห้องไป๋หลี่อวี๋อิงราวกับผีดิบหิวกระหายก็มิปาน
เซียถงเฝ้ามองภาพฉากนี้ ระเบิดหัวเราะเยาะเย้ยภายในใจอย่างสนุกสนาน และตามที่บอกเล่ากล่าวเอาไว้ หากต้องการลบเลือนใบหน้าบวมเลาะดั่งศพนี่ทิ้ง จำเป็นต้องรอให้ผ่านพ้นช่วงระยะสามเดือน
“นี่พวกเจ้าไม่ฟังคำสั่งของข้าแล้วงั้นรึ?! คงเบื่อกับชีวิตนักกระมัง!?! ข้าบอกให้พวกเจ้าไสหัวไป!!!”
ขณะที่บรรดาสาวๆ พุ่งตัวแย่งกันเข้าห้องผ่านประตูบานน้อยจนติดแหง็กแออัดกัน ทันใดนั้นไป๋หลี่อวี๋อิงก็ปรากฏตัวขึ้นจากภายในห้อง ยืนกรานต่อหน้าทุกคน ยกมือขึ้นสะบัดแส้ยาวสีดำกระหน่ำฟาดใส่พวกนางจนแตกกระเจิง
ใครที่อยู่ด้านหน้าล้วนโดนกระหน่ำแส้เฆี่ยนตีร้องไม่เป็นภาษา ส่วนพวกที่อยู่ด้านหลังเห็นแบบนั้นเข้าก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนกตกใจ